ขนุน (Jackfruit)

ขนุน (Jackfruit) เต็มไปด้วยสารอาหารมากมาย ได้แก่ วิตามินซี วิตามินเอ ไทอามิน แคลเซียม ไนอาซิน เหล็ก โพแทสเซียม สังกะสี กรดโฟลิก โซเดียม วิตามินบี และยังมีไฟโตนิวเทรียนต์ที่เป็นสารต้านมะเร็งและสารต้านการอักเสบอีกด้วย แต่ยังไม่หมดแค่นั้นในขนุนยังมีสารพฤกษเคมี และสารประกอบฟีนอล มีเกลือแร่ ไฟเบอร์ และมีโปรตีนสูง มีไขมันและคอเลสเตอรอลที่น้อยมากๆ และให้พลังงานต่ำ และมีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัสจึงมีส่วนช่วยในเรื่องระบบภูมิคุ้มกัน

คุณค่าทางโภชนาการของเนื้อขนุน

ปริมาณ 100 กรัม ให้พลังงาน 95 kcal

  • คาร์โบไฮเดรต 23.2 กรัม
  • น้ำตาล 19.1 กรัม
  • เส้นใย 1.5 กรัม
  • ไขมัน 0.64 กรัม
  • โปรตีน 1.72 กรัม
  • วิตามินเอ 5 ไมโครกรัม (DV 1%)
  • เบตาแคโรทีน 61 ไมโครกรัม (DV 1%)
  • ลูทีนและซีแซนทีน 157 ไมโครกรัม
  • วิตามินบี 1 0.105 มิลลิกรัม (DV 9%)
  • วิตามินบี 2 0.055 มิลลิกรัม (DV 5%)
  • วิตามินบี 3 0.92 มิลลิกรัม (DV 6%)
  • วิตามินบี 5 0.235 มิลลิกรัม (DV 5%)
  • วิตามินบี 6 0.329 มิลลิกรัม (DV 25%)
  • วิตามินบี 9 24 ไมโครกรัม (DV 6%)
  • วิตามินซี 14.7 มิลลิกรัม (DV 17%)
  • วิตามินอี 0.34 มิลลิกรัม (DV 2%)
  • ธาตุแคลเซียม 24 มิลลิกรัม (DV 2%)
  • ธาตุเหล็ก 0.23 มิลลิกรัม (DV 2%)
  • ธาตุแมกนีเซียม 29 มิลลิกรัม (DV 8%)
  • ธาตุแมงกานีส 0.043 มิลลิกรัม (DV 2%)
  • ธาตุฟอสฟอรัส 21 มิลลิกรัม (DV 3%)
  • ธาตุโพแทสเซียม 448 มิลลิกรัม (DV 10%)
  • ธาตุโซเดียม 2 มิลลิกรัม (DV 0%)
  • ธาตุสังกะสี 0.13 มิลลิกรัม (DV 1%)

อ้างอิงข้อมูลจาก U.S. Department of Agriculture

งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

  • ตามภูมิปัญญาชาวบ้านที่อ้างว่า ขนุนมีสรรพคุณลดการอักเสบและป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา สอดคล้องกับงานวิจัยจำนวนหนึ่งที่กล่าวถึงสารประกอบอาร์โทคาร์เปซิน (Artocarpesin) ในขนุนอันเป็นสารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่มฟีนอลิก คาดว่า สารนี้มีคุณสมบัติช่วยลดภาวะอักเสบที่เกิดขึ้นจากการต่อต้านปฏิกิริยาบางอย่างภายในร่างกาย รวมทั้งอาจมีส่วนช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้
  • งานวิจัยด้านคุณสมบัติการต้านเชื้อแบคทีเรียชิ้นหนึ่งที่ทำในห้องทดลองก็ชี้ว่า ผงสกัดสารอาร์โทคาร์ปิน (Artocarpin) และอาร์โทคาร์ปาโนน (Artocarpanone) จากลำต้นของขนุนมีฤทธิ์ช่วยยั้บยังเชื้อแบคทีเรียที่รุนแรงได้หลากหลายชนิด  แต่ว่าคุณสมบัติในการต้านอักเสบและยับยั้งเชื้อแบคทีเรียของขนุนจะนำมาประยุกต์ใช้ในด้านการแพทย์ได้จริงหรือไม่ คงต้องรอให้มีการศึกษาในคนโดยตรงและยืนยันประสิทธิภาพได้อย่างแน่ชัดเสียก่อน

