เลเซอร์ขาหนีบ ลบรอยดำ ปัญหาที่ไม่เล็ก แม้อยู่ในที่ลับ

ปัจจุบันกระแสนิยมการเสริมสร้างความสวยงามในจุดลับๆ เพิ่มสูงขึ้น อย่างเช่น การเลเซอร์ขาหนีบดำ ที่สามารถทำได้ง่ายและเห็นผลลัพธ์ชัดเจน ซึ่งการขจัดปัญหาในจุดลับนี้ ไม่ใช่แค่การขจัดความกังวลใจ แต่เป็นการเรียกคืนความมั่นใจในชีวิตประจำวันให้ตัวเองได้มากกว่าที่คิด

ในบทความนี้ HDmall.co.th ได้รวบรวมข้อมูลต่างๆ ที่ควรทราบก่อนตัดสินใจเลเซอร์ขาหนีบดำ ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน โดยครอบคลุมตั้งแต่สาเหตุของขาหนีบดำ การเลเซอร์ขาหนีบดำคืออะไร ประโยชน์มีอะไรบ้าง เหมาะกับใคร และควรเตรียมตัวอย่างไรบ้าง หรือหากสนใจหัวข้อไหนเป็นพิเศษ ก็สามารถอ่านเฉพาะหัวข้อที่สนใจด้านล่างนี้ได้เลย

ขาหนีบดำเกิดจากอะไร?

ขาหนีบดำ (Black Groin) เกิดได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่

  • การเสียดสีระหว่างผิวกับกางเกงเป็นเวลานาน เช่น การสวมใส่กางเกงที่คับเกินไปและรัดแน่นแนบชิดกับเนื้อ การสวมใส่กางเกงในหรือกางเกงขาสั้นมากๆ ที่มีขอบหนามีเนื้อผ้าหยาบ เช่น กางเกงยีนส์ การเกงผ้าเนื้อหนา ส่งผลให้เนื้อผ้าเสียดสีกับผิวหนังที่บริเวณขาหนีบทั้งสองข้าง จนขาหนีบเกิดการอักเสบและเป็นรอยดำเกิดขึ้น
  • การสะสมและติดเชื้อราที่เกิดการอับชื้นของเสื้อผ้าบริเวณขาหนีบ ทำให้ผิวหนังอักเสบ มีผื่นแดง ตุ่ม ผด คันจนต้องเกา แม้จะรักษาแผลหาย แต่ผิวหนังบริเวณขาหนีบก็อาจมีรอยดำตามมา
  • น้ำหนักตัวมาก และขาใหญ่ ทำให้เวลาเคลื่อนไหว เดิน วิ่ง ลุก หรือขยับตัว ผิวหนังบริเวณขาหนีบ แนบชิด เสียดสีกันรุนแรงเป็นเวลานาน ก่อให้เซลล์ผิวหนังจับตัวกันเป็นผื่นแข็ง หรือผิวหนังลอกจนผิวด้านและดำ คล้ำ
  • เซลล์ผิวหนังที่ตาย ขัดออกไม่หมด หรือไม่มีการสครับผลัดเซลล์ผิว จนเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วสะสมกลายเป็นรอยดำ คล้ำ
  • ภาวะฮอร์โมนแปรปรวน ความเครียดในชีวิตประจำวัน หรือความแปรปรวนเพราะใช้ยาคุมกำเนิด ซึ่งเมื่อฮอร์โมนไม่สมดุลในร่างกาย จะส่งให้ผิวหนังมีเม็ดสีดำ คล้ำ มากขึ้น
  • ภาวะตั้งครรภ์ เนื่องจากการตั้งครรภ์จะมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอย่างเฉียบพลัน ทำให้ร่างกายมีการผลิตเม็ดสีเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ผิวหนังมีสีเข้มขึ้นทั่วร่างกายโดยเฉพาะส่วนที่มีการเสียดสีมาก เช่น ใต้รักแร้ ขาหนีบ ต้นคอ เป็นต้น ซึ่งบางรายแม้จะคลอดบุตร ยังมีผิวบริเวณ เช่น หัวนม ริมฝีปาก ขาหนีบ ก็ยังมีสีเข้มดำคล้ำ
  • การรับประทานยาหรืออาหารเสริมบางชนิด เช่น ยาคุมกำเนิด ยารักษาไทรอยด์ โกรทฮอร์โมน ซึ่งมีผลข้างเคียงต่อเม็ดสีในร่างกาย
  • โรคบางชนิด เช่น โรคเบาหวาน ที่มีความผิดปกติของระดับอินซูลินในร่างกายทำให้เกิดผิวคล้ำในบริเวณต่างๆ หรือโรคผิวหนังช้าง คือโรคที่ผิวหนังหยาบหนากว่าบริเวณอื่นคล้ายผิวช้าง ซึ่งก่อให้ผิวหนังมีสีคล้ำดำได้ด้วย
  • การแพ้สารเคมีบางชนิด เช่น การใช้โรลออน ครีมทาผิวบางบริเวณจักแร้หรือขาหนีบ เกิดผื่นแดงขึ้น ทำให้ผิวหนาและคล้ำได้

