สำหรับคนวัยทำงาน แม้อายุเราจะยังน้อย แต่การตรวจสุขภาพประจำปีก็ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมากค่ะ แถมยังเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงด้วย
ตอนนี้เราก็อายุ 26 ปีแล้ว ก่อนหน้านี้ไม่เคยสนใจเรื่องการตรวจสุขภาพประจำปีเลย คิดว่าตัวเองออกกำลังกายเป็นประจำ ไม่เคยเจ็บป่วยหรือเป็นอะไรหนักๆ สุขภาพก็น่าจะดีอยู่แล้ว
จนช่วงหลังมานี้ เราต้องพบเจอกับสิ่งต่างๆ มากมายในแต่ละวัน ทั้งฝุ่นควัน อาหารแปรรูป ความเครียดจากการทำงาน พักผ่อนไม่เพียงพอ รวมถึงเชื้อโรคต่างๆ จนทำให้สุขภาพเริ่มอ่อนแอลง เราเลยอยากหันมาดูแลสุขภาพของตัวเองมากขึ้น
เพราะอย่างนี้เราเลยมองหาโปรแกรมตรวจสุขภาพที่มีรายการตรวจครบครอบคลุม คุ้มค่า คุ้มราคา จนได้มาเจอกับโปรแกรมตรวจสุขภาพ All You Can Check Plus ที่ โรงพยาบาลพญาไท 2
ซึ่งโปรแกรมนี้ก็เป็นโปรแกรมตรวจสุขภาพที่คุ้มมากๆ มีรายการตรวจครบตั้งแต่เรื่องพื้นฐานไปจนถึงการตรวจสุขภาพแบบเจาะลึก
ที่สำคัญคือโปรแกรมนี้เค้าครอบคลุมระยะเวลาการตรวจถึง 1 ปี ทำให้เราสามารถกลับมาตรวจซ้ำกี่ครั้งก็ได้ เรียกได้ว่าเป็นโปรแกรมตรวจสุขภาพที่ซื้อครั้งเดียวแต่ตรวจได้ไม่อั้นตลอดทั้งปีเลย คุ้มค่าแบบนี้เราก็ไม่รอช้าแล้วค่ะ เลือกใช้บริการโปรแกรมนี้ทันที
สารบัญ
การเตรียมตัวก่อนตรวจสุขภาพ
การเตรียมตัวก่อนตรวจสุขภาพก็ไม่มีอะไรมากค่ะ อย่างแรกเลยก็คือควรงดน้ำและอาหารประมาณ 8-10 ชั่วโมงก่อนตรวจ (แต่ยังสามารถดื่มน้ำเปล่าได้อยู่นะคะ)
ส่วนผู้หญิงอย่างเราที่จะต้องมีการตรวจภายในด้วย ก็ควรมาตรวจหลังประจำเดือนหมดแล้วหรือก่อนมีประจำเดือนจะดีกว่าค่ะ นอกจากนี้ก็ควรสวมเสื้อผ้าหลวมๆ สบายตัว เพื่อความสะดวกในการตรวจด้วย
รีวิวตรวจสุขภาพ โปรแกรม All You Can Check Plus ที่ รพ.พญาไท 2
เมื่อเดินทางมาถึงที่ โรงพยาบาลพญาไท 2 ก็เข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่หน้าเคาน์เตอร์ว่ามาใช้บริการตรวจสุขภาพได้เลยค่ะ จากนั้นเจ้าหน้าที่จะแจ้งว่าเราต้องขึ้นไปที่ชั้นไหน แผนกไหน
พอขึ้นมาแล้วก็จะมีเจ้าหน้าที่ประจำแผนกคอยยืนต้อนรับอยู่ ซึ่งอันดับแรกเราจะต้องลงทะเบียนทำประวัติคนไข้ใหม่ก่อน เสร็จแล้วก็จะมีพี่พยาบาลพาไปตรวจคัดกรองเบื้องต้นอย่างการวัดความดัน วัดส่วนสูง และชั่งน้ำหนัก
หลังจากตรวจคัดกรองเบื้องต้นเรียบร้อยแล้ว พี่พยาบาลจะพาเราเข้าไปพบคุณหมอเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับโปรแกรมการตรวจสุขภาพและเลือกรายการตรวจที่เหมาะสมให้กับเราเลยค่ะ
โดยอันดับแรกคุณหมอจะซักประวัติเบื้องต้นก่อน จากนั้นก็อธิบายเกี่ยวกับโปรแกรมตรวจสุขภาพ All You Can Check Plus ให้ฟังว่ามีรายการตรวจอะไรบ้าง?
