Default fallback image

ผ่าตัดต้อกระจก และเปลี่ยนเลนส์แก้วตาเทียม กับ พญ. ปนียา ตปนียางกูร ด้วยบริการจาก HDcare

เจาะลึกข้อมูลเกี่ยวกับการผ่าตัดต้อกระจก คืออะไร? เหมาะกับใคร? รักษาอย่างไรได้บ้าง? และการเปลี่ยนเลนส์แก้วตาเทียมมีกี่ประเภท ตอบคำถามโดยหมอปุ้ม พญ. ปนียา ตปนียางกู จักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านต้อหิน และการผ่าตัดต้อกระจก หนึ่งในทีมแพทย์จากบริการ HDcare

อ่านประวัติหมอปุ้มได้ที่นี่ [คุยกับ “หมอปุ้ม” คุณหมอตากับประสบการณ์รักษาต้อหิน ต้อกระจก โรคตาที่พบบ่อยในคนยุคใหม่]

สารบัญ

โรคต้อกระจกคืออะไร?

โรคต้อกระจก คือ โรคที่เกิดจากความเสื่อมตามธรรมชาติของเลนส์ตา ทำให้เลนส์ตาค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองและมีความขุ่นเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ จนบดบังการมองเห็นของคนไข้ ทำให้ประสิทธิภาพการมองเห็นแย่ลง ในคนไข้บางรายที่เป็นโรคต้อกระจกในระดับที่เลนส์ตาเป็นสีขาวขุ่นทั้งหมด อาจมีระดับการมองเห็นเพียงมือที่โบกอยู่ตรงหน้าเท่านั้น 

อย่างไรก็ตาม โรคต้อกระจกก็สามารถผ่าตัดรักษาให้หายได้ด้วยการผ่าตัด ในกรณีที่คนไข้ไม่ได้มีภาวะแทรกซ้อนหรือโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ร่วมด้วย

โรคต้อกระจกเกิดจากอะไร?

80-90% ของคนไข้โรคต้อกระจกมีสาเหตุมาจากความเสื่อมของเลนส์ตาตามอายุ ดังนั้นโรคนี้จึงพบได้บ่อยในผู้สูงอายุ ส่วนปัจจัยอื่นที่ทำให้เกิดโรคได้อีก ได้แก่

  • จากอุบัติเหตุที่ดวงตา
  • จากภาวะหรือโรคกระตุ้นอื่น ๆ เช่น ภาวะลูกตาอักเสบ โรคเบาหวาน 
  • การเป็นโรคต้อกระจกแต่กำเนิด แต่มักพบได้เป็นส่วนน้อย

ปัจจุบันรักษาโรคต้อกระจกอย่างไร?

ปัจจุบันวิธีรักษาหลักของโรคต้อกระจก และได้รับการยอมรับทางการแพทย์ คือ วิธีผ่าตัด ในคนไข้บางรายอาจมีการใช้ยาบรรเทาอาการได้ แต่ยังไม่จัดเป็นวิธีรักษาหลักที่ได้รับการยอมรับแต่อย่างใด