เลเซอร์ขาหนีบคืออะไร?

การเลเซอร์ขาหนีบ (Groin Laser) เป็นการยิงแสงที่ให้ความร้อนด้วยเครื่องเลเซอร์เข้าไปบริเวณขาหนีบหรือง่ามขา เพื่อแก้ไขปัญหาขาหนีบดำ ซึ่งแม้ขณะยิงเลเซอร์เข้าสู่ชั้นผิวหนัง จะรู้สึกแปลบๆ แต่หลังทำจะมีรอยแดงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

การเลเซอร์ขาหนีบนับเป็นวิธีที่มีความปลอดภัยสูง มีความอ่อนโยนต่อผิว สามารถช่วยระงับและลดการสร้างเซลล์เม็ดสีเมลานินที่เป็นต้นเหตุของผิวคล้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินในชั้นผิว จึงทำให้ผิวขาวกระจ่างใสขึ้น โดยผลลัพธ์ที่ได้จะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสีผิวของผู้ทำเลเซอร์ และคุณภาพของเครื่องเลเซอร์ที่ใช้

ประโยชน์ของการเลเซอร์ขาหนีบ

  • ลดและระงับการสร้างเม็ดสีเมลานิน ต้นเหตุของรอยดำคล้ำบริเวณขาหนีบ
  • ลดความหยาบกร้าน ตุ่มแข็งบริเวณขาหนีบ ทำให้ผิวนุ่มขึ้น
  • ลดรอยด่างดำ และรอยแผลอักเสบ จากการเสียดสีของผิวหนัง
  • ปรับผิวบริเวณขาหนีบให้เรียบเนียน สม่ำเสมอ และกระจ่างใสขึ้น

ใครเหมาะกับเลเซอร์ขาหนีบ

แม้ขาหนีบดำอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน หรือปัญหาสุขภาพบางอย่างได้ แต่โดยปกติแล้วผู้ที่เหมาะกับการเลเซอร์ขาหนีบมักมีปัจจัยหลักคือเรื่องของการเสียความมั่นใจ ร่วมกับปัจจัยอื่นๆ ดังนี้

  • คนที่มีขาหนีบดำคล้ำจากการเสียดสีหรือพันธุกรรม
  • คนที่มีผิวบริเวณขาหนีบหยาบกร้าน
  • คนที่ต้องการให้ขาหนีบกระจ่างใส เรียบเนียน สม่ำเสมอขึ้น เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเองในการแต่งกายที่ต้องเผยให้เห็นบริเวณขาหนีบ เช่น การสวมใส่ชุดว่ายน้ำ

การเตรียมตัวก่อนเลเซอร์ขาหนีบ

การเลเซอร์ขาหนีบ มีการเตรียมตัวเช่นเดียวกับการเลเซอร์ผิวหนังทั่วไป โดยในช่วง 1 สัปดาห์ก่อนการทำเลเซอร์ ควรปฏิบัติตัว ดังนี้

  • หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งที่ต้องตากแดดเป็นเวลานาน
  • งดการสครับ ขัดถูบริเวณขาหนีบด้วยครีม หรือสารที่มีส่วนผสมเพิ่มความขาว เช่น AHA วิตามิน A หรืองดใช้สารเคมีที่ก่อให้เกิดผื่น ตุ่น อันอาจเกิดเพราะแพ้สารเคมี เป็นต้น
  • งดทำเลเซอร์ ช่วงมีประจำเดือนเพราะเป็นช่วงที่ผิวอ่อนแอ อาจทำให้เกิดการแพ้และระคายเคืองได้ง่าย ซึ่งควรทำเลเซอร์หลังประจำเดือนหมดประมาณ 5-7 วัน

