Methylprednisolone (เมทิลเพรดนิโซโลน)

ยา เมทิลเพรดนิโซโลน (Methylprednisolone) เป็นยาสำหรับรักษาโรคได้หลายชนิด เช่น โรคข้ออักเสบ (Arthritis), โรคเลือด (Blood disorders), อาการแพ้อย่างรุนแรง (Severe allergic reactions), มะเร็งบางชนิด, โรคตา, โรคผิวหนัง, โรคทางลำไส้, โรคปอด และโรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ยาจะไปกดการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในการตอบสนองต่อโรคต่างๆ ซึ่งจะช่วยบรรเทาอาการของโรค เช่น บวม ปวด และอาการแพ้ ยา Methylprednisolone เป็นยาสเตียรอยด์ชนิดหนึ่ง (Corticosteroid hormone) ยา Methylprednisolone อาจใช้ร่วมกับยาอื่นเพื่อรักษาโรคที่เกี่ยวกับฮอร์โมน (Hormone disorders)

สรรพคุณของ Methylprednisolone

  1. ต้านการอักเสบ
    • ใช้รักษา โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์, โรคเกาต์, โรคข้ออักเสบอื่นๆ
    • ลดการอักเสบของกล้ามเนื้อ และเส้นเอ็น
  2. กดภูมิคุ้มกัน
    • ใช้รักษา โรคภูมิแพ้ตัวเอง เช่น โรคเอสแอลอี (SLE), โรคผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้
    • ใช้ใน การปลูกถ่ายอวัยวะ เพื่อลดการต่อต้านของร่างกาย
  3. รักษาภาวะภูมิแพ้รุนแรง
    • ใช้ใน โรคหืดรุนแรง, โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง, ภูมิแพ้รุนแรง
    • ลดอาการแพ้ใน ลมพิษรุนแรง, ผื่นแพ้ผิวหนัง
  4. รักษาโรคทางระบบประสาท
    • ใช้รักษา โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง
    • ลดอาการอักเสบใน ภาวะสมองบวมจากเนื้องอก
  5. รักษาโรคทางเดินอาหาร
    • ใช้รักษา โรคโครห์น, ลำไส้ใหญ่อักเสบเป็นแผล

รูปแบบยา

  • ยาเม็ด: ใช้ในโรคเรื้อรังที่ต้องการควบคุมอาการระยะยาว
  • ยาฉีด: ใช้ในภาวะอักเสบรุนแรง หรือฉุกเฉิน เช่น ภูมิแพ้รุนแรง, โรคข้ออักเสบเฉียบพลัน

วิธีใช้ยา Methylprednisolone

  • รับประทานยานี้ตามแพทย์สั่ง โดยทั่วไปจะรับประทานพร้อมอาหาร หรือหลังอาหารทันที หรือรับประทานพร้อมนม ให้รับประทานยานี้ตามวิธีใช้ยาที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด ขนาดยาที่คุณได้รับจะขึ้นกับสภาวะโรคและการตอบสนองต่อการรักษาของคุณ โดยในแต่ละวันอาจมีวิธีการรับประทานยาแตกต่างกันได้ หรืออาจรับประทานยาเพียงวันเว้นวัน ดังนั้นคุณอาจใช้ปากกาจดไว้บนปฏิทินเพื่อช่วยให้ไม่ลืมรับประทานยา หากมีคำถามใดๆ เกี่ยวกับการใช้ยา ให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
  • อย่าเพิ่มขนาดยาเอง หรือใช้ยาบ่อยครั้งกว่าที่แพทย์สั่ง หรือใช้ยาในระยะเวลานานกว่าที่แพทย์สั่ง เพราะไม่ช่วยให้อาการดีขึ้นเร็วกว่าเดิม แต่จะยิ่งเพิ่มโอกาสเกิดผลข้างเคียงจากยาด้วย
  • อย่าหยุดยาเองโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์ เพราะอาการบางอย่างอาจแย่ลงหรืออาจมีอาการถอนยาหลังหยุดยากะทันหันได้ เช่น อ่อนแรง น้ำหนักลด คลื่นไส้ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย เวียนศีรษะ ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้มีอาการถอนยา แพทย์อาจค่อยๆ ลดขนาดยาลง ก่อนพิจารณาหยุดยาให้กับคุณ ให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม และถ้ามีอาการของการถอนยาเกิดขึ้น ให้แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทันที
  • ให้แจ้งแพทย์ หากอาการของคุณไม่ดีขึ้น หรือมีอาการแย่ลง