การผ่าตัดต้อกระจกแบ่งออกได้กี่วิธี? ข้อดีและข้อจำกัดของแต่ละวิธี

การผ่าตัดต้อกระจกสามารถแบ่งออกได้ 2 วิธี ได้แก่

  • การผ่าตัดต้อกระจกแบบเปิดแผลกว้าง จากนั้นแพทย์จะใส่เลนส์แก้วตาเทียมชนิดแข็งลงไปในถุงหุ้มเลนส์
    • ข้อดี: สามารถผ่าตัดในคนไข้ที่ต้อกระจกสุกมาก ๆ และไม่สามารถใช้การผ่าตัดแบบเปิดแผลเล็กในการรักษาได้ เนื่องจากอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนระหว่างผ่าตัด
    • ข้อจำกัด: เป็นการผ่าตัดที่แผลใหญ่กว่า ต้องมีการเย็บแผลหลังการรักษา ทำให้ระยะเวลาฟื้นตัวหลังผ่าตัดค่อนข้างนาน และมีโอกาสที่คนไข้จะรู้สึกเจ็บแผลมากกว่า
  • การผ่าตัดต้อกระจกแบบเปิดแผลเล็ก ร่วมกับใช้พลังงานเลเซอร์ในการเปิดแผล และใช้คลื่นอัลตราซาวด์สลายเลนส์ที่ขุ่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ เพื่อดูดออกมา จากนั้นแพทย์จะใส่เลนส์แก้วตาเทียมแบบพับเข้าไปแทน
    • ข้อดี: ใช้เวลาผ่าตัดไม่นาน รวมถึงเป็นการผ่าตัดที่ใช้เพียงการหยอดยาชาก็เพียงพอ ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีฉีดยาชาแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังมีแผลผ่าตัดขนาดเล็กมาก ทำให้ไม่ต้องเย็บแผล เจ็บแผลน้อย และใช้เวลาฟื้นตัวเร็วกว่า
    • ข้อจำกัด: ในคนไข้ที่ต้อกระจกสุกมาก ๆ อาจไม่เหมาะกับวิธีนี้

ในปัจจุบันนิยมใช้การผ่าตัดวิธีใด?

ในปัจจุบันแพทย์จะนิยมใช้การผ่าตัดแบบเปิดแผลเล็กร่วมกับใช้คลื่นอัลตราซาวด์มากกว่า เนื่องจากมีข้อได้เปรียบที่ดีกว่า ดังต่อไปนี้

  • สะดวกต่อคนไข้ ให้ความรู้สึกหลังการผ่าตัดที่สบายมากกว่า 
  • ทำให้เจ็บแผลน้อย 
  • ใช้เวลารักษาไม่นาน 
  • ค่าใช้จ่ายไม่สูงมาก
  • เลนส์แก้วตาเทียมแบบพับในปัจจุบันมีให้เลือกหลายแบบ ซึ่งสามารถช่วยตอบสนองการมองเห็นที่เหมาะกับวิถีชีวิตของคนไข้ได้หลากหลายมากขึ้น

ใครเหมาะต่อการผ่าตัดต้อกระจก?

  • คนไข้ที่เลนส์แก้วตาเริ่มขุ่นจากโรคต้อกระจกในระยะกลางขึ้นไป 
  • คนไข้ที่เลนส์แก้วตาเริ่มขุ่นจากโรคต้อกระจกจนเริ่มกระทบต่อชีวิตประจำวันค่อนข้างมาก เช่น เห็นภาพซ้อน เห็นภาพไม่คมชัด เห็นแสงแตกกระจาย

ในคนไข้ที่เพิ่งเป็นโรคต้อกระจกในระยะเริ่มต้น แพทย์มักจะยังไม่แนะนำให้รักษาด้วยการผ่าตัดในทันที เนื่องจากตัวโรคมักจะยังไม่ส่งผลกระทบต่อการมองเห็น

ขั้นตอนการผ่าตัดต้อกระจกแบบเปิดแผลเล็ก

การผ่าตัดต้อกระจกแบบเปิดแผลเล็กมักกินระยะเวลาไม่เกิน 1-2 ชั่วโมง โดยมีขั้นตอนหลัก ๆ ดังต่อไปนี้

