โรคนิ่วในถุงน้ำดี เกิดจากการเสียสมดุลระหว่างสารละลายหลักในถุงน้ำดี ได้แก่ คอเลสเตอรอล ไขมันฟอสเฟต และกรดน้ำดี จนเกิดเป็นตะกอนและนิ่วในที่สุด โดยก้อนนิ่วในถุงน้ำดี อาจมีขนาดเล็กหรือใหญ่ และมีจำนวนที่แตกต่างกัน ซึ่งโรคนี้พบมากในกลุ่มคนอ้วน และพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชายเพราะฮอร์โมนเอสโตรเจนมีส่วนในการก่อตัวของก้อนนิ่ว แต่ด้วยอาการของโรคคล้ายโรคกระเพาะอาหาร จึงถูกมองว่าไม่เป็นอันตราย ซึ่งถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องอาจจะทำให้เกิดโรคต่างๆ ตามมาได้ เช่น ตับอ่อนอักเสบ เพราะก้อนนิ่วเคลื่อนไปอุดตันท่อที่ตับอ่อน และติดเชื้อในกระแสเลือด เป็นต้น
นอกจากนี้ การใช้ยาเพื่อละลายก้อนนิ่วนั้น เมื่อหยุดยาอาจจะทำให้เกิดก้อนนิ่วซ้ำได้อีก ดังนั้นการรักษาที่ดีที่สุด คือการผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออก วันนี้ HDmall.co.th จึงได้รวบรวมข้อมูลสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีมาฝากกัน
สารบัญ
- ผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีคืออะไร?
- ผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีมีกี่แบบ?
- ใครควรผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี?
- ใครไม่ควรผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี?
- การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี
- ขั้นตอนการผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี
- การดูแลตัวเองหลังผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี
- อาการหลังผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี
- ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี
- อาการผิดปกติหลังผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีที่ควรปรึกษาแพทย์ทันที
- ไม่ผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีได้ไหม?
ผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีคืออะไร?
การผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี (Cholecystectomy) คือ การผ่าตัดนำถุงน้ำดีออก โดยผ่าตัดเปิดหน้าท้อง (Open Cholecystectomy) หรือโดยการเจาะรูเล็กๆ ที่หน้าท้อง (Laparoscopic Cholecystectomy)
ถุงน้ำดี (Gallbladder) เป็นอวัยวะขนาดเล็กในระบบย่อยอาหาร ทำหน้าที่กักเก็บน้ำดีที่ตับผลิตส่งออกมา ทำให้น้ำดีเข้มข้นเพื่อพร้อมสำหรับย่อยไขมัน เมื่อร่างกายเราต้องการย่อยไขมัน น้ำดีก็จะถูกส่งไปตามท่อ เข้าสู่ลำไส้เพื่อย่อยสลายไขมัน ดังนั้นการตัดถุงน้ำดีออก จึงไม่มีผลกระทบต่อระบบย่อยอาหาร เพราะถุงน้ำดีเป็นเพียงที่เก็บพักน้ำดีเท่านั้น
ผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีมีกี่แบบ?
การผ่าตัดถุงน้ำดีในปัจจุบัน มี 2 แบบคือ
1. ผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง (Open Cholecystectomy) เป็นการผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออกด้วยการเปิดแผลทางหน้าท้องบริเวณใต้ซี่โครงด้านขวายาวประมาณ 10 ซม. ปัจจุบันจะเลือกใช้การผ่าตัดวิธีนี้กรณีที่ถุงน้ำดีที่มีอาการอักเสบมาก หรือแตกทะลุในช่องท้อง และในรายที่แพทย์สงสัยว่าอาจมีภาวะตับอ่อนอักเสบร่วมด้วย โดยหลังจากการผ่าตัดใช้เวลาพักอยู่ในโรงพยาบาลประมาณ 3-5 วัน และพักฟื้นหลังออกจากโรงพยาบาลอีกประมาณ 1 เดือน
2. ผ่าตัดถุงน้ำดีแบบส่องกล้อง (Laparoscopic Cholecystectomy) เป็นการผ่าตัดโดยการเจาะรูเล็กๆ ที่บริเวณสะดือและชายโครงขวา ขนาดประมาณ 0.5-1 ซม. จำนวน 3-4 รู จากนั้นจะสอดท่อที่มีไฟฉายและกล้องขนาดเล็กลงไป และส่งภาพมายังจอมอนิเตอร์ เพื่อให้แพทย์ทำการผ่าตัดผ่านจอโทรทัศน์ ซึ่งการผ่าตัดวิธีนี้จะทำให้แผลมีขนาดเล็ก อาการปวดน้อย โดยหลังจากการผ่าตัดใช้เวลาพักอยู่โรงพยาบาล 1-2 วัน และพักฟื้นหลังออกจากโรงพยาบาลอีก 1 สัปดาห์ก็กลับไปทำงานได้ตามปกติ
ใครควรผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี?
แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้ผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี หากพบอาการดังนี้
- ผู้ที่มีอาการปวดท้อง ปวดเสียดท้องบริเวณลิ้นปี่ข้างขวา ปวดร้าวที่สะบักขวา โดยเฉพาะเวลาหลังอาหาร หรือหลังมื้ออาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง สาเหตุเกิดจากก้อนนิ่วอุดตันที่ปากถุงน้ำดี
- ผู้ที่มีอาการปวดระบมที่ชายโครงขวา คลื่นไส้ อาเจียน มีไข้ เพราะถุงน้ำดีอักเสบอย่างเฉียบพลัน
- ผู้ที่มีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และอาหารไม่ย่อย เนื่องจากถุงน้ำดีอักเสบเรื้อรัง
- ผู้ที่มีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง (ดีซ่าน) เนื่องจากนิ่วในถุงน้ำดีหลุดเข้าไป ทำให้ท่อน้ำดีใหญ่อุดตัน
- ผู้ที่มีอาการปวดท้องส่วนบน อาเจียนมาก สาเหตุมาจากตับอ่อนอักเสบเพราะก้อนนิ่วไปอุดตันอยู่ที่ส่วนปลายของท่อตับอ่อน
ใครไม่ควรผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี?
การผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี อาจไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคนเสมอไป ผู้ที่เข้าข่ายข้อดังต่อไปนี้ แพทย์อาจพิจารณาให้หลีกเลี่ยงการผ่าตัด
- ผู้ที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับแข็งตัวของเลือด
- ผู้ที่มีอาการตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน
- ผู้ที่มีอาการโรคทางหัวใจหรือปอดรุนแรง
- ผู้ที่ไม่สามารถดมยาสลบได้
- ผู้ที่มีอาการตับแข็งขั้นรุนแรง
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เข้าข่ายข้อดังกล่าวและมีอาการผิดปกติเกี่ยวกับถุงน้ำดี ก็ไม่ควรคิดเองว่าตนเองไม่สามารถผ่าตัดรักษาได้หรือปล่อยปละละเลย แต่ควรเข้าปรึกษาแพทย์เพื่อให้แพทย์เป็นผู้แนะนำแนวทางที่เหมาะสมต่อไป
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี
ในกรณีที่เป็นการผ่าตัดที่ไม่ฉุกเฉิน (Elective Case) การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำก็จะคล้ายกับการเตรียมตัวผ่าตัดทั่วไป คือ
- ผู้เข้ารับการผ่าตัดควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ปราศจากการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ
- ควรพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง ก่อนเข้ารับการผ่าตัด
- ผู้เข้ารับการผ่าตัดที่รับประทานยาละลายลิ่มเลือดหรือยากลุ่ม Antiplatelet ต้องแจ้งแพทย์หรือพยาบาล เพราะต้องหยุดยาอย่างน้อย 7 วัน ก่อนวันผ่าตัด
- งดดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่อย่างน้อย 48 ชั่วโมง
- ผู้เข้ารับการผ่าตัดที่มีโรคประจำตัวที่รับประทานยาเป็นประจำ ต้องแจ้งให้แพทย์และพยาบาลทราบ เพื่อทางแพทย์จะได้วินิจฉัยว่าจะต้องทานยาหรืองดยานั้นๆ ก่อนการผ่าตัดหรือไม่
- ผู้เข้ารับการผ่าตัดที่ใส่ฟันปลอมชนิดติดแน่นหรือมีฟันผุฟันโยกควรแจ้งแพทย์หรือพยาบาล
- ถ้าทาเล็บ ผู้เข้ารับการผ่าตัดต้องล้างสีเล็บออกก่อนวันผ่าตัด เพราะสียาทาเล็บทำให้การวัดค่าออกซิเจนที่ปลายนิ้วคาดเคลื่อน
- งดอาหารและน้ำดื่มอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงก่อนผ่าตัด เพื่อช่วยให้ระบบย่อยอาหารว่าง ป้องกันการอาเจียนหลังระงับความรู้สึก
ขั้นตอนการผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี
ขั้นตอนผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีแบ่งตามวิธีการผ่าตัดดังนี้
ขั้นตอนการผ่าตัดแบบเปิดแผลหน้าท้อง
- วิสัญญีแพทย์จะให้ยาสลบและดูแลเรื่องการระงับปวด
- เมื่อยาสลบออกฤทธิ์ ศัลยแพทย์จะเริ่มผ่าตัดกล้ามเนื้อหน้าท้องบริเวณใต้ซี่โครงด้านขวา ประมาณ 10 ซม.
