แยมเป็นคนอ้วนตั้งแต่เด็ก ทั้งคุณพ่อ คุณแม่และพี่ชายก็หนักกว่าร้อยกิโล แถมเรายังเป็นสายกินบุฟเฟต์ ดื่มชากาแฟหนักมาก แล้วก็อ้วนถึงขั้นที่ซื้อมอเตอร์ไซค์มาขับแค่อาทิตย์เดียวโช้คอัพเสียเลยค่ะ
แต่หลังจากที่แยมไปตัดกระเพาะมาแค่สองเดือน น้ำหนักจากเดิม 102 ลดลงเหลือ 87 กิโลกรัม ลดไป 15 กิโลกรัมเลย และคุณหมอบอกว่าน้ำหนักจะลดลงอีกเรื่อยๆ ขึ้นกับการดูแลตัวเองเรื่องอาหารการกินควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย
ใครที่กำลังตัดสินใจอยู่ว่า จะตัดกระเพาะดีมั้ย ตัดกระเพาะน้ำหนักลดกี่กิโลกรัม ตัดกระเพาะมีข้อเสียอะไรรึเปล่า รีวิวนี้แยมจะมาเล่าละเอียดเรื่องประสบการณ์ตัดกระเพาะ เล่าทุกปัญหาและผลลัพธ์ของแยมเลยค่ะ
สารบัญ
ปัญหาจากน้ำหนักเกินเกณฑ์
ปัจจุบันแยมอายุ 28 ปีค่ะ ทำอาชีพเป็นผู้ช่วยพยาบาล น้ำหนักตัว 102 กิโลกรัม เวลาจะทำงานแต่ละทีก็จะเหนื่อยง่าย หอบง่าย ทำงานได้นิดหน่อยก็ต้องนั่งพัก เลยรู้สึกว่าตัวเองทำงานกินแรงเพื่อนๆ เหมือนว่าช่วยเค้าได้ไม่เต็มที่
ถ้ามองย้อนกลับไปสมัยเด็ก ตอนเกิดมาแยมหนักเท่ากับเด็กแฝดเลย น้ำหนักตอนเกิดอยู่ที่ประมาณ 4.3 กิโลกรัม พยาบาลบอกว่าจ้ำม่ำมาก อุ้มแทบไม่ไหว พอโตขึ้นมาหน่อยก็น้ำหนักตัวเยอะตั้งแต่จำความได้แล้วค่ะ เป็นคนตัวใหญ่ที่สุดในห้องเรียน ใครเรียกน้องอ้วนเราก็จะรู้ตัวเลยว่าต้องเรียกเราแน่ๆ เพราะเราอ้วนที่สุด แถมที่บ้าน คุณพ่อ คุณแม่ และพี่ชายก็น้ำหนัก 100+ กันทุกคนเลย
ชีวิตประจำวันของแยม ตื่นเช้ามาก็จะดื่มกาแฟข้นๆ หวานมันเข้มๆ แล้วด้วยระยะเวลาที่เร่งรีบต้องกินอะไรง่ายๆ อย่างเช่นขนมปัง แต่บางทีก็ไม่อิ่มเลยต้องกินข้าวกล่องอีก
พอช่วงพักเที่ยงก็เติมด้วยน้ำหวานหนึ่งแก้ว อาจจะเป็นชาเย็น ชาไทย เพราะข้างโรงพยาบาลที่แยมทำงานของกินเยอะมาก ก็จะมีทั้งข้าวขาหมู ข้าวมันไก่ โดยเฉพาะข้าวขาหมูจะต้องขอหนังเยอะๆ และหลังจากกินของคาวก็ต้องปิดท้ายด้วยของหวาน ผลไม้ ซื้อมาก็ไม่ได้แบ่งใคร แต่กินคนเดียวหมดเกลี้ยงเลยค่ะ
ตกเย็นก็กินอีกแล้ว แต่ก็จะเริ่มเลี่ยงไม่กินน้ำหวาน แต่ก็กินข้าวเหมือนเดิม แล้วก็หากินอะไรง่ายๆ ในร้านสะดวกซื้อ เช่น ขนมปัง หรือนม
พอ 2 ทุ่มเลิกงานก็กินอีก ก่อนนอน เพราะเราทำงานเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว กินก่อนนอนจะได้อยู่ท้อง อิ่มท้อง หลับสบาย กลายเป็นว่าเรากินวันละ 4 มื้อเลย กินแบบไม่กลัวอ้วน แค่ขอให้อิ่ม อยู่ท้องเท่านั้นก็พอ