  • ก่อนวันผ่าตัด คนไข้จะต้องเลือกชนิดของเลนส์แก้วตาเทียมที่เหมาะสมกับค่าสายตาและวิถีชีวิตเสียก่อน จากนั้นแพทย์จะวัดค่าเลนส์แก้วตาเทียมที่เหมาะสมกับตาคนไข้ เพื่อนำมาใช้ในการผ่าตัด
  • คนไข้ล้างหน้าและหยอดยาขยายม่านตาให้เรียบร้อย
  • เมื่อยาขยายม่านตาออกฤทธิ์เต็มที่ คนไข้จะขึ้นนอนบนเตียงผ่าตัด และแพทย์จะเริ่มทำความสะอาดดวงตาให้กับคนไข้
  • แพทย์จะคลุมผ้าปิดใบหน้าคนไข้ เหลือไว้เพียงส่วนดวงตาข้างที่จะผ่าตัด
  • แพทย์หยอดยาชาป้องกันอาการเจ็บให้คนไข้ แต่คนไข้ยังอาจรู้สึกตึง ๆ ที่ลูกตาได้บ้าง แต่ในคนไข้ที่เป็นคนไข้เด็ก คนไข้ที่กลัวความมืด หรือนอนบนเตียงผ่าตัดนาน ๆ ไม่ได้ ในกรณีนี้ก็อาจพิจารณาเป็นการดมยาสลบแทน
  • แพทย์ใช้เครื่องมือถ่างตาคนไข้เพื่อเปิดพื้นที่ในการผ่าตัด จากนั้นผ่าเปิดแผลไม่เกิน 3 มิลลิเมตร
  • แพทย์ใช้คลื่นอัลตราซาวด์สลายเนื้อต้อกระจกเป็นเศษเล็ก ๆ และดูดนำออกมา
  • แพทย์ปล่อยเลนส์แก้วตาเทียมแบบพับเข้าไปด้านในถุงหุ้มเลนส์ จากนั้นตัวเลนส์จะกางตัวออกหลังจากเข้าไปในถุงหุ้มเลนส์แล้ว
  • หากแผลผ่าตัดเรียบร้อยดี ก็ไม่จำเป็นต้องเย็บแผลแต่อย่างใด

โรคต้อกระจกสามารถรักษาได้ทุกชนิดหรือไม่?

สามารถรักษาได้ทุกชนิด ไม่มีข้อจำกัดแต่อย่างใด ยกเว้นแต่คนไข้ที่เป็นโรคต้อกระจก และมีโรคหรือภาวะอื่นร่วมด้วยจนส่งผลต่อการมองเห็น ในกรณีนี้แพทย์จะไม่ได้แนะนำให้ผ่าตัดต้อกระจก เนื่องจากไม่ใช่วิธีช่วยให้การมองเห็นดีขึ้นอย่างตรงจุด

สิ่งสำคัญที่คนไข้ควรรู้ในการผ่าตัดต้อกระจก

สิ่งที่คนไข้ควรรู้และเข้าใจก่อนตัดสินใจผ่าตัดต้อกระจก ได้แก่

  • นิยามของโรคต้อกระจก
  • วิธีรักษาโรคต้อกระจกแต่ละวิธี
  • ชนิดของเลนส์ที่ใช้รักษาโรคต้อกระจก เพื่อให้สามารถเลือกใช้ในการผ่าตัดได้อย่างเหมาะสม

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดต้อกระจก

  • คนไข้แจ้งประวัติสุขภาพ โรคประจำตัว รวมถึงยาประจำตัวทุกชนิดให้แพทย์ทราบล่วงหน้า เนื่องจากจำเป็นต้องงดยาบางประเภทก่อนรับการผ่าตัด เช่น ยาละลายลิ่มเลือด ยาต้านการแข็งตัวของเลือด
  • คนไข้ต้องตรวจตากับแพทย์อย่างละเอียด เพื่อให้แน่ใจถึงความพร้อมของดวงตาในการผ่าตัด เช่น ความดันลูกตา ลักษณะของดวงตา 
  • เลือกเลนส์แก้วตาเทียมที่เหมาะสมกับสายตาและวิถีชีวิต โดยแพทย์จะเป็นผู้ให้คำปรึกษาในการเลือกเลนส์แต่ละประเภท
  • พาญาติมาด้วยในวันผ่าตัด เนื่องจากคนไข้จำเป็นต้องปิดตาไว้ก่อนหลังการผ่าตัดเสร็จสิ้น
  • ต้องระมัดระวังอย่าให้ติดเชื้อที่ดวงตา ไม่มีอาการไอหรือจาม เนื่องจากอาจส่งผลกระทบระหว่างการผ่าตัดได้
  • อาบน้ำ สระผม ล้างหน้ามาก่อนผ่าตัด รวมถึงงดแต่งหน้า งดทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิว งดใส่ขนตาปลอม งดทาเล็บหรือติดเล็บปลอมมาในวันผ่าตัด

เลนส์แก้วตาเทียมมีกี่ประเภท?