ผลข้างเคียงของยา Methylprednisolone

  • อาการข้างเคียงที่อาจเกิดจากการใช้ยา Methylprednisolone ได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน แสบร้อนยอดอก ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ นอนไม่หลับ ความอยากอาหารเปลี่ยนแปลงไป เหงื่อออกมากขึ้น หรือเป็นสิว ถ้าอาการเหล่านี้ไม่ดีขึ้น หรือมีอาการแย่ลง ให้แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทันที
  • โปรดจำไว้ว่า การที่แพทย์สั่งยานี้ให้กับคุณ เพราะว่าแพทย์ได้ประเมินแล้วว่าคุณจะได้รับประโยชน์จากยานี้มากกว่าความเสี่ยงต่อการเกิดอาการข้างเคียง ผู้ป่วยหลายรายที่ใช้ยานี้ไม่เกิดอาการข้างเคียงร้ายแรงจากยา
  • ยา Methylprednisolone อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นได้ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเบาหวาน หรือทำให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานมีอาการแย่ลง ดังนั้นให้แจ้งแพทย์ทันทีถ้าคุณมีอาการของระดับน้ำตาลในเลือดสูง เช่น หิวน้ำบ่อย ปัสสาวะบ่อย ถ้าคุณเป็นผู้ป่วยเบาหวาน คุณต้องตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเป็นประจำตามแพทย์สั่ง และนำผลการตรวจไปให้แพทย์ดูด้วย ซึ่งแพทย์อาจจำเป็นต้องปรับยารักษาโรคเบาหวาน ปรับโปรแกรมการออกกำลังกาย หรือปรับคำแนะนำในการรับประทานอาหารให้กับคุณ
  • ยา Methylprednisolone อาจทำให้ร่างกายต่อสู้กับการติดเชื้อได้แย่ลง ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้ออย่างร้ายแรง (อาจถึงแก่ชีวิต) หรือทำให้การติดเชื้อที่เป็นอยู่แย่ลงได้ จึงต้องแพทย์ทันทีถ้ามีอาการใดๆ ที่บ่งชี้ว่ามีการติดเชื้อ เช่น มีไข้ ตัวสั่น เจ็บคอ ไอ มีฝ้าสีขาวในปาก

แจ้งแพทย์ทันทีถ้าคุณมีอาการข้างเคียงที่ร้ายแรง ได้แก่

  • น้ำหนักตัวเพิ่มผิดปกติ
  • รอบประจำเดือนผิดปกติไป
  • ปวดข้อ ปวดกระดูก
  • เลือดออกง่าย มีรอยช้ำง่าย
  • มีการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ สภาพจิตใจ เช่น อารมณ์แปรปรวน ซึมเศร้า กระสับกระส่าย
  • กล้ามเนื้ออ่อนแรง ปวดกล้ามเนื้อ
  • หน้าบวม
  • แผลหายช้า
  • ข้อเท้า เท้า มือ มีอาการบวม
  • ผิวหนังบาง
  • มีขนขึ้นตามร่างกายผิดปกติ
  • การมองเห็นผิดปกติ
  • หัวใจเต้นเร็ว หัวใจเต้นช้า หัวใจเต้นผิดจังหวะ

ยา Methylprednisolone อาจทำให้เกิดเลือดออกในกระเพาะอาหารหรือลำไส้อย่างร้ายแรงได้ (อาจถึงแก่ชีวิต) ถ้าคุณสังเกตเห็นอาการข้างเคียงที่พบได้น้อยแต่ร้ายแรง ให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรทันที ได้แก่

