Default fallback image

ปวดท้องส่วนบน กดแล้วเจ็บ ตัว-ตาเหลือง สัญญาณตับอ่อนอักเสบ

โรคตับอ่อนอักเสบคืออะไร?

โรคตับอ่อนอักเสบ (Pancreatitis) คือ ภาวะที่ตับอ่อนเกิดการอักเสบและการทำลายเนื้อเยื่อของตับอ่อนจากการที่น้ำย่อยในตับอ่อนไหลกลับไปย่อยสลายเซลล์ของตับอ่อนเอง แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือ ตับอ่อนอักเสบชนิดเฉียบพลันและชนิดเรื้อรัง ซึ่งทำให้เกิดอาการที่รุนแรงถึงขั้นทำให้ระบบต่างๆ ในร่างกายเสียหายได้

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง

การเกิดตับอ่อนอักเสบมีหลายปัจจัยที่สามารถกระทบต่อการทำงานของตับอ่อน และอาจทำให้เกิดอาการอักเสบได้ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคนี้ ได้แก่

  1. นิ่วในถุงน้ำดี : นิ่วในถุงน้ำดีอาจทำให้ท่อน้ำดีและท่อตับอ่อนอุดตัน ส่งผลให้สารที่ช่วยในการย่อยอาหารจากตับอ่อน ไม่สามารถระบายออกจากร่างกายได้ และคั่งค้างอยู่จนทำให้ตับอ่อนอักเสบ การอุดตันนี้อาจเกิดขึ้นจากนิ่วที่มาจากถุงน้ำดีหรือท่อตับอ่อนโดยตรง
  2. การดื่มแอลกอฮอล์อย่างหนัก: การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากและต่อเนื่อง สามารถทำลายเซลล์ตับอ่อนและกระตุ้นให้เกิดการอักเสบได้ อีกทั้งยังทำให้เกิดภาวะไขมันในตับอ่อนสูง ซึ่งส่งผลให้การทำงานของตับอ่อนไม่ปกติและเสี่ยงต่อการเกิดโรคตับอ่อนอักเสบ
  3. การสูบบุหรี่: อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหลายชนิด รวมถึงโรคตับอ่อนอักเสบด้วย เพราะสารพิษจากบุหรี่สามารถทำลายเซลล์และเนื้อเยื่อต่างๆ ในร่างกาย รวมถึงการทำงานของตับอ่อน ทำให้เกิดการอักเสบและความเสียหาย
  4. โรคซิสติก ไฟโบรซิส (Cystic Fibrosis): เป็นโรคทางพันธุกรรมที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของหลายระบบในร่างกาย รวมถึงตับอ่อน ซึ่งอาจทำให้มีการผลิตสารที่เหนียวข้นในตับอ่อน ส่งผลให้ท่อตับอ่อนอุดตันและทำให้เกิดการอักเสบ
  5. ปริมาณธาตุเหล็กในเลือดสูง และ แคลเซียมในเลือดสูง: เมื่อระดับธาตุเหล็กหรือแคลเซียมในเลือดสูงเกินไป อาจทำให้เกิดการสะสมในตับอ่อน ซึ่งอาจกระตุ้นให้เกิดการอักเสบหรือลุกลามไปสู่การทำลายเซลล์ของตับอ่อน
  6. อุบัติเหตุหรือการผ่าตัดที่ทำให้ช่องท้องได้รับบาดเจ็บ: การได้รับบาดเจ็บที่ท้องหรือการผ่าตัดในบริเวณช่องท้องอาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรือการอักเสบของตับอ่อน
  7. ประวัติครอบครัว: จากสถิติพบว่า ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเกี่ยวข้องกับโรคนี้อาจมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคตับอ่อนอักเสบมากกว่าคนทั่วไป

ทั้งนี้การป้องกันตับอ่อนอักเสบสามารถทำได้โดยการปรับพฤติกรรม เช่น ควบคุมการดื่มแอลกอฮอล์ ไม่สูบบุหรี่ และการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ

อาการของโรคตับอ่อนอักเสบ

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าโรคตับอ่อนอักเสบ แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือ ตับอ่อนอักเสบชนิดเฉียบพลันและชนิดเรื้อรัง

โรคตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน

  • ปวดท้องส่วนบนอย่างรุนแรง: เริ่มจากบริเวณส่วนบนของท้อง (บริเวณใต้กระดูกซี่โครง) และอาจลามไปยังหลัง ทำให้รู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก ซึ่งเป็นอาการหลักที่พบในผู้ป่วยที่มีตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน
  • คลื่นไส้และอาเจียน: เนื่องจากการอักเสบของตับอ่อนที่กระทบกับระบบย่อยอาหาร จึงทำให้เกิดอาการคลื่นไส้และอาเจียนได้
  • มีไข้และอาการดีซ่าน: อาการไข้เกิดจากการติดเชื้อหรือการอักเสบในร่างกาย ส่วนดีซ่าน (ผิวและตาเหลือง) เกิดจากความผิดปกติในกระบวนการขับถ่ายของน้ำดี
  • ท้องอืดและเจ็บท้องเมื่อสัมผัส: ผู้ป่วยจะรู้สึกท้องอืดและเจ็บท้องเมื่อถูกกด หรือสัมผัสเนื่องจากการอักเสบในช่องท้อง
  • ภาวะขาดน้ำและช็อก: เนื่องจากการอาเจียนและท้องเสีย ทำให้ร่างกายขาดน้ำ ซึ่งในกรณีที่รุนแรงอาจเกิดภาวะช็อก จำเป็นต้องรับการรักษาอย่างเร่งด่วน

โรคตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง

  • ปวดท้องส่วนบน: อาการปวดท้องจะมีลักษณะเป็นๆ หายๆ หรืออาจปวดตลอดเวลา ซึ่งเป็นอาการที่เกิดขึ้นเรื้อรัง และมักจะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกไม่สบายตัว
  • อุจจาระสีเทาและมีกลิ่นเหม็น: เมื่อการย่อยอาหารผิดปกติ อุจจาระอาจผิดปกติตามไปด้วย เนื่องจากมีไขมันไม่ย่อยหรือไม่ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย
  • น้ำหนักลดลงและการดูดซึมสารอาหารไม่ดี: เมื่อระบบย่อยอาหารทำงานไม่เต็มที่ ร่างกายจะดูดซึมสารอาหารได้ไม่ดี ทำให้น้ำหนักลดลง

ปวดท้องส่วนบน ลามไปยังหลัง และมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน แค่โรคกระเพาะ หรือตับอ่อนอักเสบ?! อยากตรวจให้แน่ใจ ทักหาทีม HDcare ได้เลย พร้อมนัดคิวกับคุณหมอเฉพาะทาง ปรึกษาทางไลน์ สะดวก รวดเร็ว คลิกเลย

การตรวจวินิจฉัยโรคตับอ่อนอักเสบ

การตรวจวินิจฉัยโรคตับอ่อนอักเสบมักจะใช้หลายวิธีร่วมกัน เพื่อให้ได้ผลการวินิจฉัยที่แม่นยำ

  • การตรวจเลือด: ตรวจหาค่าของเอนไซม์จากตับอ่อน เช่น เอเอ็มไอ (Amylase) และ ไลเปส (Lipase) ที่อาจสูงขึ้นเมื่อเกิดการอักเสบ และระดับน้ำตาลในเลือดที่อาจผิดปกติ
  • อัลตราซาวด์ และ CT Scan: ใช้เพื่อค้นหานิ่วในถุงน้ำดี ที่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งของการอักเสบ รวมถึงตรวจหาการอักเสบในตับอ่อน
  • MRI: ใช้เพื่อดูภาพของท่อตับอ่อนและความผิดปกติอื่นๆ ในช่องท้อง ที่อาจเกี่ยวข้องกับการอักเสบ เช่น การอุดตันของท่อตับอ่อน

การรักษาโรคตับอ่อนอักเสบ

การรักษาโรคตับอ่อนอักเสบ มี 2 แนวทาง แบ่งตามประเภทของการอักเสบ ได้แก่

โรคตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน

  • การให้สารน้ำทางหลอดเลือด: เนื่องจากผู้ป่วยมักจะอาเจียนและท้องเสีย ซึ่งทำให้ร่างกายขาดน้ำ ดังนั้นจึงต้องให้สารน้ำเพื่อช่วยชดเชยน้ำที่สูญเสียไปและป้องกันการเกิดภาวะขาดน้ำ
  • ยาบรรเทาอาการปวด: เพื่อช่วยลดอาการปวดท้องรุนแรงจากการอักเสบ
  • การผ่าตัด: หากพบการติดเชื้อหรือเนื้อเยื่อตับอ่อนตาย จำเป็นต้องผ่าตัดเพื่อกำจัดเนื้อเยื่อที่เสียหาย
  • การผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี: หากมีนิ่วในถุงน้ำดีและเป็นสาเหตุของการอักเสบ แพทย์อาจแนะนำการผ่าตัดเพื่อเอานิ่วออก

โรคตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง

  • การปรับโภชนาการ: ควบคุมอาหารโดยหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง เพื่อไม่ให้ตับอ่อนทำงานหนักเกินไป
  • การงดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่: เพราะการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่สามารถทำให้ตับอ่อนอักเสบได้ง่ายขึ้น
  • การใช้เอนไซม์ตับอ่อนหรืออินซูลิน: ในกรณีที่มีปัญหาการย่อยอาหารหรือการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
  • การผ่าตัดหรือระบายเอนไซม์: หากผู้ป่วยมีอาการปวดท้องจากการอักเสบเรื้อรังและไม่สามารถควบคุมได้ด้วยการรักษาอื่นๆ

โรคตับอ่อนอักเสบเรื้องรัง เป็นโรคที่ป้องกันได้ เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว มาเปลี่ยนพฤติกรรมโดยรับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงของโรค 

สงสัยว่าเป็นตับอ่อนอักเสบอยู่หรือเปล่า? ปรึกษาทีม HDcare ได้เลย เราพร้อมเป็นผู้ช่วยส่วนตัวดูแลสุขภาพคุณ สอบถามข้อมูลเบื้องต้นกับคุณหมอเฉพาะทาง ทำนัดปรึกษาคุณหมอได้รวดเร็ว หรือค้นหาแพ็กเกจตรวจวินิจฉัยโรคตับอ่อนอักเสบ จาก รพ. หรือคลินิกใกล้คุณได้ทันที คลิกที่นี่เลย

Scroll to Top