- ศัลยแพทย์ใช้เครื่องมือแพทย์เปิดแผลทางหน้าท้อง เข้าไปในช่องท้อง เลาะเอาถุงน้ำดีออกจากตับ
- ใช้คลิปหนีบห้ามเลือดแทนไหมเย็บแผล และตัดขั้วถุงน้ำดีแล้วเลาะส่วนที่เหลือให้หลุดออก
- ศัลยแพทย์นำถุงน้ำดีออกมา
- ศัลยแพทย์เย็บปิดแผล
- ในบางรายถ้ามีการอักเสบมาก อาจต้องมีการใส่ท่อระบายไว้ 2-3 วัน
ขั้นตอนการผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีผ่านกล้อง
- วิสัญญีแพทย์จะให้ยาสลบและดูแลเรื่องการระงับปวด
- เมื่อยาสลบออกฤทธิ์ ศัลยแพทย์เจาะรูเล็กๆ บริเวณหน้าท้อง 4 แห่ง ด้วยเครื่องมือที่ออกแบบเฉพาะ ขนาดของรูประมาณ 0.5 ซม. 3 ตำแหน่ง และขนาด 1 ซม. ที่สะดือ 1 ตำแหน่ง
- ศัลยแพทย์ใส่กล้องที่มีก้านยาวและเครื่องมือผ่านรูที่ผนังหน้าท้องลงไป ศัลยแพทย์มองถุงน้ำดีและอวัยวะต่างๆ ผ่านจอโทรทัศน์ซึ่งกล้องส่งสัญญาณภาพมา
- ศัลยแพทย์เลาะแยกถุงน้ำดีออกจากตับ ใช้คลิปหนีบห้ามเลือดแทนไหมเย็บแผล และตัดขั้วถุงน้ำดีแล้วเลาะส่วนที่เหลือให้หลุดออก
- เมื่อตัดถุงน้ำดีได้แล้ว บรรจุใส่ถุงที่ออกแบบมาโดยเฉพาะแล้วดึงออกจากร่างกายบริเวณรูสะดือ
- ศัลยแพทย์จะสำรวจความเรียบร้อยเป็นขั้นตอนสุดท้าย ก่อนดึงเครื่องมือและกล้องออกแล้วเย็บปิดแผล
- ในบางรายถ้ามีการอักเสบมาก อาจต้องมีการใส่ท่อระบายไว้ 2-3 วัน
การดูแลตัวเองหลังผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี
หลังผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีแล้ว เจ้าหน้าที่จะย้ายผู้รับบริการไปสังเกตอาการที่ห้องพักฟื้นของโรงพยาบาลก่อน หลังจากนั้นจึงค่อยพิจารณาจากอาการก่อนให้กลับไปดูแลตัวเองต่อที่บ้าน ซึ่งการดูแลตัวเองทั้งที่โรงพยาบาลและที่บ้านอาจมีความแตกต่างกันเล็กน้อย ดังต่อไปนี้
การดูแลตัวเองหลังย้ายไปห้องพักฟื้น
โดยปกติการพักฟื้นที่โรงพยาบาลจะมีแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำอยู่แล้ว ซึ่งคำแนะนำที่อาจพบ มีดังต่อไปนี้
- ควรหายใจเข้าลึกๆ แล้วกั้นไว้ 5-10 ครั้ง ทุกๆ ชั่วโมง และไอให้เสมหะออกมา เพื่อป้องกันภาวะปอดอักเสบหลังผ่าตัด
- ควรเคลื่อนไหว พลิกตะแคงตัว ลุกนั่ง และเดิน ตามลำดับ เพื่อช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ป้องกันท้องอืด และเพื่อป้องกันภาวะพังผืดที่ลำไส้
- ควรลุกขึ้นเดิน 5-6 ครั้งต่อวันหลังผ่าตัด โดยใช้มือหรือหมอนพยุงบริเวณที่ทำการผ่าตัดเพื่อบรรเทาอาการปวดขณะเดิน
- ใช้มือหรือหมอนประคองแผลเวลาไอจาม เพื่อลดการกระเทือนที่จะส่งผลให้ปวดแผล
- สังเกตแผลผ่าตัด ถ้าพบเลือดซึมมาก แผลบวมแดง หรืออักเสบ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที
- หากมีอาการเจ็บปวด ควรแจ้งแพทย์และพยาบาลทราบทันที เพื่อรับยาระงับปวด
- ถ้าผ่าตัดผ่านกล้อง (Laparoscopy) จะมีแก๊สแทรกในช่องท้อง ผู้เข้ารับการผ่าตัดอาจรู้สึกเหมือนมีลมบางส่วนอยู่ใต้ผิวหนัง ซึ่งดันกระบังลม ทำให้บางครั้งรู้สึกปวดที่ไหล่ แต่อาการจะหายได้เองใน 1-2 วัน โดยการเคลื่อนไหวและการเดินช่วยลดอาการปวดที่ไหล่ได้
