สวัสดีค่ะเราจู้จี้นะคะ ตอนนี้เป็นบล็อกเกอร์สายท่องเที่ยวและสายกิน ส่วนตัวเราเป็นคนที่ชอบกินมากๆ โดยเฉพาะเวลาที่ไปเที่ยวต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ ส่วนใหญ่ก็จะชอบลองกินพวกอาหารโลคอลหรืออาหารแปลกๆ ตลอด
แต่ช่วงหลังๆ เวลากินอาหารบางอย่างเข้าไปเราก็มักจะมีอาการท้องเสีย บางทีก็มีผื่นขึ้นแบบไม่รู้สาเหตุ เราเลยแอบคิดว่าอาการเหล่านี้อาจเกิดจากการแพ้อาหารอะไรบางอย่างหรือเปล่า แต่ด้วยความที่เราเป็นคนกินเยอะ กินหลากหลายมากๆ เลยเดาไม่ถูกว่าตัวเองแพ้อะไรกันแน่
เพราะสาเหตุนี้เราเลยอยากมาตรวจภาวะไวต่ออาหารดู จะได้รู้ไปเลยว่าจริงๆ แล้วอาการที่เป็นอยู่เกิดจากการแพ้อาหารจริงไหม แล้วเราแพ้อะไรบ้าง จะได้หลีกเลี่ยงถูก
พอตัดสินใจที่จะไปตรวจ เราเลยลองหาข้อมูลเพิ่มเติมว่าจะไปตรวจภาวะไวต่ออาหารที่ไหนดี จนได้มาเจอกับโปรแกรมตรวจภาวะไวต่ออาหาร 272 รายการ ที่ N Health
ซึ่งจากที่อ่านรายละเอียดดูแล้ว โปรแกรมนี้ก็คุ้มค่ามากๆ เพราะมีรายการตรวจภาวะไวต่ออาหารถึง 272 รายการ ที่สำคัญยังเป็นการตรวจด้วยวิธีการเจาะเลือด ทำให้สะดวกสบาย ใช้เวลาไม่นาน เราเลยตัดสินใจจองคิวทำนัดและเลือกใช้บริการที่นี่ทันทีค่ะ
สารบัญ
ภาวะไวต่ออาหารคืออะไร?
หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าภาวะไวต่ออาหารคืออะไร จากที่เราได้ศึกษาข้อมูลมา ภาวะไวต่ออาหาร (Food Sensitivity) ก็คือภาวะที่ร่างกายไม่สามารถย่อยหรือดูดซึมอาหารบางชนิดได้อย่างปกติค่ะ เช่น แล็กโทสในนม, กลูเตนในขนมปัง หรือสารเคมีในอาหารแปรรูป
ซึ่งลักษณะอาการของภาวะไวต่ออาหารจะไม่เหมือนกับการแพ้อาหารโดยตรง แต่จะเกิดขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไปและมักมีอาการที่พบได้บ่อยๆ เช่น อาการท้องอืด, ปวดท้อง, ท้องเสีย, ท้องผูก, มีผื่นคัน, ผิวแห้ง, ปวดหัว, อ่อนเพลีย, มึนงง หรืออารมณ์แปรปรวนง่าย
รีวิวตรวจภาวะไวต่ออาหาร ที่ N Health
เมื่อถึงวันนัดหมาย เราก็เข้ามาที่ N Health แล้วติดต่อเจ้าหน้าที่หน้าเคาน์เตอร์ได้เลยค่ะ โดยอันดับแรกเราก็ยื่นบัตรประชาชนให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อลงทะเบียนทำประวัติกับทาง N Health ก่อน
หลังจากลงทะเบียนเสร็จ เจ้าหน้าที่ก็จะพาไปที่จุด Self Service เพื่อวัดส่วนสูง ชั่งน้ำหนัก วัดอุณหภูมิร่างกาย และวัดความดัน โดยตัวเครื่องจะเป็นแบบเลเซอร์ซึ่งเป็นอะไรที่ใหม่มากๆ เราไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนเลยค่ะ จากนั้นก็ไปเริ่มขั้นตอนการเจาะเลือดต่อเลย
ขั้นตอนการตรวจภาวะไวต่ออาหาร
สำหรับขั้นตอนการตรวจภาวะไวต่ออาหาร นักเทคนิคการแพทย์จะพาไปที่โซนสำหรับเจาะเลือดโดยเฉพาะค่ะ ซึ่งโซนนี้จะมีม่านกั้นเพื่อความเป็นส่วนตัวและมีโซฟานุ่มๆ ให้นั่ง เป็นอะไรที่สะดวกสบายมาก
พอมาถึงที่โซนเจาะเลือดแล้ว เราก็นั่งลงบนโซฟาและเอาแขนข้างที่ไม่ถนัดขึ้นมาวางไว้บนที่รองแขน จากนั้นนักเทคนิคการแพทย์ก็จะนำสายมารัดไว้เหนือข้อพับแขนเพื่อหาเส้นเลือดเลย