เลนส์แก้วตาเทียมในปัจจุบันสามารถแบ่งออกได้ 2 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่

1. เลนส์ชนิดแข็ง

เป็นเลนส์แก้วตาเทียมที่พับไม่ได้ ปัจจุบันสามารถใช้ปรับค่าสายตาได้เพียงระยะเดียวเท่านั้น เป็นประเภทของเลนส์ที่จะใช้ในการผ่าตัดแบบเปิดแผลกว้าง เนื่องจากสามารถใส่ลงไปในถุงรองเลนส์ได้ง่าย หรือใช้ในกรณีที่คนไข้มีภาวะแทรกซ้อนระหว่างผ่าตัดแบบเปิดแผลเล็ก เช่น ถุงรองเลนส์ฉีกขาด

2. เลนส์ชนิดพับได้

เป็นเลนส์ที่ใช้สำหรับการผ่าตัดแบบแผลเล็ก มีชนิดแยกย่อยเพื่อแก้ปัญหาการมองเห็นที่แตกต่างกันของคนไข้ออกได้อีกหลายแบบ โดยแบ่งออกได้หลัก ๆ 2 ชนิด ได้แก่

2.1 เลนส์ระยะเดียว (Monofocal IOL)

เป็นเลนส์แก้วตาเทียมแบบพับสำหรับแก้ปัญหาสายตาสั้น หรือปัญหาการมองไกลไม่ชัด แบ่งแยกย่อยออกได้อีก 2 ชนิดได้แก่

  1. เลนส์ระยะเดียว แบบแก้ปัญหาสายตาเอียง เป็นเลนส์ที่ช่วยแก้การมองเห็นในระยะไกลเพียงอย่างเดียว
  2. เลนส์ระยะเดียว แบบไม่แก้ปัญหาสายตาเอียง เป็นเลนส์ที่ช่วยแก้การมองเห็นในระยะไกล และช่วยแก้ปัญหาสายตาเอียงร่วมด้วย

ข้อดีของเลนส์ระยะเดียว

  • เป็นเลนส์ที่ให้ความคมชัดในการมองเห็นมากที่สุด
  • ไม่ค่อยมีผลข้างเคียงด้านแสงแตกกระจายในเวลากลางคืน 
  • ไม่จำเป็นต้องอาศัยตัวช่วยเสริมด้านแสงสว่างในการมองเห็นมากนัก 
  • มีราคาถูก จึงเป็นที่นิยมในกลุ่มคนไข้ที่ต้องผ่าตัดต้อกระจก

ข้อจำกัดของเลนส์ระยะเดียว

  • ไม่สามารถแก้ไขปัญหาการมองใกล้ได้ ดังนั้นคนไข้ที่มีปัญหาสายตายาวจึงยังจำเป็นต้องใช้แว่นอ่านหนังสือสำหรับการอ่าน หรือมองระยะใกล้อยู่

ใครเหมาะกับการใช้เลนส์ระยะเดียว

  • กลุ่มคนไข้ที่ไม่ค่อยใช้สายตาอ่านหนังสือ หรือทำงานกับหน้าจอบ่อยนัก 
  • กลุ่มคนไข้ที่มีค่าสายตาสั้นเพียงอย่างเดียว 
  • กลุ่มคนไข้ที่มีภาวะสายตาสั้นและสายตายาว แต่ต้องการแก้ปัญหาสายตาสั้นเท่านั้น และพอใจที่จะยังใช้แว่นตาอ่านหนังสือในการมองระยะใกล้อยู่
  • กลุ่มคนไข้ที่สายตาสั้นและสายตาเอียง ก็สามารถผ่าตัดโดยใช้เลนส์ระยะเดียวแบบแก้ปัญหาสายตาเอียงได้เช่นกัน แต่ค่าใช้จ่ายก็จะสูงกว่าเลนส์ระยะเดียวที่ไม่ได้แก้ปัญหาสายตาเอียงไปด้วย

2.2 เลนส์หลายระยะ (Multifocal IOL)

