พริกขี้หนู (Bird’s eye chili หรือ Thai chili) สมุนไพรไทยที่มีรสชาติจัดจ้าน ช่วยเพิ่มรสชาติอาหารให้ดีขึ้น พริกขี้หนูนั้นมีประโยชน์มากมายหลายข้อ เช่น ช่วยลดน้ำหนัก ป้องกันโรคมะเร็ง เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายให้แข็งแรง
พริกขี้หนู มีรสชาติเผ็ดร้อน โดยมีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปอเมริกา แต่ในปัจจุบันได้รับความนิยมปลูกกันหลายประเทศทั่วโลก เป็นพืชที่มีมาแต่โบราณ มีสรรพคุณทางยาหลายอย่าง จัดว่าเป็นเครื่องเทศชนิดหนึ่งที่ค่อยข้างได้รับความนิยมและยังมีการปลูกกันอย่างแพร่หลายในประเทศไทย ที่สำคัญสามารถนำไปใช้ประกอบอาหารได้แทบทุกเมนู
สารบัญ
คุณค่าทางโภชนาการของพริกขี้หนู
ในพริกขี้หนู 100 กรัม มีคุณค่าทางโภชนาการดังนี้
พลังงาน 103 กิโลแคลอรี ไขมัน 2.4 กรัม คาร์โบไฮเดรต 19.9 กรัม ใยอาหาร 6.5 กรัม โปรตีน 4.7 กรัม แคลเซียม 45 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 85 มิลลิกรัม เหล็ก 2.5 มิลลิกรัม วิตามินเอ 11,050 I.U วิตามินบี1 0.24 มิลลิกรัม วิตามินบี2 0.29 มิลลิกรัม วิตามินบี3 2.10 มิลลิกรัม วิตามินซี 70 มิลลิกรัม
ประโยชน์ของพริกขี้หนู
พริกขี้หนูจัดว่าเป็นสมุนไพร ที่มีสรรพคุณในการบำรุงร่างกาย ป้องกันโรคร้ายแรงได้หลายชนิด มีส่วนช่วยในการลดน้ำหนัก มีสารอาหารที่ดี และยังมีสรรพคุณหรือข้อดีอะไรอีกบ้างนั้น ตามไปดูประโยชน์ของพริกขี้หนูกันเลย
1. ช่วยลดน้ำหนัก
การทานพริกขี้หนูสามารถช่วยลดน้ำหนักได้ เพราะในพริกขี้หนูมีสาร thermogenic ที่ทำให้เกิดความร้อนภายในร่างกาย ทำให้ระบบการเผาผลาญทำงานได้ดีขึ้น ส่งผลให้น้ำหนักตัวลดลงได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ในพริกยังมีสารแอสคอร์บิก ที่ช่วยเร่งให้ร่างกายเปลี่ยนไขมันไปเป็นพลังงานได้อีกด้วย ซึ่งจากการศึกษาในประเทศญี่ปุ่นก็ค้นพบว่า การทานพริก 10 กรัม จะทำให้อัตราการเผาผลาญพลังงานเพิ่มอย่างรวดเร็ว โดยเพิ่มยาวนานมากถึง 30 นาที สำหรับผู้ที่อยากลดน้ำหนักแนะนำให้ทานพริกสกัด โดยในพริกยังมีวิตามินซีสูง ที่จะช่วยขยายเส้นเลือดในลำไส้และกระเพาะอาหาร ทำให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้เป็นอย่างดี และยังมีส่วนช่วยกระตุ้นระบบการขับถ่ายให้ทำงานอย่างเป็นปกติอีกด้วย
2. ช่วยให้อารมณ์สดใส
เชื่อหรือไม่ว่าการทานพริกขี้หนูนั้น จะทำให้อารมณ์ดีขึ้นได้ เพราะในพริกมีสารแคปไซซินที่จะช่วยกระตุ้นสมองให้หลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน สารชนิดนี้มีคุณสมบัติหลายประการต่อร่างกาย โดยจะช่วยลดอาการเจ็บปวด มีส่วนช่วยในการลดฮอร์โมนความเครียด ทำให้อารมณ์สดใส รู้สึกสดชื่น ช่วยลดระดับความดันโลหิต ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย จึงทำให้มีความสุขมากขึ้น
3. ทำให้เจริญอาหาร
สารเอ็นดอร์ฟินนอกจากจะช่วยทำให้อารมณ์สดใสขึ้นแล้ว ยังมีส่วนช่วยทำให้อาหารอร่อยมากยิ่งขึ้น พริกขี้หนูยังทำให้ต่อมน้ำลายทำงานมากขึ้น ช่วยกระตุ้นปลายประสาท ทำให้สมองส่วนกลางรับรู้ความอยากทานอาหาร จึงทำให้หลายคนชอบทานเผ็ด เพราะยิ่งทานอาหารที่มีรสเผ็ดก็จะยิ่งทำให้ทานอาหารอร่อยยิ่งขึ้น
4. ลดอาการปวด
