ตัดไขมันกระพุ้งแก้ม อีกวิธีปรับโครงหน้าด้วยการลดไขมัน

การมีเนื้อแก้มเยอะ แก้มกลม หรือแก้มป่องนั้น อาจไม่ใช่โครงหน้าที่ดูน่ารักสำหรับทุกคน หลายคนจึงต้องการลดโครงสร้างใบหน้าส่วนนี้ให้น้อยลง เพื่อเปลี่ยนขนาดของกรอบหน้าให้ดูยาวเรียวขึ้น

“การลดไขมันกระพุ้งแก้ม” จัดเป็นการทำหัตถการที่ช่วยแก้ปัญหาขนาดหรือปริมาณเนื้อแก้มที่มีมากเกินไปโดยเฉพาะ แต่ต้องดำเนินการผ่านขั้นตอนที่ปลอดภัยและมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้รักษาเท่านั้น มิฉะนั้นโครงหน้าหลังรับบริการอาจดูไม่สมดุล และอาจเกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายหลังลดไขมันเสร็จแล้วได้

ในบทความนี้ HDmall.co.th จะมาอธิบายเกี่ยวกับข้อมูลต่างๆ ที่ผู้เข้ารับบริการหรือผู้ที่สนใจทุกท่านควรทราบเกี่ยวกับการลดไขมันกระพุ้งแก้มผ่านวิธีการ “ตัดไขมันที่กระพุ้งแก้ม” เพื่อเป็นข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจ และเพื่อให้สามารถดูแลตนเองได้อย่างเหมาะสมหลังจากตัดสินใจรับบริการ

สารบัญ

ไขมันที่กระพุ้งแก้มคืออะไร?

ไขมันที่กระพุ้งแก้ม (Buccal Fat Pad) คือ ไขมันที่อยู่ใต้กล้ามเนื้อบริเวณแก้มทั้ง 2 ข้างของใบหน้า ชิดกับผิวเหงือกส่วนกระพุ้งแก้มด้านใน จัดเป็นกระเปาะไขมันที่มีอยู่แล้วแต่กำเนิด

ไขมันที่กระพุ้งแก้มจะแบ่งออกได้ 2 ส่วนหลักๆ ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้แก้มของเราดูป่องหรือเป็นทรงกลม และมีสัมผัสนิ่ม ได้แก่

  1. ไขมันกระพุ้งแก้ม เป็นไขมันที่มีติดตัวมาตั้งแต่กำเนิดและอยู่ติดกับชั้นกล้ามเนื้อตามนิยามที่ได้กล่าวไปด้านบน ซึ่งแต่ละคนก็จะมีปริมาณไขมันกระพุ้งแก้มไม่เท่ากัน ตามแต่ขนาดและโครงสร้างร่างกายโดยพื้นฐานที่ไม่เหมือนกัน ตัวอย่างสามารถสังเกตเห็นได้จากคนที่มีรูปร่างผอมหรือสมส่วน แต่ก็ยังมีโครงหน้ากลมหรือมีแก้มเยอะอยู่
  2. ไขมันใต้ผิว เป็นชั้นไขมันส่วนเกินที่กระพุ้งแก้มซึ่งไม่ต่างจากไขมันส่วนเกินที่แขน หน้าท้อง หรือต้นขา เป็นไขมันที่เกิดจากการสะสมของไขมันไม่ดีซึ่งมักได้รับผ่านการรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสม เช่น อาหารทอด อาหารมัน ขนมหวาน อาหารที่มีน้ำตาลสูง ดังนั้นคุณจะเห็นได้ว่า ผู้ที่มีรูปร่างอ้วนหรือน้ำหนักเกินเกณฑ์ส่วนมากมักมีโครงหน้าที่กลม มีเนื้อแก้มเยอะ ซึ่งเป็นผลมาจากร่างกายสะสมไขมันส่วนเกินไว้มากโดยไม่ได้เผาผลาญออก รวมถึงส่วนบริเวณกระพุ้งแก้มด้วย

ไขมันที่กระพุ้งแก้ม เกิดจากอะไร?

