ผักชี (Coriander)

ผักชี (Coriander) ผักชีไทยเป็นผักก้นครัวที่เรารู้จักกันดีแม้จะมีกลิ่นแรงเป็นเอกลักษณ์ แต่ผักชีก็เปี่ยมด้วยสรรพคุณหลายอย่างตั้งแต่รากจรดใบ เมื่อรู้อย่างนี้แล้วเราไม่ควรมองข้ามการรับประทานผักชีอีกต่อไป ว่าแล้วก็ตามไปทำความรู้จักผักชีให้มากขึ้นกันเลยดีกว่า

คุณค่าทางโภชนาการ

ผักชี 100 กรัม ให้พลังงานเพียง 23 แคลอรี่ และอุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญ ได้แก่

นอกจากนี้ ผักชียังมี วิตามินและแร่ธาตุ ที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น

  • วิตามินเอ, เบต้าแคโรทีน, ลูทีน, ซีแซนทีน (ช่วยบำรุงสายตา)
  • วิตามินบี1, บี2, บี3, บี5, บี9 (ช่วยการทำงานของระบบประสาทและเผาผลาญพลังงาน)
  • วิตามินซี (เสริมภูมิคุ้มกัน)
  • วิตามินอี (ช่วยต้านอนุมูลอิสระ)
  • แคลเซียม (เสริมสร้างกระดูกและฟัน)

ประโยชน์ของผักชี

1. ต่อต้านอนุมูลอิสระ

ใบผักชีมีกลุ่มสารต้านอนุมูลอิสระสูง ได้แก่ สารกลุ่มฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) สารกลุ่มแลคโตน (Lactones) สารกลุ่มฟีโนลิก (Phenolic acids) สารกลุ่มแทนนิน (Tannins) และน้ำมันหอมระเหย จากผลการศึกษาวิจัยพบว่า ใบและลำต้นของผักชีมีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระสูง มีสรรพคุณต่อต้านอาการชัก ป้องกันเซลล์สมองจากการถูกทำลาย ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และช่วยย่อยอาหาร

2. ส่งเสริมระบบการทำงานของกระเพาะอาหารและลำไส้

ผักชีจัดว่า เป็นเครื่องเทศชนิดหนึ่งที่ช่วยเพิ่มกลิ่นหอมให้อาหาร ตำรายาแผนไทยนิยมใช้ส่วนผล ซึ่งมีสรรพคุณในการกระตุ้นกระเพาะอาหารและลำไส้ ให้ขับน้ำดี และขับน้ำย่อยออกมามากขึ้น ช่วยย่อยอาหาร และช่วยให้เจริญอาหารมากขึ้น นอกจากนั้น น้ำมันหอมระเหยของลูกผักชียังมีสารยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

3. ลดน้ำตาลในเลือด

ส่วนของเมล็ดและน้ำมันหอมระเหยของผักชี มีส่วนช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด โดยเพิ่มการหลั่งสารอินซูลิน อย่างไรก็ตาม ในผู้ป่วยที่มีระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ หรือรับประทานยาลดระดับน้ำตาลในเลือดอยู่แล้ว ควรรับประทานอย่างระมัดระวัง

4. ลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง

ผักชีเป็นเครื่องเทศที่มีรสชาติเผ็ดร้อน มีคุณสมบัติช่วยยับยั้งสารก่อมะเร็งกลุ่มเฮเทอโรไซคลิกเอมีน (Heterocyclic amine: HCA) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งที่เกิดจากการรับประทานอาหารปิ้งย่าง จากงานศึกษาวิจัยหลายๆ ชิ้นก็ยืนยันตรงกันว่า ผักชีสามารถทำให้การก่อตัวของสารกลุ่ม HCA ให้ลดลงได้อย่างมีนัยสำคัญ

5. บำรุงสายตา ต่อต้านการอักเสบ

ในผักชี 100 กรัม จะมีเบต้าแคโรทีนสูงถึง 3,930 ไมโครกรัม และเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ จากการศึกษาพบว่า สารต้านอนุมูลอิสระปริมาณสูงในผักชีมีสรรพคุณที่ช่วยต่อต้านการอักเสบของเซลล์ในร่างกาย สารเบต้าแคโรทีนยังมีส่วนบำรุงสายตาและทำให้การทำงานของสายตาเป็นปกติ