สรรพคุณของขนุนสำหรับการรักษาโรค

1. ช่วยในเรื่องการนอนหลับ

ในขนุนมีแมกนีเซียมและธาตุเหล็กที่ช่วยกระตุ้นให้ฮอร์โมนเมลาโทนินทำงานได้อย่างเต็มที่ จึงส่งผลให้นอนหลับสบายขึ้น

2. ช่วยระบบย่อยอาหาร

การรับประทานขนุนเพียง 100 กรัมก็มีไฟเบอร์ประมาณ 3.6 กรัมแล้ว จะช่วยระบบย่อยไม่ค่อยทำงาน หรือท้องผูกได้ดี นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันลำไส้สกปรก เมื่อร่างกายขับถ่ายสารก่อมะเร็งออกทางลำไส้ใหญ่

3. ป้องกันมะเร็ง

ขนุนเป็นผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ มีไฟโตนิวเทรียนต์และมีวิตามินซีสูงจึงมีสรรพคุณช่วยป้องกันมะเร็งได้หลายชนิด ทั้งมะเร็งเต้านม มะเร็งในช่องปาก มะเร็งปอด มะเร็งผิวหนัง มะเร็งกระเพาะอาหาร หรือมะเร็งต่อมลูกหมาก โดยจะช่วยปกป้องเซลล์ร่างกายจากการโดนทำลายและยังช่วยซ่อมแซมเซลล์ที่สึกหรอได้ด้วย

4. ลดความดันโลหิต

ขนุนมีโพแทสเซียมสูง ช่วยลดความดันโลหิต ลดอาการหลอดเลือดอุดตัน บำรุงหัวใจ และลดความเสี่ยงที่จะเกิดความผิดปกติของหลอดเลือดไม่ให้อุดตัน

5. ป้องกันภาวะเลือดจาง

ในขนุนมีธาตุเหล็กที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของเม็ดเลือดและยังมีแมกนีเซียม ที่สำคัญต่อเม็ดเลือดขาว ขนุนจึงช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคโลหิตจางได้

6. บำรุงกระดูก

ขนุนมีแคลเซียม วิตามินซี แมกนีเซียม ที่เป็นตัวช่วยสำคัญทำให้การดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกายทำได้ง่าย ทำให้กระดูกแข็งแรงขึ้น

7. บำรุงประสาท

ในขนุนมีวิตามินและสารอาหารสำคัญต่อระบบประสาทอย่างไทอามีน ไนอาซิน และเกลือแร่ที่เข้าไปช่วยการทำงานของระบบประสาทและสมอง

8. บำรุงสายตา

วิตามินเอในขนุนสามารถช่วยบำรุงสายตา ช่วยให้มองเห็นได้ชัดเจนขึ้น ป้องกันโรคจอประสาทตาเสื่อม และโรคต้อกระจกได้

9. บำรุงผิวพรรณ

ในขนุนมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ส่งผลดีต่อผิวพรรณ ลดริ้วรอย พร้อมปกป้องผิวจากแสงแดดและมลพิษที่เป็นตัวการทำให้ร่างกายแก่ก่อนวัย

10. รักษาแผลพุพอง แผลเปื่อย

เนื่องจากขนุนเป็นผลไม้มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ต้านแบคทีเรียและไวรัส อีกทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยปกป้องเซลล์ผิวหนังจากการถูกทำลายได้อย่างดี ทำให้แผลพุพอง หรือแผลที่เปื่อยดีขึ้น

ประโยชน์ของขนุนมากมายแบบนี้คงถูกใจคนรักขนุนกันแน่ๆ เพียงแต่ต้องกินในปริมาณที่พอดีเพราะขนุนเป็นผลไม้ที่ให้น้ำตาลสูง ถ้าเผลอกินมากๆ กินบ่อยๆ และกินเป็นเป็นประจำ มีหวังเบาหวานได้ถามหา  แต่สำหรับใครที่ไม่ชอบกลิ่นขนุนเห็นทีจะต้องอดทนปิดจมูกแล้วลองกินดูทีละน้อยๆ ไม่แน่ว่า ถ้าได้รับประโยชน์จากขนุนแล้ว คุณอาจจะเปลี่ยนใจหันมาสนใจขนุนดูบ้างก็เป็นได้

Scroll to Top