จากที่กล่าวไปข้างต้น คนเราจะมีไขมันที่กระพุ้งแก้มในปริมาณที่ไม่เท่ากันและอาจเพิ่มขึ้นได้ โดยขึ้นอยู่กับปัจจัยต่อไปนี้

  • โครงสร้างกระดูกและสัดส่วนไขมันกระพุ้งแก้มโดยพื้นฐานที่แตกต่างกันไป
  • พฤติกรรมการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงไม่ออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญไขมันออก ซึ่งจะยิ่งทำให้ส่วนของชั้นไขมันใต้ผิวบริเวณกระพุ้งแก้มเพิ่มมากขึ้น และทำให้ใบหน้าดูใหญ่ มีแก้มนูนขึ้นกว่าเดิม
  • อายุที่มากขึ้นจนผิวเริ่มเสื่อมสภาพ และเริ่มทำให้ผิวแก้มหย่อนคล้อย จนตกหรือห้อยเป็นก้อน

การลดไขมันที่กระพุ้งแก้มคืออะไร?

การลดไขมันที่กระพุ้งแก้ม (Buccal Fat Pad Removal) คือ การกำจัดไขมันที่กระพุ้งแก้มให้ลดน้อยลงเพื่อแก้ปัญหาโครงสร้างใบหน้าที่ดูกลม ไม่สมส่วน หรือไม่ดูสวยงามอย่างที่ผู้เข้ารับบริการต้องการ โดยเป็นผลมาจากเนื้อแก้มที่เยอะเป็นหลัก

การลดไขมันที่กระพุ้งแก้มมีกี่วิธี

วิธีลดไขมันที่กระพุ้งแก้มนั้นมีอยู่หลักๆ 4 วิธี ดังนี้

  1. การคุมอาหารและออกกำลังกาย
  2. การดูดไขมันบริเวณกระพุ้งแก้ม
  3. การฉีดยาหรือสารสลายไขมัน เช่น เมโสแฟต (Meso Fat)
  4. การผ่าตัดเพื่อตัดไขมันที่กระพุ้งแก้มออก

สำหรับวิธีลดไขมันกระพุ้งแก้มซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในตอนนี้ก็คือ การผ่าตัดเพื่อตัดไขมันที่กระพุ้งแก้ม หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า “การตัดไขมันที่กระพุ้งแก้ม” เพราะเป็นวิธีลดไขมันที่กระพุ้งแก้มซึ่งเห็นผลการรักษาที่ค่อนข้างเร็ว และชัดเจน

การตัดไขมันกระพุ้งแก้ม

จุดเด่นของการตัดไขมันกระพุ้งแก้ม

สาเหตุที่ทำให้การผ่าตัดเป็นวิธีลดไขมันที่กระพุ้งแก้มที่ได้รับความนิยม มีดังต่อไปนี้

  • เห็นผลเร็ว เห็นขนาดแก้มที่ลดลงและโครงสร้างใบหน้าที่เปลี่ยนไปภายในไม่กี่เดือน หรืออาจเห็นผลได้ทันทีหลังผ่าตัด
  • เห็นผลชัด เมื่อเทียบกับวิธีออกกำลังกายและคุมอาหารที่อาจไม่ทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงชัดมาก โดยเฉพาะในผู้ที่มีไขมันที่กระพุ้งแก้มเยอะตามพันธุกรรมหรือโครงสร้างใบหน้าอยู่แล้ว
  • เป็นการตัดไขมันออกอย่างถาวร เพราะเป็นการผ่าตัดนำไขมันที่อยู่ในชั้นไขมันกระพุ้งแก้มออก ไม่ใช่ชั้นไขมันส่วนเกินใต้ผิว ซึ่งจะไม่กลับมาเกิดซ้ำหรือเกิดใหม่ได้น้อยมาก
  • ไม่ต้องกลับมาทำซ้ำบ่อยๆ ต่างจากวิธีดูดไขมันหรือฉีดสารสลายไขมันที่มักต้องกลับมาทำซ้ำอีกทุกๆ 1-3 เดือน
  • ไม่ใช่การผ่าตัดใหญ่และแผลผ่าตัดเล็ก ส่วนมากมีขนาดไม่ถึง 3 เซนติเมตร ทำให้ไม่ต้องเตรียมตัวก่อนผ่าตัดมากเป็นพิเศษ และไม่ต้องพักฟื้นนาน