เป็นเลนส์แก้วตาเทียมแบบพับสำหรับแก้ปัญหาทั้งสายตาสั้นและสายตายาว ทำให้คนไข้สามารถมองเห็นทั้งระยะใกล้ กลาง และไกลได้ชัดทั้งหมด สามารถแบ่งแยกย่อยออกได้ดังต่อไปนี้

2.2.1 เลนส์ 2 ระยะ

เป็นเลนส์ที่ช่วยปรับการมองเห็นให้ชัดขึ้นได้ทั้งหมด 2 ระยะด้วยกัน เช่น ใกล้กับไกล ไกลกับกลาง คนไข้สามารถเลือกใส่เลนส์ 2 ระยะกับดวงตาทั้ง 2 ข้างแตกต่างกันได้ เพื่อให้การมองเห็นคมชัดทั้ง 3 ระยะ ทั้งใกล้ กลาง และไกล เช่น ตาข้างขวาใส่เลนส์มองใกล้และไกลชัด ส่วนข้างซ้ายใส่เลนส์มองไกลและกลางชัด

ข้อดีของเลนส์ 2 ระยะ: สามารถมองเห็นชัดได้ถึง 3 ระยะ ในกรณีที่คนไข้ผ่าตัดต้อกระจกที่ตาทั้ง 2 ข้าง หรืออาจจะใส่แว่นเสริมแค่ในบางเวลาเท่านั้น

ข้อจำกัดของเลนส์ 2 ระยะ: ไม่มีข้อจำกัดแต่อย่างใด 

ใครเหมาะกับการใช้เลนส์ 2 ระยะ:

  • คนไข้ที่ต้องผ่าตัดต้อกระจก และเคยผ่าตัดแก้ไขกระจกตามาก่อน เช่น ทำเลสิก เนื่องจากคนไข้กลุ่มนี้มักจะมีปัญหาภาวะแสงแตกกระจายในเวลากลางคืนอยู่แล้ว ซึ่งเลนส์ 2 ระยะสามารถเป็นตัวช่วยไม่ให้แสงแตกกระจายเพิ่มกว่าเดิมได้
  • คนไข้ที่ต้องผ่าตัดต้อกระจกที่ดวงตาทั้ง 2 ข้าง และต้องการมองชัดมากกว่า 1 ระยะ แต่ยังต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายในการผ่าตัด

2.2.2 เลนส์ 3 ระยะ

เป็นเลนส์ที่แก้ไขการมองเห็นทั้งระยะใกล้ กลาง และไกล ทำให้คนไข้ไม่จำเป็นต้องใช้แว่นตาในการมองเห็นแต่อย่างใด

ข้อดีของเลนส์ 3 ระยะ: ช่วยแก้ปัญหาการมองเห็นได้ทุกระยะ ทำให้คนไข้ไม่ต้องใช้แว่นสายตาในทุกระยะการมองเห็น ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายยิ่งขึ้นไปอีก

ข้อจำกัดของเลนส์ 3 ระยะ: 

  • ไม่คมชัดมากเท่ากับเลนส์ระยะเดียว ดังนั้นคนไข้ที่ต้องใช้สายตาทำงานฝีมือ หรือมองรายละเอียดในระยะใกล้ เช่น เย็บผ้า อ่านหนังสือตอนกลางคืน อาจยังต้องใช้แว่นสายตาเป็นตัวช่วยเสริมอยู่ รวมถึงต้องใช้แสงไฟในการมองเห็นเพิ่มด้วย
  • อาจมองเห็นแสงแตกกระจายในเวลากลางคืนได้บ้าง
  • มีค่าใช้จ่ายสูงกว่า โดยเลนส์ที่ค่าใช้จ่ายสูงที่สุดคือ เลนส์ 3 ระยะที่ช่วยแก้ไขสายตาเอียงร่วมด้วย

ใครเหมาะกับการใช้เลนส์ 3ระยะ: 

  • คนไข้ที่ต้องการให้การมองเห็นในทุกระยะชัดทั้งหมด 
  • คนไข้ที่มีงบประมาณในการผ่าตัด