  • มีเลือดออกในอุจจาระ อุจจาระมีสีดำ
  • อาเจียนคล้ายกากกาแฟ
  • ปวดท้องแล้วไม่ดีขึ้น

ไปพบแพทย์ทันทีถ้ามีอาการข้างเคียงที่ร้ายแรงมาก ได้แก่ อาการชัก

ปฏิกิริยาการแพ้ยานี้ เป็นเรื่องที่พบได้น้อย อย่างไรก็ตามถ้าเกิดอาการใดๆ ของการแพ้ยาให้รีบไปพบแพทย์ทันที ได้แก่ ผื่น คัน/บวม (โดยเฉพาะที่หน้า ลิ้น คอ) เวียนศีรษะรุนแรง หายใจลำบาก

อาการข้างเคียงที่กล่าวไว้ข้างต้นไม่ใช่อาการข้างเคียงทั้งหมดที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนั้นถ้าคุณมีอาการผิดปกติใดๆ ที่ไม่ได้กล่าวไว้ข้างต้น ให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร

ข้อควรระวังในการใช้ยา Methylprednisolone

1. แจ้งแพทย์ก่อนใช้ยา

  • หากคุณเคยแพ้ Methylprednisolone, Prednisone หรือส่วนประกอบอื่นๆ ในยา ให้แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทันที
  • แจ้งแพทย์เกี่ยวกับประวัติสุขภาพของคุณ โดยเฉพาะหากคุณมีภาวะต่อไปนี้:
    • ปัญหาเลือดออกหรือลิ่มเลือดอุดตัน
    • ภาวะกระดูกพรุน (Osteoporosis)
    • โรคเบาหวาน
    • โรคตา เช่น ต้อกระจก ต้อหิน ติดเชื้อเริมที่ดวงตา
    • โรคหัวใจ เช่น หัวใจล้มเหลว กล้ามเนื้อหัวใจตาย
    • ความดันโลหิตสูง
    • การติดเชื้อ เช่น วัณโรค เริม เชื้อรา
    • โรคไตหรือตับ
    • โรคทางจิตเวช เช่น โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล
    • ปัญหาในระบบทางเดินอาหาร เช่น แผลในกระเพาะอาหาร ถุงลำไส้อักเสบ
    • อาการชัก

2. ผลข้างเคียงที่พบบ่อย

  • ระบบภูมิคุ้มกัน: ยาอาจกดภูมิคุ้มกัน ทำให้ติดเชื้อง่ายขึ้น
  • ระบบทางเดินอาหาร: อาจทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารหรือเลือดออก
  • ระบบหัวใจและหลอดเลือด: อาจทำให้ความดันโลหิตสูงหรือบวมน้ำ
  • ระบบเมตาบอลิซึม: อาจทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้น น้ำหนักเพิ่ม
  • ระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ: อาจทำให้กระดูกบางหรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง
  • ระบบจิตประสาท: อาจทำให้อารมณ์แปรปรวน นอนไม่หลับ

3. กลุ่มผู้ป่วยที่ต้องระวังเป็นพิเศษ

  • ผู้สูงอายุ: อาจเสี่ยงต่อภาวะกระดูกพรุนมากขึ้น
  • เด็ก: ยาอาจชะลอการเจริญเติบโต ควรติดตามการเติบโตของเด็กอย่างใกล้ชิด
  • หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร: ควรใช้ยาเฉพาะเมื่อจำเป็นเท่านั้น และปรึกษาแพทย์ก่อนใช้

