หากคุณเคยรู้สึกว่า กล้ามเนื้อใบหน้ากระตุกโดยไม่สามารถควบคุมได้ อาจเป็นสัญญาณของ ‘โรคใบหน้ากระตุก’ ซึ่งเป็นความผิดปกติที่เกิดจากการทำงานผิดปกติของเส้นประสาทใบหน้า ภาวะนี้อาจเริ่มต้นจากอาการกระตุกเล็กๆ และพัฒนาไปจนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้
บทความนี้จะพาคุณมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุ อาการ กลุ่มเสี่ยง และแนวทางการรักษา เพื่อให้คุณสามารถรับมือกับโรคนี้ได้อย่างเหมาะสม
สารบัญ
โรคใบหน้ากระตุก (Hemifacial Spasm) คืออะไร?
โรคใบหน้ากระตุก (Hemifacial Spasm) เป็นภาวะที่กล้ามเนื้อใบหน้ากระตุก โดยไม่สามารถควบคุมได้ มักเกิดขึ้นที่ครึ่งซีกของใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นด้านซ้ายหรือด้านขวา
แม้ว่าโรคนี้จะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ในบางกรณีอาจรบกวนการทำงานและความมั่นใจของผู้ป่วยได้ ดังนั้น การทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคใบหน้ากระตุก จึงเป็นสิ่งสำคัญในการรับมือและหาทางรักษาที่เหมาะสม
สาเหตุของโรคใบหน้ากระตุก
สาเหตุหลักของโรคใบหน้ากระตุกเกิดจากการกดทับของเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 (Facial Nerve) ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อใบหน้า โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดแรงกดทับ ได้แก่
- หลอดเลือดกดทับเส้นประสาท มักเกิดจากหลอดเลือดแดงที่อยู่ใกล้เคียงเบียดเส้นประสาทใบหน้า ทำให้เกิดการกระตุกอย่างต่อเนื่อง
- เนื้องอกในสมอง ก้อนเนื้อผิดปกติอาจไปกดทับเส้นประสาท และทำให้เกิดอาการกระตุกที่ใบหน้า
- ภาวะเสื่อมของเส้นประสาท พบในบางกรณีที่เส้นประสาทถูกทำลายจากโรคทางระบบประสาท เช่น โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (Multiple Sclerosis: MS)
- ผลกระทบจากอุบัติเหตุหรือการผ่าตัด หากเคยได้รับบาดเจ็บที่สมองหรือเส้นประสาท อาจทำให้เกิดภาวะนี้ได้
อาการของโรคใบหน้ากระตุก
อาการหลักของโรคใบหน้ากระตุก ได้แก่
- กล้ามเนื้อกระตุกโดยไม่สามารถควบคุมได้ อาการมักจะเริ่มจากการกระตุกของกล้ามเนื้อเล็กๆ บริเวณเปลือกตา ซึ่งอาจเป็นเพียงเล็กน้อยในระยะแรก และค่อยๆ ลามไปที่แก้ม มุมปาก หรือคาง อาการกระตุกอาจเกิดขึ้นชั่วครู่หรือเป็นตลอดเวลา
- อาการกระตุกอาจเกิดขึ้นเป็นช่วงๆ หรือเกิดขึ้นต่อเนื่อง ในช่วงแรก อาจมีอาการกระตุกเป็นระยะและทิ้งช่วงห่าง แต่เมื่อโรคพัฒนา อาการกระตุกอาจเกิดบ่อยขึ้นและรุนแรงขึ้น จนกลายเป็นอาการเรื้อรังที่ส่งผลต่อชีวิตประจำวัน
- ตาปิดเองจากการกระตุกของเปลือกตาบ่อยๆ ในบางกรณี ผู้ป่วยอาจพบว่าเปลือกตาปิดลงเองโดยไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งอาจส่งผลต่อการมองเห็น ทำให้เกิดปัญหาในการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การขับรถ หรือการอ่านหนังสือ
- อาการรุนแรงอาจส่งผลต่อการพูด การกิน หรือการแสดงสีหน้า หากอาการลุกลามไปที่กล้ามเนื้อบริเวณปากและคาง อาจทำให้พูดไม่ชัด กัดลิ้นหรือแก้มตัวเองโดยไม่ตั้งใจ และอาจทำให้ยากต่อการแสดงสีหน้า เช่น ยิ้มหรือขยับใบหน้าตามปกติ ส่งผลต่อความมั่นใจและการสื่อสารในสังคม