- ควรงดรับประทานอาหาร 4-6 ชั่วโมง หรือรับประทานอาหารเหลวได้ทันทีวันรุ่งขึ้น
- ระมัดระวังไม่ให้แผลเปียกน้ำ
การดูแลตัวเองเมื่อกลับไปพักฟื้นที่บ้าน
- รับประทานอาหารที่มีกากใยสูง และดื่มน้ำ 8-10 แก้วต่อวัน เพื่อป้องกันอาการท้องผูก ไม่ควรเบ่งขณะขับถ่าย
- หลีกเลี่ยงอาหารจำพวกไขมันจากเนื้อสัตว์ที่ทำให้ท้องอืด แน่นท้อง ย่อยยาก
- แบ่งรับประทานอาหารเป็นวันละ 4-6 มื้อเล็กๆ และหลีกเลี่ยงอาหารมื้อดึก เพื่อช่วยให้ระบบการย่อยง่ายขึ้น ลดการเกิดอาหารท้องอืด
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ และน้ำอัดลม
- ค่อยๆ เพิ่มกิจกรรม ลุกขึ้นและเดินอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการก่อตัวของลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำที่ขา
- ห้ามยกของหนักเกิน 6 กิโลกรัม หรือหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายอย่างหนัก เป็นเวลาอย่างน้อย 4-6 สัปดาห์
- รักษาบาดแผลให้สะอาดและปฏิบัติตามคำแนะนำของศัลยแพทย์ว่าควรเปลี่ยนผ้าพันแผลเมื่อใด
- แผลอาจซึมเล็กน้อยเป็นเรื่องปกติ หากแผลเปียกชุ่มให้ติดต่อศัลยแพทย์
- หลีกเลี่ยงการสวมเสื้อผ้าคับหรือหยาบ เพราะอาจเสียดสีบริเวณแผลและทำให้แผลหายยากขึ้น
- งดการสูบบุหรี่
อาการหลังผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี
หลายคนกังวลว่าเมื่อผ่าตัดถุงน้ำดีออกไปแล้ว อาการหลังผ่าตัดจะเป็นอย่างไร ซึ่งไม่ต้องกังวลเพราะผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดสามารถดำเนินชีวิตอย่างปกติได้โดยไม่มีถุงน้ำดี เพราะตับจะสร้างน้ำดีอย่างเพียงพอที่จะย่อยอาหาร แต่แทนที่จะเก็บไว้ในถุงน้ำดี น้ำดีที่มาจากตับจะค่อยๆ ไหลเข้าสู่ลำไส้อย่างต่อเนื่องมากขึ้น ซึ่งจะมีผลคล้ายยาระบาย
ปริมาณไขมันที่กินต่อมื้อจึงมีผลต่อการย่อย ถ้าปริมาณไขมันน้อยก็จะย่อยได้ง่ายกว่า ในขณะที่ปริมาณไขมันมากอาจย่อยได้ยากหรือย่อยได้ไม่หมด ทำให้เกิดแก๊ส ท้องอืด และท้องร่วง โดยเฉพาะช่วงเดือนแรกๆ หลังการผ่าตัด จึงควรพยายามรับประทานอาหารที่เหมาะสมตามคำแนะนำของแพทย์ และเมื่อระยะเวลาผ่านไป ร่างกายอาจมีการปรับตัว เช่น ท่อทางเดินน้ำดีมีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น น้ำดีก็อาจจะมาค้างที่ท่อทางเดินน้ำดีมากขึ้น ก็จะทำให้ระบบการย่อยอาหารกลับมาเหมือนหรือคล้ายๆ กับปกติได้
ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี
หากปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด รักษาความสะอาดเป็นอย่างดี โอกาสที่จะเกิดอาการแทรกซ้อนรุนแรงก็จะลดน้อยลง แต่อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีเองก็มีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้เช่นเดียวกับการผ่าตัดประเภทอื่น โดยความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากปัจจัยต่างๆ มีดังต่อไปนี้