4. ข้อควรระวังเพิ่มเติม

  • อาการวิงเวียนศีรษะ: ยาอาจทำให้เวียนหัวได้ ควรหลีกเลี่ยงการขับรถหรือทำงานกับเครื่องจักรจนกว่าจะแน่ใจว่าปลอดภัย
  • เลือดออกในกระเพาะอาหาร: การดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำอาจเพิ่มความเสี่ยงนี้ ควรจำกัดการดื่มแอลกอฮอล์
  • การติดเชื้อ: ยาอาจทำให้ติดเชื้อง่ายขึ้น ควรล้างมือบ่อยๆ และหลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้ป่วยติดเชื้อ
  • วัคซีน: ยาอาจลดประสิทธิภาพของวัคซีน และห้ามฉีดวัคซีนชนิดเชื้อเป็น (Live vaccines) ขณะใช้ยา
  • การผ่าตัด: แจ้งแพทย์หรือทันตแพทย์ทุกครั้งหากกำลังใช้ยานี้ เพราะยาอาจทำให้ร่างกายตอบสนองต่อความเครียดได้ไม่ดี
  • ห้ามหยุดยาทันที เพราะอาจทำให้เกิดภาวะขาดยา (Adrenal insufficiency) ต้องค่อยๆ ลดขนาดยาตามแพทย์สั่ง
  • ควรตรวจสุขภาพเป็นประจำ เช่น วัดความดันโลหิต ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด และตรวจความหนาแน่นของกระดูก

การได้รับยา Methylprednisolone เกินขนาด

หากมีใครก็ตามที่ได้รับยา Methylprednisolone เกินขนาด จนทำให้เกิดอาการที่ร้ายแรง เช่น หมดสติ หรือหายใจลำบาก ให้รีบเรียกรถพยาบาลทันที โทร 1669

หากลืมรับประทานยา Methylprednisolone

  • ถ้าคุณรับประทานยา Methylprednisolone วันละ 1 ครั้ง แล้วลืมรับประทานยา ให้รับประทานทันทีที่นึกได้ หากนึกได้เมื่อใกล้กับเวลาของมื้อถัดไป ให้ข้ามมื้อที่ลืมไป และรับประทานมื้อถัดไปตามปกติ โดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เท่า
  • ถ้าคุณรับประทานยา Methylprednisolone ในแต่ละวันด้วยขนาดยาที่แตกต่างกัน หรือรับประทานยาวันเว้นวัน ให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับคำแนะนำในการปฏิบัติตนเมื่อลืมรับประทานยา

การใช้ยา Methylprednisolone ร่วมกับยาอื่น

การเกิดปฏิกิริยาระหว่างยา (Drug interactions) อาจเปลี่ยนแปลงการออกฤทธิ์ของยาหรือเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงร้ายแรง ข้อมูลที่ระบุนี้ไม่ได้ครอบคลุมการเกิดปฏิกิริยาระหว่างยาที่อาจเกิดขึ้นได้ทั้งหมด ดังนั้นคุณต้องแจ้งแพทย์และเภสัชกรทราบทุกครั้งว่าคุณกำลังรับประทานยา อาหารเสริม สมุนไพร ใดอยู่ในขณะนี้ อย่าเริ่มยา หยุดยา หรือเปลี่ยนแปลงขนาดยาต่างๆ เอง โดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์

รายการยาที่อาจเกิดปฏิกิริยากับยา Methylprednisolone ได้แก่

  • Desmopressin
  • Talimogene Laherparepvec
  • Efalizumab, Natalizumab
  • ยาที่มีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ CYP3A4 บางรายการ (Selected CYP3A4 inhibitors)
  • วัคซีนชนิดเชื้อเป็น (Live vaccines)
  • Cosyntropin
  • Macimorelin
  • Axicabtagene, Tisagenlecleucel
  • Fingolimod, Ocrelizumab
  • Radioactive Iodide
  • Mifamurtide
  • Amphotericin B
  • Aldesleukin
  • Mifepristone
  • Estrogens
  • ยาที่ออกฤทธิ์เพิ่มการทำงานของเอนไซม์ CYP3A4 บางรายการ (Selected CYP3A4 inducers)
  • ยาปฏิชีวนะในกลุ่ม Macrolide บางรายการ
  • ยาปฏิชีวนะในกลุ่ม Quinolones
  • Aprepitant ในขนาดมากกว่า 40 มิลลิกรัม, Fosaprep
  • ยาต้านเชื้อราในกลุ่ม Azole antifungal บางรายการ
  • Erlotinib
  • Bupropion
  • ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (Anticoagulants)
  • Salicylates
  • ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs)

Scroll to Top