ไอเดียการใช้ผักชีเพื่อสุขภาพ

มีการนำผักชีมาใช้เป็นตำรับยาแผนโบราณมานานแล้ว เนื่องจากสามารถใช้เป็นยาได้ทั้งต้นตั้งแต่ใบ เมล็ด และราก การนำผักชีมาใช้เพื่อสุขภาพตามตำรายาไทยมีดังนี้

  1. ใบผักชี เป็นยาบำรุงธาตุในร่างกาย ช่วยบรรเทาอาหารคลื่นไส้อาเจียน แก้หวัด ลดอาการวิงเวียนศีรษะ รักษาอาหารเป็นพิษ แก้กระหายน้ำ และช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้
  2. เมล็ดผักชี สามารถใช้รักษาแผล บรรเทาอาการปวดฟัน รักษาโรคบิด แก้ริดสีดวงทวารหนัก บรรเทาอาการท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยให้เจริญอาหารมากขึ้น กระตุ้นต่อมในกระเพาะอาหารและลำไส้ เพิ่มน้ำดีให้มากขึ้น แก้อาการถ่ายเป็นเลือด และถ่ายเป็นมูก
  3. ต้นสด ทำให้เจริญอาหาร ช่วยขับเหงื่อ ขับลม ทำให้เจริญอาหาร ละลายเสมหะ และใช้รักษาโรคริดสีดวงทวารได้
  4. รากผักชี ใช้เป็นน้ำกระสายยา ช่วยขับพิษไข้หัว รักษาโรคหิด รักษาโรคอีสุกอีใส และไข้อีดำอีแดง

ข้อควรระวังการบริโภคผักชี

  • สำหรับผู้ที่มีประวัติแพ้พืชวงศ์ผักชี เช่น คื่นช่าย ยี่หร่า เทียนข้าวเปลือก กระเทียม และหอมใหญ่ ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานผักชีจะดีที่สุด เนื่องจากผักชีจะก่อให้เกิดอาการแพ้
    ได้ เช่น ผื่นแพ้สัมผัส (Contact dermatitis) ผดผื่นคัน ทำให้ผิวไวต่อแสงแดด เพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็งผิวหนัง ทำให้เยื่อบุจมูกและตาอักเสบ อาจทำให้เกิดหลอดลมเกร็งตัว
  • ผู้ที่เป็นโรคไตไม่ควรรับประทานผักชีในปริมาณที่มากเกินไปเพราะผักชีจะมีโพแทสเซียมสูง อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้ ดังนั้นข้อมูลที่มีการแชร์กันว่า หากดื่มน้ำผักชีต้ม หรือปั่นเป็นประจำทุกวันจะสามารถช่วยล้างไตให้สะอาดได้นั้นจึงไม่เป็นความจริงเลย ผู้ป่วยโรคไตควรเลี่ยงเด็ดขาด
  • สำหรับคนทั่วไป การรับประทานผักชีในปริมาณมากอาจทำให้มีกลิ่นตัวแรงขึ้น ทำให้เกิดอาการตาลายและหลงลืมง่าย ดังนั้นควรรับประทานแต่พอดีในขนาดที่ใช้ประกอบอาหาร

ผักชีเป็นผักพื้นบ้านที่ใช้เพิ่มกลิ่นหอมชวนรับประทานและเพิ่มรสชาติในอาหารด้วย มีสารอาหารที่ดีต่อร่างกายหลายด้าน แถมยังอัดแน่นไปด้วยสรรพคุณที่เป็นยา เพราะเต็มไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุสำคัญโดยมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ใช้เป็นยาได้ทั้งต้น ช่วยบำรุงร่างกายได้เป็นอย่างดี แต่ควรรับประทานผักชีในปริมาณพอเหมาะและหลีกเลี่ยงหากมีอาการแพ้

Scroll to Top