แยมใช้ชีวิตแบบตามใจปากอยู่นานเลยค่ะ พอแยมมีแฟน แฟนก็เป็นสายกินเหมือนกัน ชวนไปกินบุฟเฟต์ ชาบู หมูกระทะ ปิ้งย่าง อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง
และด้วยความที่แยมทำงานไกลบ้าน อยากมีมอเตอร์ไซค์น่ารักๆ สักคัน แฟนก็พาไปซื้อ แต่แยมนั่งซ้อนท้ายแฟนยังไม่ทันเลย 1 อาทิตย์ ไม่ได้ขับลงหลุมหรือสาหัสอะไร แต่โช้คอัพแตก มันคือจุดเปลี่ยนเลยนะ เพราะยังไม่ทันได้ผ่อนรถเลย ยังไม่ถึงเดือนต้องซ่อมแล้ว แยมนอยด์มากแล้วก็เริ่มรู้ตัวแล้วว่าเรามีปัญหาอะไรหลายๆ อย่าง
ปัญหาสุขภาพก็เริ่มมารุมเร้าจนชีวิตประจำวันเริ่มแย่ น้ำหนักขึ้นทีละ 4-5 กิโลกรัมต่ออาทิตย์ จนเริ่มเจ็บข้อเข่า เจ็บเข่า ปวดไปทั้งตัว และล่าสุดก็เริ่มหายใจไม่ออก แน่นหน้าอก มีปัญหาเรื่องกรดไหลย้อนอีก
นอกจากนี้เสื้อผ้าที่ใส่ก็เริ่มคับ เดือนนึงเปลี่ยนชุดทำงาน 4-5 ครั้งเลย ภายในประมาณ 3-6 เดือนมันตันขึ้นเรื่อยๆ เริ่มรู้สึกตัวแน่น เริ่มรู้สึกว่าไม่สวย แถมยังมีปัญหาสุขภาพตามมา แยมเริ่มเจ็บข้อเข่า เจ็บเข่า ปวดไปทั้งตัว และล่าสุดก็เริ่มหายใจไม่ออก แน่นหน้าอก มีปัญหาเรื่องกรดไหลย้อนอีก
จากปัญหาต่างๆ ก็รู้สึกเอะใจ รู้สึกว่ามันไม่ได้แล้วน้า เป็นแบบนี้ต่อไปน่าจะไม่ไหว ยิ่งเวลาทำงานก็รู้สึกว่าเราไปเกะกะเพื่อน เพราะเราตัวใหญ่ เหนื่อยง่าย หอบง่าย พอถึงวันที่ต้องตรวจสุขภาพประจำปี ค่าไขมันก็เริ่มสูง เบาหวานก็เริ่มมา ครอบครัวก็เริ่มทักว่าจะเสียชีวิตก่อนพ่อแม่รึเปล่า แม่ก็เลยบอกให้ไปปรึกษาคุณหมอหน่อยว่าจะทำยังไงดี
จุดเปลี่ยนที่ทำให้ตัดสินใจผ่าตัดกระเพาะเพื่อรักษาโรคอ้วน
ก่อนที่แยมจะตัดสินใจผ่าตัดลดขนาดกระเพาะเพื่อรักษาโรคอ้วน แยมอยู่กับอาการต่างๆ มา 6-9 เดือน พยายามทนมาตลอด พยายามควบคุมอาหาร พยายามออกกำลังกายแบบที่คุณหมอบอกมาตลอด
คุณหมอแนะนำให้ปรับเรื่องอาหาร ให้เรากินให้เป็น ออกกำลังกายให้เป็น แยมทำ IF กินเป็นเวลามากขึ้น ตอนแรกน้ำหนักก็ลงแต่ว่าช้ามาก น้ำหนักลงเฉลี่ยเดือนละ 1-2 กิโลกรัม และด้วยความที่เราชอบทำตามกระแส ใครแนะนำยาลดน้ำหนักตัวไหน เราก็ลองหมด
แต่พอคุณหมอรู้ว่าแยมกินยาลดน้ำหนัก คุณหมอก็อธิบายว่า ยาลดน้ำหนักมันทำให้ระบบเผาผลาญของเราพัง และยังทำให้เสี่ยงเป็นไทรอยด์ได้ด้วย