กลุ่มเสี่ยงของโรคใบหน้ากระตุก
- ผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป ภาวะนี้มักพบในวัยกลางคนและผู้สูงอายุ เนื่องจากระบบประสาทมีแนวโน้มเสื่อมลงตามวัย ทำให้เส้นประสาทสมองอาจได้รับผลกระทบจากความเสื่อมของร่างกายมากขึ้น
- เพศหญิง สถิติพบว่า ผู้หญิงมีโอกาสเกิดโรคใบหน้ากระตุกมากกว่าผู้ชาย แม้ว่าจะยังไม่มีสาเหตุที่แน่ชัด แต่ปัจจัยทางฮอร์โมนอาจเกี่ยวข้องกับความไวของเส้นประสาท
- ผู้ที่มีความเครียดสูง ความเครียดอาจทำให้กล้ามเนื้อกระตุกมากขึ้น เนื่องจากความเครียดกระตุ้นให้ระบบประสาททำงานหนักขึ้น ส่งผลให้เส้นประสาทและกล้ามเนื้อทำงานผิดปกติ
- ผู้ที่มีโรคหลอดเลือดสมอง หรือเคยได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ หากเคยมีภาวะสมองขาดเลือดชั่วขณะ (Transient Ischemic Attack: TIA) หรือเคยได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ เช่น จากอุบัติเหตุหรือการผ่าตัด อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อความผิดปกติของเส้นประสาทสมอง ทำให้เกิดอาการใบหน้ากระตุกในภายหลัง
วิธีรักษาโรคใบหน้ากระตุก
- การรักษาด้วยยา แพทย์อาจให้ยาคลายกล้ามเนื้อ หรือยากันชัก เพื่อลดอาการกระตุก ซึ่งช่วยบรรเทาอาการได้ชั่วคราว
- การฉีดโบท็อกซ์ (Botox Injection) เป็นวิธีที่ได้รับความนิยม โดยฉีดสารโบทูลินัมทอกซินเข้าไปที่กล้ามเนื้อที่มีอาการกระตุก สามารถลดอาการได้เป็นเวลาหลายเดือน
- การทำกายภาพบำบัด ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ลดความเครียด และลดอาการกระตุกได้บางส่วน
- การผ่าตัด (Microvascular Decompression – MVD) หากอาการรุนแรงและไม่ตอบสนองต่อการรักษาอื่น แพทย์อาจพิจารณาการผ่าตัด เพื่อลดแรงกดทับของเส้นประสาทสมอง ซึ่งอาจช่วยรักษาอาการให้หายขาดได้
การดูแลตัวเองและป้องกันโรคใบหน้ากระตุก
แม้ว่าจะไม่สามารถป้องกันโรคใบหน้ากระตุกได้ แต่สามารถลดความเสี่ยงและบรรเทาอาการได้ ดังนี้
- หลีกเลี่ยงความเครียดและหาวิธีผ่อนคลาย เช่น การทำสมาธิและโยคะ
- พักผ่อนให้เพียงพอและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
- หลีกเลี่ยงการกระตุ้นที่อาจทำให้อาการแย่ลง เช่น คาเฟอีนและแอลกอฮอล์
- หากมีอาการผิดปกติ ควรพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรักษาแต่เนิ่นๆ
โรคใบหน้ากระตุกเป็นภาวะที่อาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต หากคุณหรือคนใกล้ตัวมีอาการดังกล่าว ควรรีบพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันอาการลุกลามและเพิ่มโอกาสในการกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
ใบหน้ากระตุกแบบควบคุมไม่ได้ อยากปรึกษาคุณหมอ ตรวจให้แน่ชัด ทักหาทีม HDcare ได้เลย เราพร้อมเป็นผู้ช่วยส่วนตัวดูแลสุขภาพคุณ สอบถามข้อมูลเบื้องต้นกับคุณหมอเฉพาะทาง ทำนัดปรึกษาคุณหมอได้รวดเร็ว จาก รพ. หรือคลินิกใกล้คุณได้ทันที คลิกที่นี่เลย