การสักปากชมพู เป็นการปรับสภาพสีผิวบริเวณริมฝีปากให้มีสีสันตามความต้องการ นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกเสริมความงามที่สามารถเห็นผลได้ในเวลาไม่นาน ช่วยให้ผู้ที่มีริมฝีปากเข้ม คล้ำ ดำ มีเรียวปากสีสันสวยงาม รูปปากคมชัด ดูเป็นผู้มีสุขภาพดีขึ้นทันตา
ใครที่กำลังอยากมีปากชมพู ขอบปากคมชัดได้รูป เพื่อประหยัดเวลาในการเติมปากระหว่างวัน และประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อลิปสติก วันนี้ HDmall.co.th ได้รวมรวมข้อมูลการสักปากชมพูมาฝากกัน
สารบัญ
ปากดำคล้ำเกิดจากอะไร?
ผู้ที่มีริมฝีปากสีเข้มหรือคล้ำกว่าคนทั่วไป อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้
- สีผิวตามพันธุกรรมหรือเชื้อชาติ โดยเม็ดสีในร่างกาย จะทำให้สีผิวหนังมีระดับความเข้มแตกต่างกันไป
- การสูบบุหรี่ สารนิโคตินในบุหรี่ ทำให้เส้นเลือดฝอยหดตัว เป็นผลให้เลือดไปเลี้ยงริมฝีปากไม่เพียงพอจนสีริมฝีปากดำ และนิโคตินยังก่อตัวเป็นคราบที่ริมฝีปาก ทำให้ปากคล้ำดำได้เช่นกัน
- แสงแดด หากร่างกายสัมผัสรังสี UV ในแสงแดดบ่อยๆ และปริมาณมาก ผิวหนังทุกส่วนก็จะผลิตเม็ดสีดำหรือเม็ดสีเมลานินออกมามาก เป็นผลให้สีผิวบริเวณต่างๆ ในร่างกาย รวมถึงบริเวณปากมีสีเข้ม ขึ้นด้วยเช่นกัน
- สารในลิปสติก หากผู้ใช้มีอาการแพ้สารในลิปสติก เช่น ไอโซปาล์มมิทิว ไดกลีเซอริล กรดไขมันไดเพนตะอิรีไทรทอล สารเอสเทอร์ เอสเทอร์กัม หรือสารสีกลั่นจากปิโตรเลียม จนเกิดการอักเสบ อาจทำให้ริมฝีปากเป็นสีน้ำตาลเข้ม หรือสีดำได้
- โรคพันธุกรรม โรคบางชนิดอาจส่งผลต่อเม็ดสีในร่างกาย เช่น Peutz-Jeghers Syndrome ทำให้เกิดจุดสีดำขึ้นตามบริเวณต่างๆ เช่น นิ้ว ปาก หรือริมฝีปาก เป็นต้น
- ยาบางชนิด ที่มีผลทำให้ปริมาณเม็ดสีเมลานินในร่ายกายเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ปากคล้ำ ดำ ไปด้วย เช่น ยาปฏิชีวนะ ยารักษาอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือยาต้านมาลาเรีย เป็นต้น
- สารนิกเกิลในชาเขียว คนที่ดื่มหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีชาเขียวเป็นส่วนผสมเป็นประจำ ก็อาจมีผลทำให้บริเวณริมฝีปากคล้ำ ดำ ได้
สักปากชมพูคืออะไร?
