Fentanyl (เฟนทานิล)

เฟนทานิลเป็นยาในกลุ่มโอพิออยด์ (opioid) ซึ่งใช้เป็นยาในการระงับอาการปวด หรือใช้ร่วมกับยาอื่นในการดมสลบ ที่มีฤทธิ์แรงกว่ามอร์ฟีนหลายเท่า ใช้สำหรับรักษาและบรรเทาอาการปวดรุนแรงที่ไม่ตอบสนองต่อยาแก้ปวดทั่วไป

เฟนทานิล ถือเป็นยาเสพติดและการการนำไปใช้ผิดวิธี โดยนำไปเสพเป็นสารเสพติดร่วมกับสารเสพติดอื่น ถึงออกฤทธิ์รวดเร็วแต่ระยะเวลาในการออกฤทธิ์ไม่นานนัก คือไม่เกินหนึ่งหรือสองชั่วโมง ในทางการแพทย์ เฟนทานิลบริหารโดยการฉีดเข้าหลอดเลือด ยารับประทานำ หรือใช้ในรูปแบบของแผ่นแปะผิวหนัง ในบางประเทศยังมีในรูปแบบของสเปรย์พ่นจมูก

สรรพคุณของยา Fentanyl

  • บรรเทาอาการปวดเรื้อรัง ในผู้ป่วยมะเร็งระยะท้าย หรือผู้ที่ต้องการยาแก้ปวดที่มีประสิทธิภาพสูง
  • ใช้ในห้องผ่าตัด เป็นยาสลบเสริม หรือช่วยลดความเจ็บปวดระหว่างและหลังการผ่าตัด
  • บรรเทาอาการปวดเฉียบพลัน เช่น ภาวะปวดรุนแรงหลังการผ่าตัด อุบัติเหตุ หรือในผู้ป่วยที่มีภาวะเจ็บปวดขั้นวิกฤต

กลไกการออกฤทธิ์ของยา Fentanyl

Fentanyl เป็นยาในกลุ่ม opioid agonist ที่มีฤทธิ์แรง โดยออกฤทธิ์ผ่าน μ-opioid receptors (mu-opioid receptors, MORs) ในระบบประสาทส่วนกลาง (CNS) ซึ่งช่วยลดการรับรู้ความเจ็บปวดและเพิ่มเกณฑ์การทนต่อความเจ็บปวดของร่างกาย

ผลลัพธ์ทางเภสัชวิทยา

  • ระงับปวดรุนแรง ลดอาการปวดที่แรงกว่าปกติ
  • กดการหายใจ ซึ่งเป็นอันตรายหากได้รับยาเกินขนาด
  • กดการทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้เกิดอาการง่วงซึมและสงบ
  • เพิ่มการหลั่งโดปามีน ทำให้เกิดความรู้สึกพึงพอใจ ซึ่งนำไปสู่ความเสี่ยงในการเสพติด

ข้อบ่งใช้ของยา Fentanyl

บรรเทาอาการปวดเรื้อรังรุนแรง (แผ่นแปะผิวหนัง)

  • ขนาดยา: 12-100 ไมโครกรัมต่อชั่วโมง
  • การปรับขนาดขึ้นอยู่กับการใช้ยา opioid ก่อนหน้า ซึ่งแตกต่างกันในแต่ละบุคคล
  • ผู้ที่ตอบสนองต่อ opioid ขนาดเริ่มต้น ≤ 25 ไมโครกรัมต่อชั่วโมง
  • ผู้ที่ใช้ opioid ขนาดสูง คำนวณขนาดจากปริมาณที่ใช้ใน 24 ชั่วโมงก่อนหน้า
  • การเปลี่ยนจากยาเดิมเป็นแผ่นแปะ ควรลดปริมาณยารูปแบบเดิมอย่างค่อยเป็นค่อยไป
  • เปลี่ยนแผ่นแปะทุก 72 ชั่วโมง และเปลี่ยนตำแหน่งทุกครั้ง หลีกเลี่ยงการใช้ซ้ำในบริเวณเดิม
  • ผู้สูงอายุ: ไม่จำเป็นต้องปรับขนาดยา

ยาก่อนใช้ยาดมสลบ (ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ)