อย่างที่ทราบกันดีแล้วว่าสารแคปไซซินที่อยู่ในพริกขี้หนูจะช่วยกระตุ้นสมองให้หลั่งสารเอ็นดอร์ฟินออกมา ซึ่งเป็นสารที่ช่วยลดอาการเจ็บปวดโดยธรรมชาติ ทำให้เกิดอาการเจ็บปวดน้อยลง ในสมัยโบราณได้มีการนำพริกขี้หนูมาใช้ทำลูกประคบ ใช้ทำน้ำมันแก้ปวดเมื่อยตามข้อ ในปัจจุบันได้มีการสกัดสารแคปไซซินออกมา โดยนำมาใช้เป็นส่วนประกอบของขี้ผึ้งและเจล เพื่อใช้ทาบรรเทาอาการปวดบวมตามส่วนต่าง ๆ ของผิวหนัง ช่วยบรรเทาอาการปวดที่เกิดจากเส้นเอ็น เข่าอักเสบ บรรเทาอาการปวดข้อได้เป็นอย่างดี และยังช่วยลดอาการปวดเมื่อยตามตัวลงได้อีกด้วย
5. บำรุงสายตา
ในพริกขี้หนูยังมีปริมาณวิตามินเอและวิตามินซีอยู่สูง โดยพริกขี้หนูมีสารเบต้าแคโรทีนซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยบำรุงและป้องกันจอประสาทตาเสื่อม พริกจึงจัดว่าเป็นอาหารบำรุงสายตาอย่างดี หากอยากได้รับวิตามินเอจากพริก ควรทานสด ๆ โดยไม่ต้องมีการปรุงสุก
6. ช่วยให้หายใจสะดวกขึ้น
เวลาที่เราทานอาหารเผ็ดเราจะสังเกตได้ว่า จะมีอาการน้ำมูก น้ำตาไหล นั่นเป็นเพราะความเผ็ดของพริกขี้หนูและสารก่อความร้อนที่อยู่ในพริกขี้หนู จะช่วยลดปริมาณน้ำมูก ทำให้หายใจโล่งขึ้น ช่วยลดอาการคัดจมูก บรรเทาอาการไอ ละลายเสมหะ ช่วยขับเสมหะ สำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เช่น ไซนัส ภูมิแพ้ หอบหืด หลอดลมอักเสบ ให้รับประทานพริกอย่างเป็นประจำ แต่อย่าทานเผ็ดมากจนเกินไป เพราะจะทำให้ระคายเคืองกระเพาะอาหารได้
ไอเดียการใช้พริกขี้หนูเพื่อสุขภาพ
พริกขี้หนูสามารถนำมาใช้เป็นยารักษาโรค โดยในสมัยโบราณได้มีการใช้เป็นตำรับยา มีสรรพคุณในการลดอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย เราลองมาดูวิธีใช้พริกขี้หนูเพื่อสุขภาพกันเลยดีกว่า
- แก้อาการปวดหัว ใบพริกขี้หนูสามารนำมาใช้บรรเทาอาการปวดหัวที่เกิดจากอาการไข้ได้ โดยนำใบพริกขี้หนูสด มาตำให้ละเอียดผสมกับดินสอพอง แล้วนำมาปิดบริเวณขมับ จะช่วยบรรเทาอาการปวดหัวให้ดีขึ้นได้
- ใช้รักษาแผล ใบของพริกขี้มีคุณสมบัติรักษาแผลสดและแผลเปื่อยได้ โดยการนำใบสดมาตำแล้วพอกบริเวณที่เป็นแผล ทิ้งไว้สักครู่แล้วนำออก อย่าทิ้งไว้ปิดนาน เพราะจะทำให้รู้สึกร้อน
- แก้อาการฟกช้ำ พริกขี้หนูมีสรรพคุณที่ช่วยกระตุ้นระบบการไหลเวียนของเลือดได้ดี จึงช่วยแก้อาการบวม ลดฟกช้ำได้ดี วิธีใช้นำพริกขี้หนูสีแดงไปตากแห้ง นำมาบดจนเป็นผง ใส่วาสลีนลงไป เคี่ยวจนเหนียว นำมาทาบริเวณที่มีอาการ วันละ 1 – 2 ครั้ง จะทำให้อาการบวมบรรเทาลง
- แก้อาการปวดเอว ให้นำผงพริก วาสลีน แป้งหมี่ ผสมกับเหล้าเหลือง ผสมทุกอย่างให้เข้ากัน จนได้เนื้อครีม ทาลงไปบนกระดาษแก้ว นำมาปิดบริเวณที่ปวด จะทำให้อาการปวดดีขึ้น เนื่องจากมีเลือดไปเลี้ยงบริเวณนั้นมากขึ้น
- แก้อาการปวดเมื่อยตามตัว พริกขี้หนูสามารถนำมาใช้รักษาอาการปวดเมื่อยตามตัวได้เป็นอย่างดี วิธีใช้คือ ให้นำพริกขี้หนูตากแห้งมาแช่แอลกอฮอล์ ประมาณ 2 สัปดาห์ แล้วใช้สำลีชุบน้ำยาที่ได้ ใช้ทาบริเวณที่มีอาการปวดก็จะช่วยให้ดีขึ้น
ข้อควรระวัง
ในพริกขี้หนูมีสารแคปไซซิน ที่ทำให้เกิดการระคายต่อเนื้อเยื้อ ดังนั้นการทานพริกขี้หนูมากเกินไป จะทำให้เกิดการระคายเคืองของเนื้อเยื้อในปาก รวมไปถึงระบบทางเดินอาหาร จนทำให้เกิดอาการปวดแสบปวดร้อน อาจทำให้เกิดกรดในกระเพาะอาหาร ทำให้ท้องเสีย สำหรับคนที่เป็นโรคกระเพาะไม่ควรทานพริกหรืออาหารที่เผ็ดมากเกินไป
พริกขี้หนูเป็นสมุนไพรที่มีการใช้มาตั้งแต่สมัยโบราณ มีสรรพคุณที่ยอดเยี่ยมในการบำรุงร่างกาย ช่วยให้เจริญอาหาร และบรรเทาอาการเจ็บปวดของร่างกาย แถมยังช่วยกระตุ้นเผาผลาญ ช่วยลดไขมันและลดน้ำหนักได้ ดังนั้น จึงควรนำพริกขี้หนูไปประกอบเมนูอาหารรับประทานเพื่อสุขภาพบ่อยๆ จะดีที่สุด