การสักปากชมพู (Pink Lips Blushing หรือ Lips Tattooing) เป็นการสักและฝังสีลงบนริมฝีปาก ให้มีสีตามที่ต้องการ ด้วยเครื่องมือสักโดยแพทย์หรือช่างผู้เชี่ยวชาญ โดยเฉดสีที่นิยม ได้แก่ สีชมพู สีส้ม หรือแดง โดยมี 3 วิธีที่นิยมทำ ได้แก่
- การสักปาก (Lips Blushing หรือ Lips Tattooing) คือการใช้เข็มหัวขนาดเล็กที่บรรจุเม็ดสีไว้ แล้วทำการสักสีเข้าไปที่ริมฝีปาก โดยสักลึกถึงชั้นไขมันเพื่อให้สีปากติดทนนาน คมชัด มีสีระเรื่ออมชมพู หรือสีตามต้องการ
- การฝังสีปาก (Nano Baby Lip) คือการใช้เข็มฝังเม็ดสีลงไปในผิวหนังชั้นนอกหรือชั้นหนังกำพร้าบริเวณริมฝีปากเพียง 0.5 มิลลิเมตร เพื่อให้ปากมีสีระเรื่อเบาบางกว่าการสักปาก และถนอมผิวปากมากกว่า แต่สีที่ฝังจะไม่ติดทนนานเหมือนการสักปาก
- เลเซอร์ปาก (Laser Lips) เป็นการนำเทคโนโลยีเครื่องเลเซอร์มาช่วยทำลายเม็ดสีบริเวณผิวบางส่วนของริมฝีปากออกไป เพื่อให้ริมฝีปากหายคล้ำดำ มีอาการเจ็บน้อยกว่าการสักและฝังสีปาก แต่ราคาจะสูงกว่า ขณะที่ผลลัพธ์อยู่ได้ไม่นาน โดยเฉพาะเมื่อโดนแดดบ่อยๆ หรือใช้ลิปสติกที่คุณภาพไม่ดี จะทำให้ปากกลับมาดำคล้ำได้อีก รวมไปถึงต้องทำเลเซอร์หลายครั้งกว่าจะเห็นผล ซึ่งจำนวนครั้งในการยิงเลเซอร์ขึ้นกับความเข้มของสีผิวปากของแต่ละคน ส่วนใหญ่มักยิงประมาณ 2-3 ครั้ง
ข้อดีของการสักปากชมพู
- แก้ปัญหาปากคล้ำดำ ได้ผลดีและเร็ว
- สะดวกและประหยัดเวลา ไม่ต้องทาลิปสติก ไม่ต้องกังวลกับการเติมสีปากระหว่างวัน ลดความเสี่ยงต่อการสะสมของสีลิปติกที่ต้องเติมบ่อยๆ
- สีติดทนนาน คมชัด โดยอายุการติดทนขึ้นอยู่กับการดูแลของแต่ละคน
- ได้สีปากเป็นธรรมชาติ แม้ในช่วงแรกสีจะเข้มกว่าปกติ แต่จะค่อยๆ ลอกจางลงและจะได้สีที่ใกล้เคียงกับสีปากธรรมชาติ
- เสริมให้บุคลิกดีขึ้น เพราะสีสันบนริมฝีปาก ทำให้ใบหน้าสดใส มีสุขภาพดี
ข้อเสียของการสักปากชมพู
- มีอาการเจ็บ ตึง ริมฝีปากระหว่างทำ และการอักเสบ บวมแดงในช่วงแรกที่สัก ซึ่งอาการมากน้อยจะขึ้นอยู่กับความไวต่อการระคายเคืองของแต่ละคน และจะหายไปภายใน 1-2 วัน หรือหากมีอาการนานกว่านี้ สามารถรับประทานยาลดบวม หรือยาแก้อักเสบ ประมาณ 3-5 วันอาการจะค่อยๆ หายเป็นปกติ
- เกิดรอยม่วงช้ำหรือดำ เนื่องจากการสักย้ำๆ ในขั้นตอนที่เข็มและเครื่องสักปั่นกรอสีให้ลงไปในผิว ซึ่งแรงสั่นกระทบจากเครื่อง ทำให้เกิดการสร้างเมลานินขึ้นมาปกป้องผิว รวมไปถึงเกิดจากเลือดที่คั่งภายใต้ริมฝีปาก แต่เมื่อผิวเข้าที่ รอยช้ำนี้จะค่อยๆ หายไป และมีที่เราสักลงไปให้เห็นชัดขึ้น ภายในเวลาประมาณ 3-4 สัปดาห์