ซึ่งในระหว่างที่กินยาลดน้ำหนักก็เจอกับผลข้างเคียงเยอะมากๆ ไม่ว่าจะใจสั่น นอนไม่หลับ เหงื่อแตกทั้งที่ไม่ได้ร้อน เพราะส่วนผสมของยาลดน้ำหนักจะไปกดฮอร์โมนในร่างกาย จนสุดท้ายน้ำหนักแยมก็ดีดขึ้นมาเยอะมากๆ เลยค่ะ
จนสุดท้ายแยมก็เข้าไปปรึกษาคุณหมออีกว่ามีวิธีอื่นอีกไหม เพราะแยมลองมาหมดแล้วทั้งลดน้ำหนัก ทำ IF ออกกำลังกาย คุณหมอก็แนะนำให้รู้จักกับการผ่าตัดกระเพาะค่ะ
ผ่าตัดกระเพาะคืออะไร
แยมได้มาปรึกษาเรื่องการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะกับคุณหมอณัฐ นพ. ณัฐพล อภิกิจเมธา ศัลยแพทย์ด้านการผ่าตัดส่องกล้อง คุณหมอชำนาญด้านการผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนักรักษาโรคอ้วน และมีประสบการณ์ผ่าตัดรวมมากกว่า 2,500 เคส
จากที่แยมได้ปรึกษาคุณหมอและหาข้อมูลเพิ่มเติมถึงเข้าใจความหมายที่แท้จริงของตัดกระเพาะค่ะ ว่าจริงๆ มันไม่ใช่ว่าผ่าตัดกระเพาะไปแล้วน้ำหนักจะลงได้ทันที 100% นะคะ
แต่การผ่าตัดกระเพาะมันเป็นการผ่าตัดเพื่อช่วยให้เราสามารถควบคุมวินัย ควบคุมปริมาณการกินอาหาร และควบคุมประเภทของอาหารเพื่อให้น้ำหนักลดลงและมีสุขภาพที่ดีได้ง่ายขึ้น
การผ่าตัดกระเพาะอาหารเปรียบเสมือนการให้คุณหมอช่วย 50% และเราก็ต้องช่วยตัวเองอีก 50% เพื่อให้น้ำหนักลดลงตามเป้าหมาย และคงน้ำหนักเดิมไว้ไม่ให้กลับมาขึ้นอีกค่ะ
โดยการผ่าตัดกระเพาะที่แยมจะทำคือ การผ่าตัดกระเพาะอาหารแบบสลีฟ ภาษาอังกฤษ เรียกว่า Laparoscopic Sleeve Gastrectomy หรือ LSG คุณหมอจะผ่าตัดเอากระพุ้งกระเพาะอาหาร หรือที่เรียกว่าฟันดัส (Fundus) ออกไป ทำให้กระเพาะมีขนาดเล็กลงและมีรูปร่างเหมือนกล้วยหรือแขนเสื้อ เป็นที่มาของชื่อ “Sleeve Gastrectomy”
ปกติแล้วพื้นที่ส่วนใหญ่ของกระพุ้งกระเพาะอาหารจะผลิตฮอร์โมนเครลิน (Ghrelin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ส่งผลต่อความหิว แต่การตัดกระเพาะ คุณหมอจะตัดส่วนนี้ออกไปด้วย ก็จะช่วยทำให้ความหิวลดน้อยลงไปด้วยค่ะ
จากที่แยมถามคุณหมอมา คุณหมอบอกว่าข้อเสียของการผ่าตัดกระเพาะคือ ไซซ์เสื้อผ้าจะเปลี่ยนเร็วมากๆ พอแยมไปปรึกษาครอบครัวทุกคนก็สนับสนุนเต็มแต่ เพราะคุณแม่กลัวว่าเราจะตายก่อนแม่ค่ะ
รีวิวผ่าตัดกระเพาะแบบสลีฟ (Laparoscopic Sleeve Gastrectomy)
