เมื่อพูดถึง “เลนส์แก้วตาเทียม” หลายคนอาจเข้าใจว่ามีเพียงชนิดเดียว และใช้รักษาโรคต้อกระจก เท่านั้น แต่ความจริงแล้วเลนส์แก้วตาเทียมมีหลากหลายชนิด ซึ่งสามารถปรับแก้ปัญหาค่าสายตาของผู้ป่วยได้ด้วย โดยขึ้นอยู่กับชนิดของเลนส์แก้วตาเทียมที่แพทย์และผู้ป่วยเลือก
แล้วเลนส์แก้วตาเทียมมีกี่ชนิด แต่ละชนิดแตกต่างกันอย่างไร มีข้อดีข้อ จำกัดอย่างไรบ้าง รวมถึงก่อนเลือกเลนส์แก้วตาเทียม เราควรต้องคำนึงถึงปัจจัยใด มาอ่านให้คลายสงสัยกับบทความนี้ได้เลย
สารบัญ
เลนส์แก้วตาเทียมมีกี่ชนิด?
เลนส์แก้วตาเทียมจำแนกออกได้ 2 ชนิดใหญ่ๆ และยังแบ่งชนิดย่อยลงไปอีก เพื่อให้ตอบโจทย์ปัญหาสายตาในผู้ป่วยแต่ละรายได้อย่างครอบคลุม ได้แก่
1. เลนส์แก้วตาเทียมชนิดแข็ง
เป็นเลนส์แก้วตาเทียมที่ใช้ในการผ่าตัดเปิดแผลใหญ่ ซึ่งเป็นการผ่าตัดต้อกระจกแบบดั้งเดิม มีข้อดี คือ กระบวนการผ่าตัดค่อนข้างง่าย ไม่ซับซ้อน และสามารถใช้ผ่าตัดในกรณีที่ผู้ป่วยเกิดภาวะแทรกซ้อนระหว่างผ่าตัดแบบเปิดแผลเล็ก หรือที่เรียกอีกชื่อว่า “การสลายต้อกระจกด้วยคลื่นอัลตราซาวด์” ได้
แต่ขณะเดียวกันเลนส์แก้วตาเทียมชนิดแข็งก็มีข้อจำกัด คือ ช่วยแก้ไขการมองเห็นระยะไกลหรือปัญหาสายตาสั้นได้เท่านั้น หากผู้ป่วยมีปัญหาสายตายาวหรือสายตาเอียงด้วย ก็ยังจำเป็นต้องอาศัยแว่นสายตาช่วยในการมองเห็น
2. เลนส์แก้วตาเทียมชนิดพับได้
เป็นเลนส์แก้วตาเทียมที่ใช้ในการผ่าตัดแบบเปิดแผลเล็ก หรือที่เรียกอีกชื่อว่า “การสลายต้อกระจกด้วยคลื่นอัลตราซาวด์” ซึ่งเป็นการผ่าตัดรักษาต้อกระจกที่ได้รับความนิยม ณ ปัจจุบัน ผ่านการใช้คลื่นเสียงความถี่สูงเป็นตัวช่วยในการผ่าตัด ทำให้แผลผ่าตัดเล็กเพียงไม่เกิน 3 มิลลิเมตร ช่วยให้ฟื้นตัวเร็ว เจ็บน้อย และไม่ต้องเย็บแผลหลังผ่าตัด
นอกจากนี้เลนส์แก้วตาเทียมชนิดพับได้ยังแบ่งย่อยออกได้อีกหลายชนิด เพื่อให้ตอบโจทย์ปัญหาสายตาในผู้ป่วยแต่ละรายได้อย่างครอบคลุม ดังนี้
1. เลนส์แก้วตาเทียมแบบโฟกัสระยะเดียว (Monofocal IOLs)
เป็นเลนส์แก้วตาเทียมที่ช่วยแก้ไขการมองเห็นระยะไกลให้คมชัด มีข้อดี คือ ราคาถูกที่สุด เมื่อเทียบกับเลนส์แก้วตาเทียมแบบพับได้ชนิดอื่นๆ แต่มีข้อจำกัด คือ ไม่ช่วยแก้ไขการมองเห็นระยะใกล้ และปัญหาสายตาเอียงด้วย หากผู้ป่วยมีปัญหาสายตายาวหรือสายตาเอียง ก็ยังจำเป็นต้องพึ่งพาการใช้แว่นสายตาอยู่