- ริมฝีปากเป็นส่วนที่บอบบางมาก จึงอาจมีอาการแพ้ได้ในบางคน หรือหากสีที่ใช้สักนั้นไม่ได้มาตรฐาน ก็อาจเกิดอาการผิดปกติตามมาทีหลังได้เช่นกัน
- เสี่ยงต่อการติดเชื้อ จากการดูแลรักษาความสะอาดไม่ดี เช่น ในบางขั้นตอนที่อุปกรณ์ไม่สะอาดทำให้เกิดการติดเชื้อได้ หรือหลังรับประทานอาหาร หากทำความสะอาดปากไม่ดีพอก็นำไปสู่การติดเชื้อตามมาได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม หากเลือกใช้บริการจากสถานเสริมความงามที่ได้มาตรฐาน ผู้ให้บริการมีความเชี่ยวชาญ รวมถึงดูแลตัวเองหลังรับบริการเป็นอย่างดี ก็จะช่วยลดความเสี่ยงลงได้มากเช่นกัน
การเตรียมตัวก่อนสักปากชมพู
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าริมฝีปากเป็นส่วนที่บอบบาง และการสักปากเองก็มีโอกาสติดเชื้อได้เช่นเดียวกับการเสริมความงามอีกหลายประเภท การเตรียมตัวที่ดีก่อนสักปากจึงอาจช่วยลดความเสี่ยงและอาการไม่พึงประสงค์อื่นๆ ลงได้ โดยการเตรียมตัวหลักๆ อาจมีดังนี้
- งดสักปากในช่วงมีประจำเดือน เพราะจะรู้สึกเจ็บกว่าช่วงปกติ
- กรณีปากเป็นแผลควรรักษาให้หายก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการอักเสบ และบวมแดงมากกว่าปกติ
- งดรับประทานวิตามินทุกชนิด หรือยาที่มีผลทำให้เลือดแข็งตัวช้า อย่างน้อย 1 สัปดาห์
- ควรดูแลริมฝีปากให้ชุ่มชื่นก่อนสัก โดยการทาน้ำมันมะพร้าว วาสลีน ครีมบำรุงริมฝีปาก หรือสครับริมฝีปาก เพื่อให้ผิวบริเวณปากแข็งแรงพร้อมที่จะสัก อย่างน้อย 2 สัปดาห์
- ปรึกษากับแพทย์หรือช่างสัก เพื่อเตรียมแบบ และสีสักปากที่ต้องการ
- ควรรับประทานอาหารให้เรียบร้อย และงดรับประทานอาหารเผ็ดร้อน ก่อนมาสักปาก
ขั้นตอนการสักปากชมพู
เมื่อเลือกแบบและสีที่ต้องการจะสักปากได้แล้ว ก็เป็นขั้นตอนของการเริ่มสักปาก ดังนี้
- ผู้ให้บริการทายาชาบริเวณริมฝีปาก ยาจะออกฤทธิ์ประมาณ 20-30 นาที
- จากนั้นเริ่มสักปาก เนื่องจากการสักปากใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง ทำให้ยาชาจะมีฤทธิ์ลดลงเรื่อยๆ หากรู้สึกเจ็บปาก ให้แจ้งแพทย์เพื่อทำการฉีดยาชาเพิ่ม
- แพทย์แนะนำการดูแลรักษา ภายหลังสักปาก และกลับบ้านได้
การดูแลตัวเองหลังสักปากชมพู