เมื่อนักเทคนิคการแพทย์เจอเส้นเลือดแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็จะใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์มาเช็ดบริเวณข้อพับแขนเพื่อฆ่าเชื้อ จากนั้นก็เริ่มเจาะเลือดทันที
ความรู้สึกระหว่างที่เจาะเลือดเราจะบอกว่าไม่รู้สึกเจ็บเลยค่ะ ใครที่กลัวเข็มก็ไม่ต้องกลัวเลยนะคะ นักเทคนิคการแพทย์ที่นี่เขามือเบามาก แถมใช้เวลาไม่นาน แค่ประมาณ 5 นาทีก็เสร็จแล้วค่ะ
หลังจากที่ไปเก็บตัวอย่างเลือดมาแล้วเรียบร้อย เจ้าหน้าที่ก็แจ้งว่าอีกประมาณ 5 วันให้รอรับผลตรวจทางอีเมลได้เลย และหลังจากนั้น 5 วัน ทาง N Health จะส่งคำแนะนำในการอ่านผลตรวจมาให้เป็นรูปเล่มทางไปรษณีย์ค่ะ
ซึ่งในเล่มไกด์บุ๊คก็จะมีอธิบายรายละเอียดของผลตรวจเอาไว้หมดเลยว่าแท็บแต่ละสีคืออะไร สามารถทานอะไรได้บ้าง แบบไหนที่เรียกว่าอยู่ในจุดอันตรายและควรหลีกเลี่ยง พอมีไกด์บุ๊คมาให้แบบนี้ก็ทำให้เราอ่านผลตรวจได้ง่ายขึ้นมากๆ ค่ะ
ผลตรวจภาวะไวต่ออาหาร
หลังจากรอผลตรวจประมาณ 5 วัน ผลก็ส่งมาให้ทางอีเมลแล้วค่ะ ซึ่งผลตรวจที่ออกมาก็ค่อนข้างเซอร์ไพรส์เลย เพราะอาหารบางอย่างที่เรากินทุกวันไม่นึกว่าตัวเลขการไวต่ออาหารจะออกมาสูงขนาดนี้ ซึ่งลิสต์อาหารที่เราแพ้ก็จะมีหมู ไก่ ชีส นมวัว นมแพะ และก็นมแกะค่ะ
ส่วนกาแฟที่ส่วนตัวคิดว่าตัวเองต้องแพ้แน่ๆ แต่ตัวเลขที่ออกมาก็คือน้อยมาก เท่ากับว่ายังสามารถดื่มกาแฟได้ปกติ แต่อาจจะต้องหลีกเลี่ยงกาแฟที่มีส่วนผสมของนม หรือเลือกดื่มเป็นกาแฟดำแทน แล้วก็โชคดีที่เราไม่มีภาวะแพ้อาหารทะเล เพราะส่วนตัวเป็นคนชอบกินอาหารทะเลมากๆ
ถ้าถามว่าตรวจภาวะไวต่ออาหารแล้วชีวิตดีขึ้นยังไงบ้าง ส่วนตัวเรารู้สึกว่าพอตรวจแล้วเราก็ไม่ต้องไปเดาสุ่มสี่สุ่มห้าว่ากินอะไรแล้วร่างกายจะมีภาวะไวต่ออาหารบ้าง รวมถึงเมื่อเรารู้ว่าตัวเองแพ้อาหารชนิดไหนแล้ว ก็ทำให้หลีกเลี่ยงหรือจำกัดความถี่และปริมาณการกินสิ่งนั้นได้ถูก ทำให้พวกอาการท้องเสียหรือผื่นที่ชอบขึ้นตามตัวก็ลดลงไปด้วยค่ะ
บรรยากาศของ N Health
หลังจากที่ได้เข้ามาใช้บริการที่ N Health เราก็รู้สึกประทับใจและรู้สึกว่าเป็นการมาตรวจภาวะไวต่ออาหารที่สะดวกสบายมากๆ เลยค่ะ ด้วยบรรยากาศที่ดูดี มีพื้นที่กว้างขวาง แบ่งแต่ละโซนเป็นสัดส่วนอย่างดี ทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากๆ
แล้วที่สำคัญเจ้าหน้าที่ทุกคนก็น่ารักและใจดีมากๆ ให้คำแนะนำเป็นอย่างดี คอยอธิบายทุกขั้นตอนให้อย่างละเอียดเข้าใจง่าย โดยรวมแล้วไม่ผิดหวังเลยค่ะ ประทับใจกับการให้บริการของที่นี่มากๆ
ถ้าใครสนใจอยากตรวจภาวะไวต่ออาหารแบบเรา ก็แนะนำให้มาใช้บริการโปรแกรมตรวจภาวะไวต่ออาหาร ที่ N Health เลยนะคะ ตรวจง่าย สะดวก ใช้เวลาไม่นาน แถมยังครอบคลุมรายการอาหารถึง 272 รายการ
ถ้าเพื่อนๆ สนใจก็สามารถเข้าไปจองแพ็กเกจผ่าน HDmall.co.th ได้เลยค่ะ แอบกระซิบนิดนึงว่าในนี้เค้ามีราคาพิเศษอยู่ด้วย คุ้มสุดๆ แถมยังมีบริการให้แพทย์อ่านผลตรวจผ่านวิดีโอคอลให้ฟรีอีกด้วย!