จุดด้อยของการตัดไขมันที่กระพุ้งแก้ม

แม้จะเป็นการผ่าตัดเล็ก แต่การตัดไขมันกระพุ้งแก้มก็ยังเป็นการผ่าตัดที่มีจุดด้อยหรือข้อควรพิจารณาร่วมด้วย ดังนี้

  • อาจมีความเสี่ยงในผู้ที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น โรคเกี่ยวกับระบบไหลเวียนเลือด ผู้ที่มีภาวะเลือดออกง่าย ผู้ที่กำลังใช้ยาละลายลิ่มเลือด หรือยาที่เกี่ยวข้องกับการแข็งตัวของเลือดทุกชนิด ผู้ป่วยโรคเกี่ยวกับระบบประสาท ผู้ที่มีภาวะผิวหนังอักเสบหรือโรคผิวหนังที่ยังรักษาไม่หาย ผู้ป่วยโรคเบาหวานหรือโรคเกี่ยวกับระบบประสาท ผู้ที่มีประวัติแพ้ยาสลบและยาชา
  • อาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่กลัวการผ่าตัดมาก การตัดไขมันกระพุ้งแก้มอาจสร้างความกลัวให้กับผู้ที่กลัวเข็ม กลัวมีด หรือกลัวการผ่าตัดมากๆ ผู้เข้ารับบริการกลุ่มนี้อาจต้องเปลี่ยนไปใช้วิธีลดไขมันที่กระพุ้งแก้มด้วยวิธีอื่นแทน
  • ไขมันอาจกลับมาหากกินอาหารไขมันสูง ถึงแม้จะผ่าตัดเพื่อกำจัดไขมันที่กระพุ้งแก้มออกไปแล้ว แต่หากผู้เข้ารับบริการยังรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงอยู่บ่อยๆ ไม่รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์พอดี ไม่ออกกำลังกายเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายเผาผลาญไขมันส่วนเกินออก ก็มีโอกาสที่ชั้นไขมันส่วนเกินที่กระพุ้งแก้มจะกลับมาสะสมเยอะมากขึ้น และทำให้เนื้อแก้มกลับมาเยอะอีกครั้ง

ดังนั้นการผ่าตัดนี้จึงอาจไม่สามารถทำได้กับผู้เข้ารับบริการทุกคน ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์ ประกอบกับพฤติกรรมของผู้ใช้บริการด้วย

ใครเหมาะกับการตัดไขมันกระพุ้งแก้ม

หากคุณมีปัญหาเกี่ยวกับโครงสร้างใบหน้าตามข้อดังต่อไปนี้ การตัดไขมันกระพุ้งแก้มอาจเป็นการทำหัตถการที่ตอบโจทย์ปัญหาด้านความงามของคุณ

  • ผู้ที่มีปัญหาแก้มเยอะหรือแก้มป่อง
  • ผู้ที่มีปัญหาแก้มย้วยหรือห้อย
  • ผู้ที่แก้มทั้ง 2 ข้างมีขนาดไม่สมส่วนกัน
  • ผู้ที่ลดน้ำหนักจนตัวผอมเล็กลงหรือมีรูปร่างผอมอยู่แล้ว แต่มีขนาดแก้มที่ใหญ่จนไม่สมดุลกับสัดส่วน

การเตรียมตัวก่อนตัดไขมันกระพุ้งแก้ม

ก่อนเข้ารับบริการตัดไขมันที่กระพุ้งแก้ม ผู้เข้ารับบริการจะต้องงดกิจวัตรประจำวันบางอย่าง และให้ความร่วมมือกับแพทย์เพื่อเตรียมความพร้อมร่างกายก่อนรับการผ่าตัด ซึ่งมีดังต่อไปนี้

  • งดสูบบุหรี่และงดบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ทุกชนิดอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อนวันผ่าตัด
  • งดใช้ยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบ ยากลุ่มแอสไพริน (Aspirin) ยากลุ่มไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) อย่างน้อย 2 สัปดาห์
  • สอบถามแพทย์เกี่ยวกับการงดยาบำรุง สมุนไพรบำรุงร่างกาย อาหารเสริม วิตามินเสริมต่างๆ
  • แจ้งโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยาต่างๆ ให้แพทย์ทราบอย่างครบถ้วนก่อนวันผ่าตัด
  • งดแต่งหน้าหรือทาครีมบำรุงผิวใดๆ มาในวันผ่าตัด
  • พาญาติหรือคนสนิทมาในวันผ่าตัดด้วย เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกและพากลับบ้าน เพราะถึงแม้จะเป็นการผ่าตัดเล็ก แต่ผู้เข้ารับบริการอาจรู้สึกไม่สบายตัวหรือเจ็บแผลหลังผ่าตัดได้ จนอาจเป็นอุปสรรคต่อการเดินทางกลับไปพักผ่อนเอง

ตัดไขมันกระพุ้งแก้มใช้เวลานานแค่ไหน?

การตัดไขมันที่กระพุ้งแก้มในปัจจุบันจะใช้เวลาอยู่ที่ประมาณ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น

การตัดไขมันกระพุ้งแก้มมีขั้นตอนอย่างไร?

ขั้นตอนการผ่าตัดนั้นอาจแตกต่างกันไปตามสถานพยาบาลแต่ละแห่ง ซึ่งโดยหลักๆ จะมีขั้นตอนการทำหัตถการดังต่อไปนี้

  1. ผู้เข้ารับบริการอมน้ำยาฆ่าเชื้อเพื่อทำความสะอาดช่องปาก
  2. แพทย์เริ่มฉีดยาชาให้กับผู้เข้ารับบริการ
  3. แพทย์ใช้มีดผ่าตัดหรือกล้องผ่าตัดขนาดเล็กเปิดผิวที่กระพุ้งแก้มด้านใน โดยเปิดลงลึกผ่านชั้นกล้ามเนื้อลงไปยังชั้นไขมันกระพุ้งแก้ม
  4. แพทย์ตัดไขมันบางส่วนของไขมันกระพุ้งแก้มออก เพื่อลดปริมาณชั้นไขมันกระพุ้งแก้มให้น้อยลง
  5. แพทย์เย็บปิดแผล ส่วนมากมักใช้ไหมละลายที่ไม่ต้องกลับมาตัดไหมกับแพทย์ซ้ำอีก
ขั้นตอนการตัดไขมันกระพุ้งแก้ม

การดูแลตนเองหลังตัดไขมันกระพุ้งแก้ม

เพื่อสุขอนามัยของแผลที่สะอาดและไม่ทำให้เกิดอาการแทรกซ้อน ผู้เข้ารับบริการควรปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์ดังต่อไปนี้

  • รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งจ่ายให้อย่างเคร่งครัด
  • ทำความสะอาดช่องปากด้วยแปรงสีฟันและน้ำยาบ้วนปากทุกครั้ง
  • หากมีอาการปวดแผล ให้ประคบเย็นหรืออมน้ำแข็งสะอาดในช่วง 2-3 วันแรก และตามด้วยการประคบอุ่นที่แผลหลังจากนั้น
  • งดอาหารร้อน อาหารเผ็ด อาหารรสจัด และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วง 1 สัปดาห์แรกหลังผ่าตัด
  • งดออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมที่ใช้แรงเยอะประมาณ 1-2 สัปดาห์
  • มาพบแพทย์ตามนัด เพื่อตรวจความเรียบร้อยของแผลทุกครั้ง

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังตัดไขมันกระพุ้งแก้ม

ถึงแม้การผ่าตัดในปัจจุบันจะสร้างผลข้างเคียงได้ค่อนข้างน้อย แต่บางอาการข้างเคียงหลังผ่าตัดก็อาจยังเกิดขึ้นได้ในผู้เข้ารับบริการบางท่าน เช่น ปวดหรือเจ็บระบมแผล แผลบวม แผลช้ำ ซึ่งอาการเหล่านี้มักเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้และมักจะดีขึ้นภายใน 2-3 วันหลังรับบริการ