ภายหลังสักปากแล้ว สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ทั้งโดนน้ำ ล้างหน้า อาบน้ำ แปรงฟัน และบ้วนปาก แต่เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดและลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงอื่นๆ จึงควรมีการดูแลตัวเองหลังสักปากเพิ่มเติม ดังต่อไปนี้
- หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาบ้วนปากหรือยาสีฟันที่มีฤทธิ์รุนแรง เพราะอาจทำให้แสบริมฝีปาก และหลังจากบ้วนปาก ล้างหน้าเสร็จ ให้ใช้กระดาษทิชชู่ซับที่ปากเบาๆ จนแห้ง
- ป้องกันการติดเชื้อในช่วงวันแรก โดยการปิดปาก สวมแมส เพื่อป้องกันฝุ่นละอองและการติดเชื้อ
- รับประทานยาแก้อักเสบ แก้ปวด ลดบวมและใช้ผ้าปิดแผลไว้ หากรู้สึกบวมหรือเจ็บที่ริมฝีปาก
- งดทานอาหารรสจัด หรืออาหารประเภทน้ำ เช่น ก๋วยเตี๋ยว แกงต่างๆ ควรรับประทานอาหารแห้งเพื่อไม่ให้น้ำแกงโดนแผล รวมไปถึงงดอาหารหมักดองและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จนกว่าปากจะลอกออกหมด
- งดแคะ แกะ เการิมฝีปากเด็ดขาด เพราะการดึง แกะ หนังปากที่ตกสะเก็ด จะดึงเนื้อที่ยังไม่ลอกหรือเนื้อแท้ออกมาด้วย ทำให้เกิดแผลเป็น สีไม่ติด และอาจจะเกิดการติดเชื้อได้
- งดทาลิปสติกจนกว่าปากจะลอกหมด และควรงดต่ออีก 2-3 วัน หลังปากลอกหมดแล้ว
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสบ่อยๆ และห้ามสัมผัสรุนแรงเด็ดขาด เช่น แกะ เกา ถู เช็ด จูบ เม้มปากแรงๆ หรือเลียริมฝีปาก
- หลีกเลี่ยงโดนแดดจัดเป็นเวลานานในระหว่างที่แผลยังไม่หาย ซึ่งจะเป็นสาเหตุให้ปากแห้ง แตกเป็นขุย ได้
- ควรดื่มน้ำในปริมาณมากโดยใช้หลอด และหมั่นรักษาความสะอาดช่องปากด้วยการบ้วนปาก และใช้น้ำเกลือเช็ดปากทุกครั้งหลังจากรับประททานอาหารเสร็จ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- ควรทาวาสลีน หรือครีมบำรุงริมฝีปาก เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นเป็นประจำ จนกว่าแผลจะแห้ง และลอกออกจนหมด ซึ่งใช้เวลาประมาณ 3-7 วัน
- พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อช่วยให้เซลล์มีการผลัดผิวได้ตามปกติ
เมื่อครบ 3 เดือนแล้ว สีปากที่ต้องการยังไม่ปรากฏ หรือไม่เป็นไปตามที่ต้องการ ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อรับการแก้ไข ซึ่งบางคนที่สีไม่สม่ำเสมอ หรือสีจางเกินไป แพทย์แนะนำให้สักเพิ่มอีก 1 ครั้ง
สักปากชมพูเจ็บไหม?