ประสบการณ์ผ่าตัดกระเพาะของแยมในตอนนั้น ก่อนที่จะเข้าผ่าตัดคุณหมอจะให้เข้าไปแอดมิดที่โรงพยาบาลก่อนหนึ่งคืนเพื่อเตรียมตัวผ่าตัดกระเพาะ
แยมตื่นเต้นมากๆ ค่ะ เพราะเป็นการผ่าตัดใหญ่ครั้งแรก แต่พอผ่าตัดเสร็จแล้ว การผ่าตัดกระเพาะไม่ได้เจ็บอย่างที่คิดเลยค่ะ
หลังจากผ่าตัดกระเพาะเสร็จ พอฟื้นตื่นขึ้นมาในห้องพักฟื้น แยมก็ลุกขึ้นเดินโชว์พยาบาลในห้องพักฟื้นได้เลย ไม่เจ็บเลย แถมแผลผ่าตัดก็เล็กนิดเดียว ไม่ใหญ่มาก
หลังจากผ่าตัดลดขนาดกระเพาะแล้วคุณหมอก็บอกว่าใช้ชีวิตตามปกติได้เลย แต่ในช่วง 2 อาทิตย์แรกแยมจะรู้สึกระคายเคืองนิดหน่อย แล้วก็กินได้น้อยมาก แค่จิบน้ำ 2 อึกก็อิ่มแล้ว เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าแค่กินน้ำก็อิ่มเลยค่ะ แยมมีกำลังใจในการลดน้ำหนักครั้งนี้ขึ้นมาเลยค่ะ
ผ่าตัดลดขนาดกระเพาะแล้วกินอะไรได้บ้าง?
การที่เรามีขนาดกระเพาะที่เล็กลงมันทำให้เราต้องเลือกกินมากขึ้น เพราะเรากินได้น้อย แต่ร่างกายของมนุษย์เรายังต้องการสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายอยู่
จากที่แยมเป็นคนกินไม่เลือก กินทุกอย่าง ตอนนี้หลังจากผ่าตัดกระเพาะมา แยมเลือกอาหารการกินเยอะมากๆ เพราะกินได้น้อยมาก 3-4 คำไม่รวมน้ำก็อิ่มแล้ว แยมก็เลยต้องกินวิตามินเสริมในบางมื้ออาหารที่เรากินได้ไม่พอ
คุณหมอก็ให้คำแนะนำดีมากๆ เกี่ยวกับการเลือกอาหารการกินหลังตัดกระเพาะ โดยคุณหมอแนะนำให้แบ่งมื้ออาหารออกเป็นมื้อเล็กๆ กินให้ถี่มากขึ้น โดยจากปกติคนเราต้องกินอาหาร 3 มื้อ แต่แยมแบ่งเป็น 6 มื้อเล็กๆ เพื่อให้ร่างกายรับสารอาหารได้เพียงพอ และเพื่อให้ไม่มีผลข้างเคียงจากการผ่าตัดกระเพาะค่ะ
ผลลัพธ์จากการผ่าตัดกระเพาะ 2 เดือน
ผลลัพธ์จากการผ่าตัดกระเพาะ 2 เดือน น้ำหนักจากเดิมที่หนัก 102 กิโลกรัม ลดเหลือ 87 กิโลกรัม แต่คุณหมอบอกว่าน้ำหนักจะลดลงอีก เพราะเรากินได้น้อย แล้วก็น่าจะลดลงไป 30-50% เลย ก็รู้สึกแฮปปี้มากๆ ค่ะ
คุณหมอบอกว่าตัดกระเพาะออกไปประมาณ 75-80% กระเพาะจะเล็กลง ทำให้กินได้น้อย และจากการที่น้ำหนักลดลงมา 15 กิโลกรัมก็ถือว่าเป็นไปตามเกณฑ์ที่วางแผนเอาไว้
มีแนวโน้มที่น้ำหนักจะลดลงเรื่อยๆ จนครบ 1 ปี น้ำหนักน่าจะลดลง 30-40% อาจจะมากกว่าหรือน้อยกว่านั้นขึ้นกับวินัยและการควบคุมอาหารกับการออกกำลังกายของเราด้วยค่ะ