2. เลนส์แก้วตาเทียมแบบโฟกัสหลายระยะ (Multifocal IOL)
เป็นเลนส์แก้วตาเทียมที่ช่วยปรับแก้การมองเห็นได้หลายระยะ โดยแก้ไขได้มากที่สุดถึง 3 ระยะ ใกล้ กลาง และไกล มีข้อดี คือ ลดการพึ่งพาการใส่แว่นสายตาได้มากขึ้น แก้ปัญหาได้ทั้งสายตาสั้นและสายตายาว โดยผู้ป่วยสามารถเลือกได้ว่าจะใช้เลนส์แบบโฟกัส 2 ระยะ หรือแบบ 3 ระยะ
นอกจากนี้ผู้ป่วยสามารถเลือกใส่เลนส์แก้วตาเทียมแบบโฟกัส 2 ระยะกับดวงตาทั้ง 2 ข้างในแบบที่แตกต่างกันได้ เพื่อให้การมองเห็นคมชัดทั้ง 3 ระยะด้วยเลนส์แบบ 2 ระยะ เช่น ตาขวาใส่เลนส์ที่มองชัดระยะใกล้และไกล ส่วนตาข้างซ้ายใส่เลนส์ที่มองชัดระยะกลางและไกล
แต่ขณะเดียวกันเลนส์แก้วตาเทียมแบบโฟกัสหลายระยะก็มีข้อจำกัด คือ ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาสายตาเอียงได้ รวมถึงความคมชัดในการมองเห็นจะไม่เท่ากับเลนส์แก้วตาเทียมแบบโฟกัสระยะเดียว
หากผู้ป่วยต้องทำกิจกรรมที่ต้องใช้สายตาเพ่ง เช่น เย็บผ้า ซ่อมอุปกรณ์ อ่านหนังสือตอนกลางคืน ก็อาจยังต้องพึ่งการใส่แว่นสายตาอยู่ และเพิ่มแสงไฟในการทำกิจกรรมในบางโอกาส นอกจากนี้ยังอาจมองเห็นแสงแตกกระจายในเวลากลางคืนด้วย
ชนิดย่อยของเลนส์แก้วตาเทียมแบบโฟกัสหลายระยะสามารถจำแนกได้ดังต่อไปนี้
- เลนส์แก้วตาเทียมแบบโฟกัส 2 ระยะ ใกล้และไกล ส่วนระยะกลางจะยังมองเห็นไม่ชัด
- เลนส์แก้วตาเทียมแบบโฟกัส 2 ระยะ กลางและไกล ส่วนระยะใกล้จะยังมองเห็นไม่ชัด
- เลนส์แก้วตาเทียมแบบโฟกัส 3 ระยะ ใกล้ กลาง และไกล มองเห็นชัดทุกระยะ
3. เลนส์แก้วตาเทียมแบบแก้ไขสายตาเอียง (Toric IOLs)
เป็นเลนส์แก้วตาเทียมที่ช่วยปรับแก้ปัญหาค่าสายตาเอียงโดยเฉพาะ มีข้อดี คือ หากเลือกเลนส์แก้ไขสายตาเอียงอย่างเดียว ค่าใช้จ่ายก็มีโอกาสถูกลง
นอกจากนี้ก็ยังมีการแบ่งย่อยเลนส์แก้วตาเทียมที่แก้ไขสายตาเอียง พร้อมกับแก้ไขการมองเห็นระยะอื่นๆ ได้อีก แต่ก็จะทำให้ราคาสูงขึ้นตามไป โดยมีชนิดย่อยดังนี้
- เลนส์แก้วตาเทียมแบบโฟกัสระยะเดียว และแก้ไขสายตาเอียง (Monofocal Toric IOL) ช่วยปรับแก้การมองเห็นระยะไกลให้คมชัด และช่วยแก้ปัญหาสายตาเอียง