- การผ่าตัดแบบเปิดแผลหน้าท้อง อาจเกิดภาวะเลือดออกขณะผ่าตัด หรือตกเลือดในช่องท้อง
- เกิดการบาดเจ็บต่ออวัยวะอื่นในช่องท้อง เช่น ท่อน้ำดีใหญ่ หรือลำไส้
- ผ่าตัดถูกท่อน้ำดีใหญ่ ทำให้น้ำดีรั่ว ช่องท้องอักเสบ ท่อน้ำดีใหญ่อุดตันมีอาการดีซ่าน
- ในการผ่าตัดแบบส่องกล้อง อาจเจาะถูกอวัยวะข้างเคียง โดยเฉพาะผู้ที่เคยผ่าตัดช่องท้องมาก่อน ทำให้ตำแหน่งของอวัยวะมองไม่ชัดเจนจากภายนอก
- อาจเกิดการติดเชื้อที่แผลผ่าตัดได้เหมือนการผ่าตัดทั่วไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ภาวะอักเสบและความรุนแรงของโรค โรคประจำตัว ยาที่รับประทาน และสุขภาพผู้ป่วย
- ภาวะแทรกซ้อนจากยาสลบ เช่น อาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียน ระคายเคือง หรือเจ็บในคอจากการใส่ท่อช่วยหายใจ
- ภาวะปอดบวม เนื่องจากผู้ป่วยหายใจไม่เต็มที่หรือไม่สามารถไอเอาเสมหะออกจากทางเดินหายใจได้
- ภาวะเส้นเลือดดำที่ขาเกิดอุดตัน เพราะไม่มีการลุกเดิน
- อาจเกิดน้ำดีซึมออกจากท่อทางเดินน้ำดีขนาดเล็กที่ผิวของตับ
- อาจเกิดภาวะไส้เลื่อนบริเวณแผลผ่าตัด ที่เกิดขึ้นภายหลังการผ่าตัด
- ภาวะอักเสบในช่องท้อง หรือการอักเสบเป็นฝีในตับ
อาการผิดปกติหลังผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีที่ควรปรึกษาแพทย์ทันที
หากมีอาการดังต่อไปนี้หลังจากผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี ควรปรึกษาแพทย์ทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อหรือความผิดปกติอื่นๆ ได้
- ปวดท้องรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
- คลื่นไส้หรืออาเจียนรุนแรง
- ตัวเหลือง ตาเหลือง
- ไม่ถ่ายอุจจาระหลังผายลมนานเกิน 3 วันหลังการผ่าตัด
- อาการท้องร่วงที่กินเวลานานกว่า 3 วันหลังการผ่าตัด
- มีไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส
ไม่ผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีได้ไหม?
เมื่อตรวจพบนิ่วในถุงน้ำดี ในบางกรณีแพทย์อาจไม่วินิจฉัยให้ผ่าตัด เช่น ผู้ที่มีร่างกายแข็งแรงหรืออายุยังน้อย แต่ตรวจพบนิ่วถุงน้ำดีที่ไม่มีอาการ หรืออาการของโรคที่ไม่รบกวนการใช้ชีวิตมากและไม่มีข้อบ่งชี้ว่าจะต้องผ่าตัด
โดยแพทย์จะนัดติดตามอาการอย่างสม่ำเสมอ แต่หากเป็นผู้ที่มีความจำเป็นต้องผ่าตัด เช่น มีอาการปวดจุก แน่นท้อง ท้องอืด ปวดท้องรุนแรง ตัวและตามีสีเหลือง มีไข้ แพทย์อาจวินิจฉัยให้ผ่าตัดเพื่อความปลอดภัยและป้องกันการอักเสบที่รุนแรงมากขึ้น
นิ่วในถุงน้ำดี หากปล่อยไว้นานอาจสร้างความเจ็บปวดให้แก่ร่างกายได้ จึงต้องหมั่นดูแลรักษาสุขภาพ และตรวจสุขภาพอย่างละเอียดเป็นประจำ จะช่วยให้ตรวจเจอความผิดปกติของร่างกายได้ก่อนแสดงอาการ ลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ และวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม