Default fallback image

แก้สายตาสั้น ยาว เอียง ในครั้งเดียวด้วย TRANS PRK

หากคุณกำลังมองหาวิธีแก้ไขสายตาสั้น ยาว หรือเอียง โดยไม่ต้องเปิดแผ่นกระจกตา และอยากหลีกเลี่ยงการสัมผัสเนื้อเยื่อโดยตรง TRANS PRK อาจเป็นคำตอบที่ใช่สำหรับคุณ

ในบทความนี้ HDmall.co.th ร่วมกับ รศ. นพ.อัมพร จงเสรีจิตต์ (ว.14220) จักษุแพทย์เฉพาะทางสาขาจอประสาทตา-เลสิก ได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ TRANS PRK มาเพื่อช่วยให้คุณเข้าใจชัดเจนก่อนตัดสินใจทำการรักษา ไม่ว่าจะเป็นความเหมาะสม ขั้นตอนการผ่าตัด การฟื้นตัว หรือการดูแลตัวเองหลังทำ ร่วมหาคำตอบได้ในบทความนี้!

การทำ TRANS PRK คืออะไร?

การทำ TRANS PRK  คือเทคนิคการแก้ไขค่าสายตาที่มีมาก่อนการทำเลสิก สามารถทำได้โดยการใช้เครื่องมือเฉพาะขูดกระจกตาชั้นหนังกำพร้าออก ก่อนจะใช้แสงเลเซอร์ยิงเข้าไปบนกระจกตาเพื่อปรับความโค้งของกระจกตา เมื่อได้ความโค้งที่ต้องการแล้วจึงนำคอนแทคเลนส์มาปิดกระจกตากลับคืน

การทำ TRANS PRK ต่างจากการทำ PRK อย่างไร

การทำ TransPRK และ PRK แม้จะอยู่ในกลุ่มการแก้ไขสายตาแบบผิวกระจกตา (Surface Ablation) ที่ไม่ต้องแยกชั้นกระจกตาเหมือนเลสิกทั่วไป แต่ทั้งสองวิธีมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนในขั้นตอนการลอกผิวกระจกตาซึ่งเป็นด่านแรกของการผ่าตัด

โดย Trans PRK นั้น ถูกพัฒนาขึ้นมาจากเทคนิค PRK ทั่วไป ที่แต่เดิม แพทย์จะใช้เครื่องมืออย่างใบมีดหรือสารละลายแอลกอฮอล์ช่วยลอกผิวกระจกตาออกก่อนจึงค่อยยิงเลเซอร์เพื่อปรับความโค้งของกระจกตา ซึ่งมักจะก่อให้เกิดความเจ็บปวดในระหว่างทำ

ต่อมาจึงมีการคิดค้นเทคโนโลยี TransPRK ขึ้น ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยลอกผิวกระจกตาโดยการใช้เลเซอร์และปรับค่าสายตาในขั้นตอนเดียว ทำให้มีความแม่นยำสูง ช่วยลดความเจ็บปวดระหว่างทำลงได้ รวมทั้งใช้เวลาพักฟื้นน้อยกว่า

จุดเด่นของ TRANS PRK คืออะไร?

จุดเด่นของการทำ TransPRK มีหลายประการ ซึ่งทำให้เทคนิคนี้เป็นที่นิยมในกลุ่มผู้ที่ต้องการแก้ไขค่าสายตาโดยไม่แยกชั้นกระจกตา ไม่ว่าจะเป็น

    • กระบวนการที่รวดเร็ว การทำทุกอย่างในขั้นตอนเดียวอาจช่วยลดระยะเวลาในการผ่าตัดโดยรวมได้
    • แม่นยำและสม่ำเสมอ การลอกผิวกระจกตาด้วยเลเซอร์ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ ให้ความเรียบและความหนาที่สม่ำเสมอ
    • ลดการระคายเคืองหลังผ่าตัด เนื่องจากไม่มีการใช้เครื่องมือกดหรือแตะผิวตาโดยตรง อาการแสบตาและน้ำตาไหลหลังผ่าตัดจึงน้อยกว่าวิธี PRK แบบเดิม
    • ใช้เวลาพักฟื้นน้อยกว่า เนื่องจากไม่ต้องเปิดชั้นตา ทำให้แผลหายเร็ว รวมทั้งโครงสร้างกระจกตายังคงความแข็งแรงตามธรรมชาติในระยะยาว
  • โอกาสเกิดแผลเป็นน้อย ด้วยความแม่นยำและความอ่อนโยนของเลเซอร์ในขั้นตอนลอกผิวตา จึงช่วยลดการอักเสบและโอกาสเกิดแผลเป็นในระยะยาวได้

กระจกตาที่แข็งแรงมีประโยชน์ยังไง?

การเลือกวิธีแก้ไขสายตาที่ไม่กระทบโครงสร้างกระจกตา อย่าง TransPRK จะช่วยรักษาความแข็งแรงตามธรรมชาติของกระจกตาไว้ได้ ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบสำคัญสำหรับผู้ที่ทำงานหรือชอบทำกิจกรรมที่ผาดโผน เช่น ตำรวจ ทหาร นักกีฬา เพราะในกรณีที่มีการกระแทกบริเวณใบหน้าโดยไม่ตั้งใจ การที่กระจกตายังคงโครงสร้างแน่นหนา จะช่วยลดโอกาสที่ชั้นกระจกตาจะเคลื่อนหรือเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาได้

ใครเหมาะกับการทำ TRANS PRK

การทำTRANS PRK เหมาะสำหรับผู้ที่มีลักษณะเหล่านี้

  • ผู้ที่มีสายตาสั้นไม่มาก TRANS PRK เหมาะกับผู้ที่มีค่าสายตาสั้นน้อยถึงปานกลาง โดยทั่วไปไม่เกิน -6.00 D
  • ผู้ที่มีเวลาในการพักฟื้น หลังการทำ TRANS PRK จะต้องใช้เวลาฟื้นฟูนานกว่าการทำเลสิก เพราะต้องรอให้เยื่อบุผิวกระจกตาสร้างใหม่ตามธรรมชาติ ซึ่งอาจใช้เวลาประมาณ 5-7 วันในการฟื้นตัวจากความรู้สึกระคายเคือง
  • ผู้ที่มีดวงตาดำเล็ก เนื่องจากการแก้ไขค่าสายตาด้วยวิธีอื่นๆ เช่น SBK LASIK ต้องใช้เครื่องมือเปิดแผ่นกระจกตา รวมทั้งต้องมีการใช้อุปกรณ์ยึดเพื่อไม่ให้ดวงตาเคลื่อนขณะผ่าตัด ผู้ที่มีดวงตาดำเล็กอาจทำให้อุปกรณ์ยึดติดทำหน้าที่ได้ไม่ดีนัก และอาจเกิดความเสี่ยงจากการทำเลสิกได้
  • ผู้ที่มีกระจกตาบาง และไม่สามารถทำ SBK LASIK ได้ อาจเลือกเปลี่ยนมาทำ TRANS PRK แทน เนื่องจากวิธีนี้ใช้เลเซอร์ขัดผิวกระจกตาชั้นบนเพียงอย่างเดียว จึงช่วยถนอมเนื้อกระจกตาไว้ได้มากกว่า

อย่างไรก็ตามผู้ที่สามารถทำ TRANS PRK จะต้องเป็นผู้ที่ไม่ความผิดปกติที่กระจกตา เช่น กระจกตาย้วย มีแผลเป็นที่กระจกตา

ค่าสายตาเท่าไหร่ถึงควรทำ TRANS PRK

TRANS PRK เหมาะสำหรับผู้ที่มีค่าสายตาในระดับไม่สูงมาก ซึ่งจะให้ผลลัพธ์ดีที่สุดในช่วงค่าสายตาดังนี้

  • สายตาสั้น (Myopia) สามารถทำได้ตั้งแต่สายตาที่สั้นน้อยกว่า -1.00 D แต่ไม่เกิน -5.00 D
  • สายตายาว (Hyperopia): ไม่เกิน +5.00 D และต้องเป็นสายตายาวตั้งแต่กำเนิด หากเป็นสายตายาวตามอายุ (Presbyopia) จะไม่สามารถรักษาด้วยเลสิกได้
  • สายตาเอียง (Astigmatism) ไม่ควรเกิน -5.00 D เนื่องจาก TRANS PRK เป็นการขูดกระจกตาออกไป โดยไม่ได้เปิดกระจกตาขึ้น หากมีสายตาเอียงมากๆ การทำเลสิกอาจให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า

โดย TRANS PRK สามารถแก้ไขปัญหาสายตาสั้น ยาว และเอียง ได้พร้อมกันในการผ่าตัดครั้งเดียว โดยใช้เทคโนโลยีเลเซอร์ที่มีความแม่นยำสูงในการปรับรูปร่างของกระจกตาให้เหมาะกับการหักเหของแสงเข้าสู่จอประสาทตา

การเตรียมตัวก่อนทำ TRANS PRK มีอะไรบ้าง?