ขั้นตอนการเลเซอร์ขาหนีบ

แม้แต่ละสถานพยาบาลหรือคลินิกอาจมีขั้นตอนแตกต่างกันออกไปเล็กน้อย แต่โดยทั่วไปการเลเซอร์ขาหนีบมักมีขั้นตอนหลักๆ ดังนี้

  1. แพทย์ตรวจสภาพผิว และเลือกแบบเลเซอร์ที่เหมาะกับปัญหาของแต่ละคน
  2. ทำความสะอาดผิวบริเวณขาหนีบด้วยแอลกอฮอล์
  3. ทาเจลให้ความเย็นก่อนยิงแสงเลเซอร์
  4. ยิงแสงเลเซอร์โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 20-30 นาที
  5. แพทย์แนะนำการดูแลตัวเอง และนัดครั้งต่อไป เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ
  6. กลับบ้านได้โดยไม่ต้องพักฟื้น

การดูแลตัวเองหลังเลเซอร์ขาหนีบ

ภายหลังเลเซอร์ขาหนีบ ควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อสังเกตอาการ หากไม่พบความผิดปกติ แพทย์อาจจ่ายยาปฏิชีวนะ ยาแก้อักเสบ และยาแก้ปวด เพื่อช่วยลดอาการปวดบริเวณแผล จากนั้นสามารถกลับบ้านได้ โดยมีวิธีดูแลตัวเองที่บ้าน ดังนี้

  • งดโดนแสงแดดแรงใน 24 ชั่วโมงแรก จากนั้นหลีกเลี่ยงแสงแดดและการซาวน่าที่ใช้ความร้อน 1-2 สัปดาห์ เพราะแม้เป็นการเลเซอร์จุดที่อยู่ในร่มผ้า แต่ก็ทำให้ผิวหนังบางลง และอาจทำให้เกิดการแสบร้อน ถลอกและอักเสบตามมาได้
  • งดว่ายน้ำในสระหรือน้ำทะเลประมาณ 3 วัน เพราะสิ่งสกปรกจากน้ำอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้
  • งดใช้สบู่หรือครีมที่มีส่วนผสมของ AHA หรือกรดผลไม้ ฟอกผิว และงดสครับ ขัดผิว ประมาณ 1-2 สัปดาห์ เพราะอาจทำให้ผิวถลอกเป็นแผล หรือทำให้เกิดการระคายเคืองผิวหนังได้
  • ทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ หรือเจลว่านหางจระเข้า บริเวณขาหนีบระหว่างวันและก่อนนอน หรือใช้ประคบเย็นร่วมด้วย เพื่อลดอาการบวมแดง จนกกว่าอาการจะดีขึ้น
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และดื่มน้ำอย่างเพียงพอ เพื่อการฟื้นฟูผิวที่เร็วขึ้น
  • ปฏิบัติตัวตามที่แพทย์แนะนำ และมาทำเลเซอร์ซ้ำตามนัด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน

ผลข้างเคียงของการเลเซอร์ขาหนีบ

ส่วนมากผลข้างเคียงที่เกิดภายหลังการเลเซอร์ขาหนีบ จะเกิดรอยแดงหรือชมพูบริเวณผิวหนัง ซึ่งจะจางหายไปภายใน 1-2 ชั่วโมง หรือเกิดเป็นรอยไหม้ มีแผลผุพอง เป็นสะเก็ดได้ แต่ผลข้างเคียงนี้พบในจำนวนน้อยมาก

นอกจากนี้การเลเซอร์จะทำให้ผิวหนังบริเวณขาหนีบบางลงกว่าปกติ จึงเกิดการระคายเคืองได้ง่าย และทำให้ไวต่อสิ่งที่เข้ามากระทบ เช่น ไวต่อแสงแดด ควรดูแลปกป้องผิวเป็นพิเศษ เพื่อไม่ให้แสงแดดกระตุ้นให้เกิดรอยคล้ำขึ้นอีก รวมถึงการเลเซอร์ทำให้ผิวสูญเสียน้ำมาก เกิดอาการผิวแห้งกร้าน จึงควรบำรุงเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวมากกว่าปกติด้วย

เลเซอร์ขาหนีบมีกี่แบบ?