โดยปกติ การสักปากหรือการฝังสีปากจะเจ็บน้อยเพราะมีการใช้ยาชา แต่ด้วยระยะเวลาที่ใช้ในการสัก ประมาณ 3-4 ชั่วโมง ยาชาที่ใช้ในครั้งแรกจะค่อยๆ หมดฤทธิ์ลง ซึ่งหากผู้รับบริการเริ่มรู้สึกเจ็บ ต้องขอให้แพทย์หรือช่างใส่ยาชาเพิ่ม และยังขึ้นอยู่กับพื้นผิวปากเดิม คือ หากผิวริมฝีปากแข็งและหนาจะทำให้ยาชาซึมลงยากกว่าผิวริมฝีปากนุ่ม จึงอาจทำให้รู้สึกเจ็บระหว่างทำได้มากกว่า
ทั้งนี้การสักปากเป็นการใช้เข็มกรอสีลงไปบนริมฝีปาก ทำให้เกิดความรู้สึกเจ็บได้เป็นปกติ แต่จะรู้สึกมากน้อยขึ้นอยู่กับความไวต่อความรู้สึกเจ็บ และความบอบบางของผิวแต่ละคน การที่แพทย์คอยใส่เติมยาชาและหยุดเป็นระยะในระหว่างสัก จะช่วยลดความรู้สึกเจ็บลงได้มาก นอกจากนี้น้ำหนักมือในการสักของแพทย์หรือช่าง และอุปกรณ์ที่ใช้งาน ก็ส่งผลต่ออาการเจ็บได้เช่นกัน
สักปากชมพูอยู่ได้นานไหม?
หลังจากสักปากชมพูแล้ว สีอาจติดทนได้นาน 2-3 ปี ขึ้นอยู่กับคุณภาพของสีที่ใช้ และการดูแลรักษาของแต่ละคน โดยสีจะค่อยๆ จางลง หากต้องการให้สียังชัดเจนและคงความสวยงาม จะต้องมีการเติมสีเพิ่มเมื่อเห็นว่าสีเริ่มซีดลง และปกติแล้วการสักปากครั้งแรก สีจะติดประมาณ 30-50% โดยอยู่กับสภาพสีผิว ภายหลังการสัก ริมฝีปากจะลอก และเริ่มเห็นสีได้บางส่วนแต่ยังไม่สม่ำเสมอ เมื่อผิวหนังด้านบนลอกหมด ริมฝีปากมีการผลัดเซลล์ผิว จึงจะเห็นสีคมชัด สวยงามทั่วปาก ใช้ระยะเวลา 2-3 เดือน
บางรายที่มีริมฝีปากเข้ม คล้ำ อาจต้องทำการสักซ้ำอีกครั้งเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน โดยแพทย์จะนัดสักปากซ้ำหลังจากสักไปประมาณ 3 เดือน กรณีที่คล้ำมากๆ อาจต้องสักถึง 3 รอบ ส่วนการฝังสีปากระยะเวลาความติดทนและคงทนของสีจะสั้นกว่าการสัก และอาจต้องทำการสัก 3-5 ครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตรงตามความต้องการของผู้รับบริการ
สักปากชมพูอันตรายไหม?
การสักปากเป็นการสักสีลงไปบริเวณริมฝีปากด้วยเข็มขนาดเล็ก ดังนั้นอันตรายที่เกิดขึ้นจากการสักปากจะมาจาก 2 เรื่องหลักๆ คือ เข็มที่ใช้สัก และสีที่ใช้ โดยอันตรายจากสี ได้แก่
- การแพ้สารเคมีที่ผสมอยู่ในสี ซึ่งอาจทำให้ปากบวม แดง ลอก หรือเป็นผื่นได้
- การระคายเคือง ซึ่งอาจทำให้ปากแห้งลอก เป็นขุยและดำ
- การปนเปื้อนของโลหะหนัก เช่น สารหนู ปรอท ตะกั่วในสี หากสะสมในปริมาณมากและนาน อาจเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งผิวหนัง
- การปนเปื้อนของเชื้อโรคในสี ซึ่งอาจทำให้เกิดผิวหนังอักเสบติดเชื้อได้
ส่วนอันตรายที่เกิดจากการใช้เข็ม ได้แก่ ใช้เข็มที่ไม่สะอาดหรือเข็มที่ผ่านการทำให้ปลอดเชื้อที่ไม่ได้มาตรฐานเพียงพอ ทำให้มีโอกาสติดเชื้อ เช่น เชื้อไวรัสตับอักเสบบี เชื้อ HIV ได้
เลือกสถานที่สักปากชมพูแบบไหนดี?