อย่างไรก็ตาม หากผู้เข้ารับบริการมีอาการดังต่อไปนี้ ซึ่งจัดเป็นอาการที่เสี่ยงอันตรายและอาจเป็นสัญญาณของภาวะแทรกซ้อนบางอย่าง ให้รีบกลับมาพบแพทย์ทันที

  • เลือดออกที่แผลไม่หยุด
  • รู้สึกเจ็บแผลมากจนทนไม่ไหว
  • คลื่นไส้อาเจียน
  • เวียนศีรษะ
  • เหงื่อออกมากผิดปกติ
  • หายใจไม่ออก
  • บริเวณแผลผ่าตัดมีกลิ่นเหม็น หรือมีน้ำหนองไหลออกมา

หลังผ่าตัดไขมันกระพุ้งแก้มแล้วเห็นผลเลยหรือไม่?

หลังจากอาการบวมที่แผลลดลงและแผลสมานตัวเข้ากับเนื้อเยื่อเดิมภายในกระพุ้งแก้มแล้ว ผู้เข้ารับบริการจะสามารถสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของโครงหน้าที่เนื้อแก้มน้อยลงได้ ภายใน 1- 6 เดือนหลังผ่าตัด

ตัดไขมันกระพุ้งแก้มแล้วทำให้เป็นหน้า V Line ด้วยหรือไม่?

ในส่วนของใบหน้าแบบ V Line หรือโครงหน้าเรียวเป็นรูปตัววีซึ่งเป็นที่นิยมสำหรับหลายคนในขณะนี้นั้น การตัดไขมันกระพุ้งแก้มมีส่วนช่วยทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้นได้

แต่ทั้งนี้จะเป็น V Line อย่างชัดเจนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับโครงกระดูกและโครงสร้างใบหน้าโดยพื้นฐานของผู้เข้ารับบริการแต่ละท่านด้วย ซึ่งอาจต้องมีการทำหัตถการอื่นๆ เพิ่มเติมเพื่อเสริมให้ใบหน้าดูเรียวขึ้นอีก เช่น

  • ฉีดเมโสแฟต (Meso Fat)
  • ฉีดโบท็อกซ์หรือการฉีดสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ” (Botulinum toxin A)
  • ทำไฮฟู่ (High Intensity Focus Ultrasound: HIFU) หรือทำเทอร์มาจ (Thermage)
  • การร้อยไหมเพื่อกระชับกรอบหน้า
  • การทำศัลยกรรมปรับโครงหน้าส่วนอื่นๆ เพิ่มเติม

ตัดไขมันกระพุ้งแก้มไปแล้ว ถ้าน้ำหนักขึ้นอีก เนื้อแก้มจะกลับมาเยอะและป่องอีกหรือไม่?

ถึงแม้จะผ่าตัดไปแล้ว แต่ทุกคนก็ยังมีโอกาสกลับมาเนื้อแก้มเยอะได้อีก แต่จะเกิดจากชั้นไขมันส่วนเกินใต้ผิวที่มากขึ้นซึ่งคนละส่วนกับชั้นไขมันกระพุ้งแก้มที่ผ่าตัดเอาออกไป โดยมักเกิดจากการรับประทานอาหารไม่เหมาะสมและไม่ออกกำลังกายเป็นสาเหตุหลัก

ดังนั้นเพื่อให้ผลลัพธ์ของโครงใบหน้าที่จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างยืนยาว ผู้เข้ารับบริการจึงต้องมีพฤติกรรมการดูแลตนเองอย่างเหมาะสมควบคู่ไปด้วยกัน ซึ่งได้แก่

  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานที่มีไขมันและน้ำตาลสูง
  • ออกกำลังกายเป็นประจำอย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์อย่างสม่ำเสมอ

เพียงเท่านี้ โอกาสที่ปริมาณไขมันที่กระพุ้งแก้มจะกลับมาเยอะอีกครั้งก็จะน้อยลง ส่งผลให้คุณมีรูปหน้าที่เรียวสวยงามได้ตามที่ต้องการอย่างมั่นใจ

Scroll to Top