  • ผู้ใหญ่: 50-100 ไมโครกรัม ฉีดก่อนทำการดมยาสลบ 30-60 นาที
  • ผู้สูงอายุ: ไม่จำเป็นต้องปรับขนาดยา

ยาเสริมของยาดมสลบ (ฉีดเข้าหลอดเลือดดำ)

สำหรับผู้ป่วยที่หายใจได้เอง

  • ขนาดเริ่มต้น 50-200 ไมโครกรัม ตามด้วยขนาดเสริม 50 ไมโครกรัม
  • ขนาดสูงสุด 200 ไมโครกรัม
  • อัตราการให้ยา 0.05-0.08 ไมโครกรัม/กก./นาที

สำหรับผู้ป่วยที่ใช้เครื่องช่วยหายใจ

  • ขนาดเริ่มต้น 300-3500 ไมโครกรัม ตามด้วยขนาดเสริม 100-200 ไมโครกรัม
  • การให้ loading dose ให้แบบ bolus ผ่านหลอดเลือดดำ 1 ไมโครกรัม/กก./นาที ในช่วง 10 นาทีแรก
  • ตามด้วย infusion ขนาด 1 ไมโครกรัม/กก.
  • ผู้สูงอายุ: ไม่จำเป็นต้องปรับขนาดยา

ข้อปฏิบัติเมื่อลืมรับประทานยา Fentanyl

  • หากลืมรับประทานยาตามเวลาปกติที่รับประทาน ถ้าปกติรับประทาน 1 เม็ด ให้รับประทานยาทันทีที่นึกได้จำนวน 1 เม็ดโดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เม็ดแทนเม็ดที่ลืมรับประทาน
  • ในกรณีลืมรับประทานยาใกล้กับเวลารับประทานถัดไป ให้รับประทานยาในมื้อถัดไปในขนาด 1 เม็ด โดยข้ามยาในมื้อที่ลืมไปและไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เม็ด

ข้อควรระวังของการใช้ยา Fentanyl

  • ห้ามใช้ในผู้ป่วยที่ไม่สามารถทนผลข้างเคียงของโอพิออยด์ได้
  • ไม่ใช้สำหรับอาการปวดเฉียบพลัน หรืออาการปวดที่ไม่รุนแรง เช่น หลังผ่าตัด
  • ห้ามใช้ในผู้ที่มีภาวะกดการหายใจรุนแรง หรือโรคปอดที่มีโครงสร้างผิดปกติ
  • ควรระวังในผู้ป่วยที่มีบาดแผลที่ศีรษะ ความดันในกะโหลกศีรษะสูง โรคไต โรคตับ และโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (Myasthenia gravis)
  • ระวังในผู้ที่มีภาวะหัวใจเต้นช้า หรือโรคปอดเรื้อรัง (COPD)
  • การใช้เป็นเวลานานอาจทำให้เกิดภาวะดื้อยาและการเสพติดทั้งทางร่างกายและจิตใจ
  • หยุดยาอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อลดความเสี่ยงของอาการถอนยา
  • ใช้ด้วยความระมัดระวังในผู้สูงอายุ สตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตร

ผลข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา Fentanyl

ยานี้อาจก่อให้เกิดอาการข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์ ได้แก่ หายใจลำบาก หลอดลมหดตัว laryngospasm คลื่นไส้ อาเจียน หัวใจเต้นช้า อาการบวมน้ำ กดระบบประสาทส่วนกลาง สับสน มึนงง ง่วงนอน ปวดศีรษะ ความดันโลหิตต่ำ หลอดเลือดส่วนปลายขยาย เพิ่มความดันในกระโหลก อาการคัน เกิดผื่น ผิวหนังอักเสบ เลือดออกที่เหงือก ส่งผลต่อการรับรส เหงือกร่น ระคายเคืองคอ แผลในจมูก น้ำมูกไหล อาการไอ ปัสสาวะคั่ง อาการข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์ที่รุนแรง ได้แก่ การกดระบบทางเดินหายใจ

เนื่องจาก Fentanyl มีฤทธิ์แรงและเสี่ยงต่อการเกิดภาวะกดการหายใจ จึงต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างเคร่งครัด และมีการควบคุมการใช้เพื่อป้องกันการใช้ผิดวัตถุประสงค์

Scroll to Top