การเตรียมตัวก่อนทำ TRANS PRK เป็นขั้นตอนสำคัญเพื่อให้การผ่าตัดได้ผลดีและปลอดภัยสูงสุด โดยสามารถเตรียมตัวได้ ดังนี้

  • อาบน้ำ สระผม ให้สะอาดในเช้าวันผ่าตัด เนื่องจากหลังผ่าตัดในช่วงแรกจะต้องระมัดระวังไม่ให้น้ำเข้าตา
  • ก่อนตรวจและผ่าตัด ควรงดการใส่คอนแทคเลนส์ชนิดนิ่ม 5-7 วัน และคอนแทคเลนส์ชนิดแข็ง (RGP) ให้ควรงดอย่างน้อย 3 สัปดาห์ เพื่อให้กระจกตาคืนรูปธรรมชาติและผลการวัดแม่นยำ
  • งดการใช้ยาที่ทำให้กระจกตาแห้ง เช่น ยาภูมิแพ้ ยารักษาสิว อย่างน้อย 7 วันก่อนการผ่าตัด
  • งดการใช้น้ำหอม โลชั่น หรือสเปรย์ ที่มีกลิ่นแรงในวันผ่าตัด เนื่องจากอาจทำให้เกิดการระคายเคืองตา รวมทั้งอาจทำให้การทำงานของเครื่องเลเซอร์ผิดปกติได้

ผลข้างเคียงหลังทำเลสิกแบบ TRANS PRK

หลังการทำ TRANS PRK ในผู้เข้ารับบริการมีสายตาสั้นมากๆ อาจเกิดฝ้าที่กระจกตาได้ ถึงแม้ในปัจจุบันจะมีการใช้น้ำยากันฝ้าแล้ว แต่ก็อาจยังเกิดผลข้างเคียงนี้อยู่ ดังนั้นหากมีสายตาที่สั้นมากๆ คุณหมอแนะนำให้เปลี่ยนไปเป็นการแก้ไขค่าสายตาด้วยวิธีอื่นๆ แทน เช่น การทำเลสิก

อย่างไรก็ตามการทำ TRANS PRK ในค่าสายตาที่แพทย์กำหนด รวมทั้งไม่มีโรคที่เกี่ยวข้องกับกระจกตาก็จะไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงแต่อย่างใด

ทำแล้วใส่คอนแทคเลนส์ไม่ได้จริงไหม?

โดยมากแล้วการทำ TRANS PRK เป็นการนำกระจกตาออกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทำให้ความโค้งของกระจกตาไม่ได้เปลี่ยนไปจากก่อนทำมากนัก หากเปรียบเทียบกับการทำเลสิก การทำ TRANS PRK จะยังสามารถใส่คอนแทคเลนส์ได้มากกว่า รวมทั้งไม่ทำให้เกิดแผลบริเวณกระจกตาด้วย

ขั้นตอนการทำเลสิกแบบ TRANS PRK มีอะไรบ้าง?

โดยทั่วไปแล้วก่อนการทำ TRANS PRK แพทย์จะมีการตรวจตาเบื้องต้นคล้ายกับการทำเลสิก โดยทั่วไปมักจะตรวจวัดค่าสายตา ค่าความหนาของกระจกตา หากประเมินแล้วว่าสามารถทำ TRANS PRK ได้ก็จะเข้าสู่การผ่าตัดต่อไป โดยขั้นตอนการทำ TRANS PRK มีดังนี้

  • แพทย์จะหยอดยาชาเฉพาะที่บริเวณตา เพื่อให้ผู้ป่วยไม่รู้สึกเจ็บระหว่างการผ่าตัด รวมทั้งทำความสะอาดรอบดวงตา
  • โดยปกติแล้วหากทำ PRK ทั่วไปแพทย์จะขูดกระจกตาออกโดยใช้ใบมีดหรือนำแอลกอฮอล์ไปเช็ดที่กระจกตาทิ้งไว้แล้ว ขุดออก แต่ในเทคนิค TRANS PRK จะไม่มีการใช้เครื่องมือสัมผัสดวงตาโดยตรงในการลอกผิวกระจกตาชั้นนอกสุด แพทย์จะ-ใช้แสงเลเซอร์ Excimer ที่มีความแม่นยำสูง ยิงไปยังผิวกระจกตาเพื่อลอกเซลล์ผิวกระจกตาชั้นนอกสุดออก ก่อนใช้เลเซอร์ตัวเดิมในการปรับความโค้งของกระจกตา
  • เมื่อการปรับแต่งกระจกตาเสร็จสิ้น จะไม่มีการปิดแผลด้วยการเย็บ แต่แพทย์จะใส่คอนแทคเลนส์แบบพิเศษบนกระจกตา หยอดยาปฏิชีวนะและยาหยอดตาอื่นๆ เพื่อป้องกันการติดเชื้อและลดการอักเสบ