- เลนส์แก้วตาเทียมแบบโฟกัสหลายระยะ และแก้ไขสายตาเอียง (Multifocal Toric IOL) สามารถแบ่งย่อยลงไปได้อีก คือ
- เลนส์แก้วตาเทียมแบบโฟกัส 2 ระยะ ใกล้และไกล พร้อมแก้ปัญหาสายตาเอียง
- เลนส์แก้วตาเทียมแบบโฟกัส 2 ระยะ กลางและไกล พร้อมแก้ปัญหาสายตาเอียง
- เลนส์แก้วตาเทียมแบบโฟกัส 3 ระยะ ใกล้ กลาง และไกล พร้อมแก้ปัญหาสายตาเอียง จัดเป็นเลนส์แก้วตาเทียมที่แก้ไขปัญหาสายตาได้อย่างครอบคลุมที่สุด แต่ก็จะมีค่าใช้จ่ายที่สูงมากที่สุดด้วย
ปัจจัยที่ควรคำนึงถึงเวลาเลือกเลนส์แก้วตาเทียม
โดยทั่วไปแพทย์จะเป็นผู้ช่วยให้คำแนะนำในการเลือกเลนส์แก้วตาเทียมให้กับผู้ป่วย โดยปัจจัยหลักๆ ที่ผู้ป่วยควรคำนึงถึงในการเลือกเลนส์แก้วตาเทียมจะมีอยู่ 2 ส่วน ได้แก่
- พฤติกรรมการใช้สายตา เพราะการทำงานและกิจกรรมแต่ละประเภทจะมีลักษณะและระยะการใช้สายตาที่ต่างกัน เช่น การอ่านหนังสือ อ่านเอกสาร มองหน้าจอคอมพิวเตอร์ก็จะอาศัยการมองเห็นระยะใกล้มากกว่า ในขณะที่ผู้ที่ขับรถเป็นประจำ ชอบเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายที่ผาดโผน เช่น ปีนเขา ก็จะอาศัยการมองเห็นระยะไกลมากกว่า
- งบประมาณ โดยยิ่งเลนส์แก้วตาเทียมช่วยแก้ไขค่าสายตาได้หลากหลายมากเท่าไร ค่าใช้จ่ายก็จะยิ่งสูงตามขึ้นไป ในผู้ป่วยบางรายจึงอาจเลือกเลนส์แก้วตาเทียมที่แก้ไขระยะการมองเห็นได้ 1-2 ระยะ นอกเหนือจากนั้นก็ใช้วิธีพึ่งพาแว่นสายตาเสริมแทน
เลนส์แก้วตาเทียมเป็นสิ่งที่จะช่วยเสริมความคมชัดในการมองเห็นให้กับผู้ป่วยไปตลอดชีวิต เพื่อความมั่นใจและความแม่นยำในการรักษา รวมถึงในการเลือกเลนส์แก้วตาเทียมที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตที่สุด ผู้ป่วยจึงควรเลือกรักษาโรคต้อกระจกกับแพทย์เฉพาะทางเท่านั้น
อยากปรึกษาวิธีรักษาโรคต้อกระจกกับแพทย์ ปรึกษาแนวทางการเลือกเลนส์กระจกตา ทักหาทีม HDcare ได้เลย เราพร้อมเป็นผู้ช่วยส่วนตัวดูแลสุขภาพคุณ สอบถามข้อมูลเบื้องต้นกับคุณหมอเฉพาะทาง ทำนัดปรึกษาคุณหมอได้รวดเร็ว หรือค้นหาแพ็กเกจตรวจคัดกรองโรคต้อกระจก จาก รพ. หรือคลินิกใกล้คุณได้ทันที คลิกที่นี่เลย