ไม่ว่าจะเป็นการสักปากชมพู หรือศัลยกรรมความงามด้านใด ผู้รับบริการควรใส่ใจกับมาตรฐานของคลินิกเสริมความงามและสุขภาพ เพื่อความปลอดภัยและอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับตัวผู้ใช้บริการเอง ไม่ควรมองแค่เรื่องการตอบโจทย์ความต้องการและราคาเท่านั้น
โดยการเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานเพื่อความปลอดภัย สิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องตรวจสอบ คือ ข้อมูลตามมาตรฐานคลินิกที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุข ดังนี้
- มีป้ายชื่อสถานพยาบาล และเลขที่ใบอนุญาต จำนวน 11 หลัก ติดไว้ที่หน้าคลินิก
- แสดงใบอนุญาตประกอบกิจการและใบอนุญาตให้ดำเนินการสถานพยาบาลที่เห็นได้ชัด ซึ่งใบอนุญาตให้ดำเนินการสถานพยาบาล และใบอนุญาตให้ประกอบกิจการสถานพยาบาล ปัจจุบันมี QR Code สามารถสแกน QR Code เพื่อ link ไปยังข้อมูลของคลินิก ทำให้สะดวกในการตัดสินใจเลือกใช้บริการมากขึ้น
- แสดงหลักฐาน การชำระค่าธรรมเนียมประจำปี ของปีปัจจุบัน
- แสดงรูปถ่ายของผู้ประกอบวิชาชีพหรือผู้ประกอบโรคศิลปะ พร้อมชื่อ และเลขที่ใบประกอบวิชาชีพ โดยรูปต้องตรงกับตัวจริงและเป็นคนเดียวกัน สามารถตรวจสอบว่าแพทย์ได้มาตรฐานหรือไม่ โดยตรวจสอบผ่านเว็บไซต์ www.tmc.or.th/check_md
- แสดงอัตราค่ารักษาพยาบาล และสามารถสอบถามอัตราค่ารักษาได้
นอกจากใบอนุญาตแล้ว ยังมีรายละเอียดเพิ่มเติมในการเลือกสถานเสริมความงาม ได้แก่
- มาตรฐานของผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในคลินิกต้องผ่าน อย.
- สถานที่มีความสะอาดปลอดภัย
- มีเครื่องมือและอุปกรณ์ช่วยชีวิตกรณีฉุกเฉิน ซึ่งจะช่วยกรณีที่เกิดปัญหา เช่น การแพ้ยาในเบื้องต้นได้
- ก่อนใช้บริการควรเช็กมาตรฐานต่างๆ และควรเช็กประวัติของแพทย์ ทั้งนี้แพทย์ที่เลือกควรจะเป็นแพทย์ที่สามารถทำงานในโรงพยาบาลทั่วไป เพราะเป็นแพทย์ที่มีใบรับรองมาตรฐานจากแพทย์สภาให้สามารถทำงานในโรงพยาบาลได้
- ผู้ใช้บริการควรลองไปดูสถานที่ตั้งคลินิกความงาม มาตรฐานความปลอดภัย และลองขอคำปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจใช้บริการ ไม่เชื่อข้อมูลทางอินเทอเน็ต หรือโฆษณา เท่านั้น
การสักปากชมพู เป็นอีกหนึ่งทางเลือกศัลยกรรมความงาม ในการแก้ปัญหาให้กับผู้มีปัญหาริมฝีปากคล้ำ ดำ กว่าปกติ และช่วยลดความกังวลเกี่ยวสีบนริมฝีปากที่ผู้หญิงส่วนมากให้ความสำคัญ เพราะสีสันบนริมฝีปากทำให้ริมฝีปากสดใส ใบหน้าสวยหวาน น่ามอง เสริมบุคลิกให้แลดูสุขภาพดี แต่ควรเลือกสถานเสริมความงามที่ได้มาตรฐาน และรับปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจทำด้วย