หลังจากนั้นผู้เข้ารับบริการจะได้รับคำแนะนำในการดูแลดวงตาหลังการผ่าตัดอย่างละเอียด ซึ่งรวมถึงการหยอดยา การใส่ที่ครอบตา การหลีกเลี่ยงกิจกรรมบางอย่าง และการมาตรวจติดตามผลตามนัดหมาย

การดูแลตัวเองหลังทำเลสิกมีอะไรบ้าง?

การดูแลตัวเองหลังทำเลสิก โดยเฉพาะแบบ TRANS PRK เป็นสิ่งสำคัญมาก การดูแลที่ถูกต้องจะช่วยให้หายเร็ว มองเห็นชัดขึ้น และลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อ หรือกระจกตาขุ่น โดยหลังทำ TRANS PRK สามารถดูแลตัวเองได้ดังนี้

    • หลีกเลี่ยงไม่ให้น้ำเข้าตา โดยเปลี่ยนจากการล้างหน้ามาเป็นการเช็ดหน้าแทน เพราะการที่ดวงตาโดนน้ำอาจทำให้เกิดอักเสบและติดเชื้อได้
  • หลีกเลี่ยงแดดจ้า เนื่องจากการโดนแสงแดดจะทำให้เกิดอาการแสบและระคายเคือง ซึ่งนำไปสู่การขยี้ตาได้ หากจำเป็นต้องออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้งควรสวมแว่นกันแดดอยู่เสมอ
  • หยอดยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด เช่น น้ำตาเทียม ที่ในสัปดาห์แรกควรหยอดทุก 1-2 ชั่วโมง เนื่องจากน้ำตาเทียมจะช่วยลดอาการตาแห้ง รวมถึงช่วยให้แผลสมานกันได้เร็วขึ้นอีกด้วย

ทำไมทำ TRANS PRK ถึงเจ็บกว่าและเจ็บเป็นระยะเวลานานกว่าการทำเลสิกประเภทอื่น

การทำ TRANS PRK เป็นการผ่าตัดที่ขูดผิวบริเวณกระจกตาออก ซึ่งหากเปรียบเทียบก็เหมือนกับการหกล้มจนเกิดแผลถลอกบนร่างกาย โดยคอนแทคเลนส์ที่ใช้ในการผ่าตัดก็เปรียบเหมือนปลาสเตอร์ที่คอยปกป้องแผลไว้

ดังนั้นการทำ TRANS PRK จึงต้องอาศัยระยะเวลาในการฟื้นตัวเพื่อให้แผลกลับมาหายดี เมื่อแผลหายดีแล้วการมองเห็นจึงกลับมาชัดตามปกติ ซึ่งต่างจากเลสิกที่ไม่แผลถลอกบริเวณกระจกตา ทำให้สามารถกลับมาเห็นภาพได้คมชัดในวันถัดไปทันที

จะรู้ได้ยังไงว่าเราควรทำเลสิกแล้ว?

การผ่าตัดแก้ไขสายตาหรือเลสิกเป็นทางเลือกอย่างหนึ่ง นอกเหนือจากการใส่แว่นตาหรือคอนแทคเลนส์ เมื่อไหร่ก็ตามที่ไลฟ์สไตล์หรืออาชีพของเราไม่เหมาะกับการใส่แว่นหรือคอนแทคเลนส์อีกต่อไปแล้ว การทำเลสิกจะเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหานี้

การทำเลสิกมีหลายแบบ แต่ละแบบก็เหมาะกับความต้องการที่ต่างกันออกไป และที่สำคัญขึ้นอยู่กับลักษณะของกระจกตาด้วย เพราะฉะนั้นการปรึกษาแพทย์เพื่อประเมิน และเลือกวิธีที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย

สอบถามทุกประเด็นเกี่ยวกับการทำเลสิกที่สงสัย กับทางทีมของ HDcare จนกว่าจะมั่นใจ และหากต้องการผู้ช่วยประสานงานด้านใดในโรงพยาบาล หรืออยากสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับบริการ HDcare สามารถพูดคุยผ่านทางไลน์ @HDcare ได้เลย

Scroll to Top