ข้อดีของเลนส์หลายระยะ

  • แก้ปัญหาค่าสายตาได้มากกว่า 1 ระยะ ทำให้ในคนไข้บางรายแทบไม่ต้องใส่แว่นเลย หรือต้องใส่ในบางโอกาสเท่านั้น 
  • คนไข้ที่มีปัญหาสายตาเอียงร่วมด้วย ก็ยังสามารถเลือกใช้เป็นเลนส์หลายระยะที่ช่วยแก้ปัญหาสายตาเอียงด้วยได้เช่นกัน ทำให้การมองเห็นสะดวกสบายยิ่งขึ้น
  • ด้วยเทคโนโลยีการผลิตเลนส์ที่ทันสมัยขึ้น คนไข้จึงสามารถเลือกความคมชัดในการมองเห็น 2 ระยะขึ้นไปในเลนส์ชนิดนี้ตามแต่วิถีชีวิตของตนเองได้ เช่น เลนส์ที่มองเห็นไกลและกลางชัด เลนส์ที่มองเห็นใกล้และกลางชัด เลนส์ที่มองเห็นใกล้และไกลชัด นอกจากนี้ยังเลือกใส่ในดวงตา 2 ข้างไม่เหมือนกันได้

ข้อจำกัดของเลนส์หลายระยะ

  • ความคมชัดจะไม่เท่ากับเลนส์ระยะเดียว คนไข้บางรายที่ต้องทำงานหรือทำกิจกรรมที่ต้องมองเห็นรายละเอียดเล็ก ๆ มาก เช่น เย็บผ้า ทำงานฝีมือ อ่านหนังสือ อาจยังต้องใช้แว่นสายตาเสริมการมองเห็นอยู่
  • ทำให้เกิดภาวะแสงแตกกระจายในเวลากลางคืนได้ คนไข้จึงต้องระมัดระวังในการขับขี่พาหนะในเวลากลางคืน
  • ไม่เหมาะกับคนไข้ที่เป็นโรคต้อหินร่วมด้วยอยู่แล้ว เนื่องจากตัวโรคนี้เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้การมองเห็นของคนไข้แคบลงเรื่อย ๆ จึงไม่สามารถใช้ประโยชน์จากเลนส์แก้วตาเทียมได้อย่างเต็มที่
  • มีค่าใช้จ่ายที่สูง

ใครเหมาะกับเลนส์หลายระยะ

  • คนไข้โรคต้อกระจกที่ต้องการแก้ไขทั้งปัญหาสายตาสั้นและสายตายาว
  • คนไข้ที่ไม่สะดวกใส่แว่น หรือต้องการใส่แว่นให้น้อยที่สุด
  • คนไข้ที่มีงบประมาณในการผ่าตัด เนื่องจากเป็นชนิดของเลนส์ที่มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าเลนส์ระยะเดียว

การเลือกเลนส์แก้วตาเทียมอย่างเหมาะสม ขึ้นอยู่กับปัจจัยใดบ้าง?

  • การใช้สายตาในแต่ละวันของคนไข้ เช่น การอ่านหนังสือ การอ่านเอกสาร การมองจอโปรเจ็กเตอร์หรือคอมพิวเตอร์ ในกรณีที่คนไข้ต้องใช้สายตาอ่านข้อความหรืออยู่กับหน้าจอบ่อย ๆ การใช้เลนส์แก้วตาเทียมแบบหลายระยะมักจะสะดวกสบายมากกว่า
  • งบประมาณค่าใช้จ่าย ยิ่งเลนส์แก้วตาเทียมสามารถแก้ไขค่าสายตาได้หลากหลายมากเท่าไร ราคาก็จะยิ่งมีราคาสูงมากขึ้น เช่น เลนส์ระยะเดียวและแก้สายตาเอียงได้ก็จะมีราคาสูงกว่าเลนส์ระยะเดียวและไม่ได้ช่วยแก้สายตาเอียงด้วย ส่วนเลนส์ที่มีค่าใช้จ่ายสูงสุดคือ เลนส์ 3 ระยะพร้อมช่วยแก้สายตาเอียง

อายุการใช้งานเลนส์แก้วตาเทียม สามารถใช้ได้ถาวรหรือไม่?