ปัจจุบันการเลเซอร์ขาหนีบมีการใช้เครื่องเลเซอร์หลายแบบ ซึ่งจะมีความยาวคลื่น ระยะในการยิงแสง และผลลัพธ์ออกมาแตกต่างกัน แต่ส่วนใหญ่ที่นิยมใช้ทั่วไปตามโรงพยาบาลหรือคลินิกจะมี 3 แบบด้วยกัน ดังนี้

  1. Long Pluse ND Yag Laser เป็นเครื่องเลเซอร์ที่มีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัยสูงในปัจจุบัน เพราะลำแสงมีความยาวสูง สามารถเข้าไปยับยั้งการเกิดเซลล์เม็ดสี ลดความคล้ำได้ดี และไม่ทำให้รู้สึกแสบร้อนระหว่างทำ ทั้งเป็นการยิงแสงเฉพาะจุด จึงไม่ทำให้ผิวบริเวณใกล้เคียงไหม้หรือถูกทำร้ายไป และยังช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้นด้วย
  2. Q-Switch เป็นเครื่องยิงเลเซอร์ที่เน้นการปล่อยคลื่นแสงออกมากระทบบริเวณผิวเป็นระยะเวลาสั้นๆ เพื่อทำให้เม็ดสีแตกตัวเป็นอนุภาคเล็กแล้วย่อยสลายและขับออกมา รวมถึงช่วยกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิวได้ในเวลาเดียวกัน จึงลดรอยคล้ำและเพิ่มความกระจ่างใสได้ดี
  3. Intense Pulse Light: IPL เป็นเครื่องยิงเลเซอร์ที่ให้ลำแสงที่มีความเข้มข้นตั้งแต่ 420 นาโนเมตรขึ้นไป ซึ่งจะไม่มีทำร้ายผิวหนังชั้นนอก และสามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนหลังจากทำระยะยาวและต่อเนื่อง แต่หลังทำจะแสบผิวและมีรอย ซึ่งจะหายไปเองเมื่อทามอยส์เจอร์ไรเซอร์

เลเซอร์ขาหนีบเจ็บไหม?

โดยทั่วไปการเลเซอร์ไม่ทำให้เจ็บปวด จะมีเพียงความรู้สึกแปลบๆ ระหว่างยิงแสงเท่านั้น ทั้งนี้ปัจจัยสำคัญที่จะบอกได้ว่าการเลเซอร์จะรู้สึกเจ็บปวดหรือไม่ มากน้อยแค่ไหน ก็คือเครื่องเลเซอร์ที่เลือกใช้ ซึ่งปัจจุบัน Long Pluse ND Yag เป็นเครื่องเลเซอร์ที่ช่วยลดอาการเจ็บปวดและความแสบร้อนระหว่างทำได้ดีกว่าแบบอื่น และภายหลังทำจะไม่มีรอยแผล ผิวไหม้ หรืออาการแสบร้อนตามมาด้วย

อย่างไรก็ตาม อาการเจ็บปวดหรือระคายเคืองของแต่ละคนนั้นอาจแตกต่างกันออกไป ดังนั้นหากกังวลเรื่องความเจ็บ ควรปรึกษาแพทย์ผู้ให้บริการก่อนตัดสินใจทำ

เลเซอร์ขาหนีบกี่ครั้งเห็นผล?

ผลลัพธ์จากการเลเซอร์ขาหนีบ จะสามารถเห็นความกระจ่างใสชัดเจนมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับสีผิวของแต่ละบุคคล ซึ่งโดยทั่วไปผู้ที่มีสีผิวเข้มหรือคล้ำจะเห็นผลช้ากว่าผู้ที่มีผิวขาว ดังนั้นจำนวนครั้งของการเลเซอร์จะขึ้นอยู่กับความเข้มของสีผิวที่เกิดการเสียดสีและระยะเวลาในการเกิดรอยดำเช่นกัน รวมไปถึงปัจจัยด้านพันธุกรรม และพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันด้วย

อย่างไรก็ตาม โดยปกติการเลเซอร์จะเห็นผลชัดเจนหลังจากทำต่อเนื่องประมาณ 5–6 ครั้ง และความถี่ประมาณ 3-5 สัปดาห์ต่อครั้ง โดยจะสามารถยับยั้งเซลล์เม็ดสีที่จะเกิดขึ้นมาใหม่ได้อย่างดีและมีประสิทธิภาพ และยังสามารถคงผลลัพธ์เนียนใสอย่างเป็นธรรมชาติได้ยาวนานขึ้น

ปัญหาลับๆ ของขาหนีบ ที่เป็นเรื่องใหญ่สำหรับใครหลายคน โดยเฉพาะผู้ที่รักแฟชั่นบิกินี เลเซอร์ขาหนีบจะเป็นทางเลือกสำคัญ ที่จะช่วยคืนความมั่นใจ เผยผิวกระจ่างใสได้อย่างไร้กังวล

Scroll to Top