ซึ่งตอนแรกเราออกกำลังกายไม่ได้เลย เพราะอาการปวดเข่าเจ็บเข่า แถบยังมีอาการหอบเหนื่อยจนไม่มีแรง แต่พอน้ำหนักตัวเราเบาขึ้น เราก็เริ่มกลับมาออกกำลังกายได้มากขึ้น ไม่เหนื่อยง่ายหอบง่าย ทำให้น้ำหนักลดลงได้ดีมากขึ้นเลยค่ะ
ตอนนี้คนรอบตัวก็เริ่มทักว่าแยมสวยขึ้น โครงหน้าเริ่มชัดขึ้น หุ่นที่จากเดิมตัวกลมๆ ตันๆ คนก็เริ่มทักว่าผอมลงแล้วน้า ไปทำอะไรมาเมื่อ 2 เดือนที่แล้วยังตุ๊ต๊ะอยู่เลย
เพื่อนที่ทำงานก็เริ่มแซวว่าแยมเป็นหน้าเป็นตาของแผนกเลย คุณแม่ก็บอกว่าแยมหน้าตาสดใสขึ้น พอได้ยินฟีตแบคจากคนรอบข้างแยมก็มั่นใจในตัวเองมากขึ้น กล้าแต่งตัว กล้าแต่งหน้ามากขึ้น
นอกจากนี้ อาการปวดเข่าก็ดีขึ้น กรดไหลย้อนที่เคยเป็นก็ไม่เป็นบ่อย ไม่มีอาการจุกที่คอ ไม่แน่นหน้าอกเหมือนเดิมเลย แถมคุณแม่ก็บอกว่าเรานอนกรนเบาลง ไม่สำลักน้ำลายแล้ว แยมรู้สึกดีใจมากที่ตัดสินใจไปผ่าตัดลดขนาดกระเพาะ เพราะมันเปลี่ยนแปลงชีวิตของแยมมากเลยจริงๆ
และด้วยความที่แยมผ่าตัดกับคุณหมอณัฐ คุณหมอก็ติดตามอาการอยู่ตลอดเลยค่ะ มีการนัดมาเจาะเลือดตรวจดูค่าไขมันและน้ำตาล ซึ่งผลลัพธ์หลังตัดกระเพาะค่าต่างๆ ก็ลดลง
อยากผ่าตัดลดขนาดกระเพาะต้องเตรียมตัวยังไง
จากที่แยมคุยกับคุณหมอมา คุณหมอณัฐจะแนะนำให้ทุกคนที่อยากผ่าตัดลดขนาดกระเพาะรักษาโรคอ้วนลองคุมอาหารด้วยตัวเองก่อนเพื่อที่น้ำหนักตัวจะได้ลดลงก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 5-10% ลองงดของหวาน งดกินน้ำหวาน งดของมันของทอดต่างๆ
ข้อดีของการลองคุมอาหารด้วยตัวเองคือการฝึกซ้อม เพราะหลังผ่าตัดกระเพาะไปแล้วเราจะกินอาหารได้แค่ไม่กี่คำก็อิ่ม ถ้าไม่ได้ลองพยายามควบคุมตัวเอง พอผ่าตัดไปแล้วมันจะกลายเป็นการหักดิบ อาจทำให้เราคุมอาหารได้ไม่เต็มที่ อาจจะเกิดอาการจิตตก ความสุขจากการกินหายไป หมอเลยอยากแนะนำให้คนที่อยากผ่าตัดลดขนาดกระเพาะลองคุมน้ำหนักดูก่อน
นอกจากนี้เวลาผ่าตัดกระเพาะ ในช่องท้องของคนเราจะมีตับ ซึ่งตับจะบดบังกระเพาะอาหาร ยิ่งคนที่มีปัญหาน้ำหนักเกินเกณฑ์จะทำให้มีภาวะไขมันเกาะตับ ทำให้ตับบวมและใหญ่กว่าคนทั่วไป ซึ่งการที่ตับบวมมีขนาดใหญ่อาจจะไปบังกระเพาะและทำให้การผ่าตัดยากขึ้น และอาจทำให้เสี่ยงต่อการบาดเจ็บเสียเลือดได้ง่ายด้วย
ผ่าตัดกระเพาะราคาแพงไหม?