เลนส์แก้วตาเทียมมีอายุการใช้งานถาวรตลอดชีวิต ด้วยเหตุนี้แพทย์จึงจะให้ความสำคัญในการคัดเลือกเลนส์แก้วตาเทียมที่เหมาะสมกับชีวิตของคนไข้มากที่สุด

การดูแลตนเองหลังผ่าตัดต้อกระจก

  • หลังผ่าตัด คนไข้ไม่จำเป็นต้องนอนค้างที่โรงพยาบาล 
  • แพทย์จะปิดตาคนไข้ไว้ 4-6 ชั่วโมง แต่ในบางรายอาจปิดไว้ข้ามคืน หากคนไข้สะดวก
  • งดยกของหนักและงดก้มศีรษะนาน ๆ เป็นเวลา 5-7 วันหลังผ่าตัด เพื่อป้องกันการเกิดแรงดันที่แผล
  • ห้ามขยี้ตาโดยเด็ดขาด เพื่อป้องกันแผลฉีกขาด
  • งดให้แผลโดนน้ำเป็นเวลา 1 เดือนเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
  • ใส่ที่ครอบตาระหว่างนอนหลับ 1 เดือน และให้งดนอนตะแคงทับดวงตาข้างที่ผ่าตัด
  • คนไข้ไม่จำเป็นต้องใส่แว่นกันฝุ่นละอองหรือละอองน้ำ แต่ให้ป้องกันอย่าให้ฝุ่นควัน สิ่งสกปรก หรือน้ำเข้าตาตามระยะเวลาที่แพทย์กำหนด
  • หากต้องการล้างหน้า ให้ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าแทนการล้างหน้าปกติ เพื่อไม่ให้น้ำกระเด็นเข้าตาจนกว่าแพทย์จะอนุญาต
  • หากต้องการสระผม ให้ไปสระที่ร้าน หรือนอนสระอย่างระมัดระวังแทน 
  • สามารถใช้ดวงตาทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติทุกอย่าง เพียงแต่อาจมีอาการตาล้าหรือตาแห้งได้บ้าง หากใช้สายตามากเกินไป
  • แพทย์จะจ่ายยาหยอดฆ่าเชื้อและยาแก้อักเสบให้หลังผ่าตัด ให้ใช้ยาตามที่แพทย์สั่งจ่ายให้อย่างเคร่งครัด
  • แพทย์จะนัดหมายให้คนไข้กลับมาตรวจแผลเป็นระยะ ๆ โดยความถี่ในการนัดหมายจะอยู่ที่ 1 วันหลังผ่าตัด 1 สัปดาห์หลังผ่าตัด 1 เดือนหลังผ่าตัด และ 3 เดือนหลังผ่าตัด

ผ่าตัดต้อกระจก เมื่อไหร่เห็นชัด?

หลังผ่าตัดต้อกระจก โดยส่วนมากในวันรุ่งขึ้น คนไข้จะเริ่มมีการมองเห็นที่ชัดเจน

ผ่าตัดต้อกระจกไปแล้ว ยังต้องใส่แว่นอยู่หรือไม่?

ขึ้นอยู่กับชนิดของเลนส์แก้วตาเทียมที่คนไข้เลือกใช้ เช่น หากคนไข้มีสายตาเอียงและสายตาสั้น แต่เลือกเลนส์สำหรับการมองเห็นระยะไกลเท่านั้น แต่ไม่ได้แก้ปัญหาสายตาเอียงด้วย ในกรณีนี้ก็ยังต้องใส่แว่นแก้สายตาเอียงอยู่ 

หรือหากคนไข้เลือกเลนส์สำหรับการมองเห็นระยะไกล แต่มีปัญหาสายตายาวร่วมด้วย ก็จำเป็นต้องใช้แว่นตาสำหรับอ่านหนังสือ หรือสำหรับมองใกล้อยู่

ผ่าตัดต้อกระจกแล้ว จะกลับมาเป็นซ้ำอีกหรือไม่?

หลังผ่าตัด คนไข้จะไม่กลับมาเป็นต้อกระจกซ้ำอีก โดยส่วนมากผลลัพธ์หลังการผ่าตัดจะอยู่ถาวรตลอดชีวิต และเลนส์แก้วตาเทียมจะไม่เสื่อมไปตามอายุของคนไข้ด้วย 

ในคนไข้บางรายอาจพบปัญหาถุงรองเลนส์ขุ่นหลังผ่าตัดบ้าง แต่อาการนี้สามารถรักษาได้ด้วยการยิงเลเซอร์ซึ่งใช้เวลาไม่นาน

การมองเห็นจากเลนส์แก้วตาเทียมมีความคมชัดเท่าเลนส์แก้วตาธรรมชาติหรือไม่?

มีความคมชัดใกล้เคียงกัน เพียงแต่ในช่วงแรก ๆ หลังการผ่าตัด คนไข้อาจรู้สึกว่า ภาพที่มองเห็นมีความสว่างมากหรือเป็นสีฟ้ากว่าปกติได้ เนื่องจากเลนส์แก้วตาธรรมชาติที่เป็นต้อกระจกมักจะมีสีขุ่นหรือมีสีเหลืองจนคนไข้อาจคุ้นชิน

นอกจากนี้คนไข้ที่เลือกเลนส์แก้วตาเทียมแบบ 2 ระยะ ในช่วงแรกหลังผ่าตัดอาจพบภาพแสงแตกกระจายในช่วงกลางคืนบ้าง แต่หลังจากปรับตัวกับการมองเห็นได้ก็จะไม่เป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตแต่อย่างใด

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังผ่าตัดต้อกระจก

  • ปวดตา
  • รู้สึกตึงลูกตา
  • ตาแห้ง
  • อาการแสบตา

อย่างไรก็ตาม อาการเหล่านี้เป็นอาการข้างเคียงปกติที่เกิดขึ้นได้อยู่แล้วหลังผ่าตัด คนไข้สามารถหยอดน้ำตาเทียมเพื่อเสริมความชุ่มชื้นและลดอาการเคืองตาหรือตาแห้งได้

หลังผ่าตัดต้อกระจก สามารถกลับมาผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์แก้วตาเทียมใหม่ได้หรือไม่?

แพทย์จะไม่แนะนำให้คนไข้กลับมาผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์แก้วตาเทียมซ้ำ เนื่องจากมีความเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนระหว่างผ่าตัดได้ ดังนั้นคนไข้จึงจำเป็นต้องพิจารณาชนิดของเลนส์แก้วตาเทียมอย่างรอบคอบตั้งแต่ก่อนผ่าตัด เนื่องจากเป็นเลนส์ที่จะใช้เสริมการมองเห็นไปตลอดชีวิต

ผ่าตัดต้อกระจก กับ พญ. ปนียา ด้วยบริการจาก HDcare

มีปัญหาโรคต้อกระจก อยากเรียกคืนความคมชัดของดวงตากลับคืนมา รวมถึงแก้ปัญหาค่าสายตาที่ทำให้การมองเห็นพร่าเบลอ ใช้ชีวิตไม่สะดวก บริการ HDcare ยินดีเป็นผู้ช่วยประสานงานให้คุณได้เข้ารับการผ่าตัดต้อกระจกกับจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ 

หรือหากยังไม่แน่ใจว่าควรผ่าตัดอย่างไร ควรใช้เลนส์แก้วตาเทียมแบบไหน ยังรู้สึกกลัวหรือไม่มั่นใจ ก็สามารถทักหาแอดมิน HDcare เพื่อนัดปรึกษาคุณหมอผ่านช่องทางออนไลน์หรือที่โรงพยาบาลก่อนได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

สอบถามทุกประเด็นเกี่ยวกับการผ่าตัดที่สงสัย กับทางทีมของ HDcare จนกว่าจะมั่นใจ และหากต้องการผู้ช่วยประสานงานด้านใดในโรงพยาบาล หรืออยากสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับบริการ HDcare สามารถพูดคุยผ่านทางไลน์ @HDcare ได้เลย

Scroll to Top