สำหรับใครที่อยากผ่าตัดกระเพาะ แต่ยังไม่รู้จะตัดกระเพาะที่ไหนดี อยากตัดกระเพาะแต่ไม่รู้จะปรึกษาใครดี แยมแนะนำเลยค่ะ ลองทักไลน์หา HDcare ได้เลย เพราะเค้าเป็นบริการที่ดูแลเรื่องการผ่าตัดตั้งแต่ต้นจนจบ
HDcare เค้าเป็นแพลตฟอร์มที่รวบรวมคุณหมอเก่งๆ เฉพาะทาง มีประสบการณ์ผ่าตัดสูงเฉพาะด้านเอาไว้ในที่เดียวกัน แถมเรายังสามารถเลือกโรงพยาบาลที่ต้องการจะผ่าตัดได้ด้วย
และเค้ายังมีบริการ PriorityCare ที่ทำให้เราไม่ต้องไปติดต่อประสานงานเอง ในทุกๆ จุดลงทะเบียนเราแทบไม่ต้องรอคิวเลย แถมยังมีผู้ช่วยส่วนตัวคอยดูแลเราตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ ตั้งแต่เข้ามาปรึกษาคุณหมอครั้งแรก ไปจนถึงเราออกจากโรงพยาบาลแล้วมีปัญหาตรงไหนเค้าก็คอยติดตามดูแลตลอด
ส่วนเรื่องค่าใช้จ่าย ราคาการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะ เค้าจะประเมินราคาการผ่าตัดและเปรียบเทียบราคาของแต่ละโรงพยาบาล แต่ละเทคนิคการผ่าตัดให้เราเห็นก่อนตัดสินใจ เราไม่ต้องโทรถามโรงพยาบาลแต่ละที่ด้วยตัวเอง หรือถ้าเรามีประกันสุขภาพ ก็ให้ทีม HDcare เช็กสิทธิ์ประกันให้เราได้ด้วยนะคะ
สำหรับคนที่กังวลเรื่องรูปร่างหรือมีสุขภาพแบบแยม ก็อยากให้ลองมาปรึกษากับ HDcare ก่อน ค่าใช้จ่ายก็มีหลายช่องทาง ประกันสังคมร่วมได้ สิทธิประกันสังคมร่วมได้ สิทธิอื่นๆ ก็ได้ หรือจะผ่อนชำระผ่านบัตรกับ HDcare 0% ก็ผ่อนได้นานสูงสุด 10 เดือนเลยค่ะ
ใครได้ลองพยายามมาทุกทางแล้วไม่ดีขึ้น แนะนำลองศึกษาข้อมูลเรื่องการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะให้เป็นตัวเลือกนึง รีวิวจากใจจริงของแยม บอกเลยว่าตอนนี้ชีวิตเปลี่ยน มั่นใจขึ้นมาก รู้สึกสุขภาพดีขึ้นมาก ถือว่าเป็นเรื่องที่ตัดสินใจถูกมากๆ ของชีวิต ทักไลน์หา HDcare ได้เลยค่ะ