โปรแกรม All You Can Check Plus ตรวจอะไรได้บ้าง?
จากที่คุณหมออธิบายให้ฟัง โปรแกรม All You Can Check Plus จะแบ่งการตรวจออกเป็น 3 ส่วนค่ะ ส่วนแรกคือ Basic Check Up จะเป็นการตรวจติดตามค่าผลตรวจพื้นฐาน ดูการทำงานของตับ ไต ไขมันในเลือด ความดันโลหิต เอกซเรย์ปอด และตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
หากตรวจสุขภาพในโปรแกรม Basic Check Up แล้วมีผลตรวจที่น่ากังวล ก็สามารถลองกลับไปปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์แล้วกลับมาตรวจเช็กสุขภาพอีกทีภายใน 3-6 เดือน หรือก่อนครบกำหนด 1 ปี ได้เลย
ส่วนที่ 2 คือ Advance Check Up เป็นการตรวจร่างกายแบบเจาะลึกที่มีให้เลือกมากถึง 9 หมวด โดยเราสามารถเลือกตรวจได้ 6 หมวด ตามไลฟ์สไตล์และความเสี่ยงที่คุณหมอแนะนำเลยค่ะ
และส่วนสุดท้ายคือ Check up Plus จะเป็นการตรวจประเมินสุขภาพเฉพาะทางด้าน Anti-aging พร้อมทั้งลงลึกระดับฮอร์โมน มีให้เลือกมากถึง 4 หมวด โดยเราสามารถเลือกตรวจได้เพิ่มเติม 1 หมวดค่ะ
หลังจากคุณหมออธิบายข้อมูลของโปแกรมตรวจสุขภาพเสร็จแล้ว คุณหมอก็จะสอบถามเราว่ามีความกังวลเรื่องอะไรเป็นพิเศษมั้ย เพื่อที่จะได้ประเมินและแนะนำรายการตรวจสุขภาพในส่วนของ Advance Check Up และ Check up Plus ให้
ซึ่งจากการประเมิน ในส่วนของ Advance Check Up คุณหมอก็แนะนำให้ตรวจคัดกรองโรคหัวใจ ตรวจสมรรถภาพและความสมดุลของร่างกาย และตรวจคัดกรองมะเร็งค่ะ ส่วน Check up Plus อันนี้คุณหมอแนะนำให้ตรวจเฉพาะทางด้าน Anti-Aging
หลังจากเสร็จขั้นตอนการพูดคุยกับคุณหมอแล้ว พี่พยาบาลก็จะพาไปตรวจสุขภาพตามแผนกต่างๆ เลย ซึ่งใครที่กังวลว่าเข้ามาแล้วจะงง ไม่รู้ว่าต้องตรวจอะไรก่อน ไปตรวจที่แผนกไหน เราบอกเลยค่ะว่าไม่ต้องกลัว เพราะที่นี่มีพี่พยาบาลคอยดูแลอย่างใกล้ชิดและพาไปตรวจทุกขั้นตอนเลย
ขั้นตอนการตรวจสุขภาพ Basic Check Up
เริ่มแรกจะเป็นการเจาะเลือดและเก็บตัวอย่างปัสสาวะค่ะ โดยเราจะได้เข้าไปด้านในห้องสำหรับเจาะเลือดโดยเฉพาะเลย
พอเข้ามาแล้ว พี่พยาบาลประจำห้องเจาะเลือดก็จะให้นำแขนขึ้นมาวางไว้บนเบาะรอง จากนั้นก็นำสายมารัดที่ต้นแขนและเริ่มทำการเจาะเลือดทันที
เราจะบอกว่าพี่พยาบาลที่นี่มือเบามากๆ ตอนเจาะเลือดไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด แถมใช้เวลาไม่ถึง 5 นาทีก็เสร็จแล้วค่ะ จากนั้นพี่พยาบาลจะให้กระบอกเก็บปัสสาวะมา เราก็ไปทำการเก็บปัสสาวะให้เรียบร้อยแล้วนำกระบอกมาส่งคืนได้เลย
ขั้นตอนการตรวจเอกซเรย์ปอด
ขั้นตอนต่อมาจะเป็นการตรวจเอกซเรย์ปอดค่ะ ซึ่งขั้นตอนนี้จะเป็นการตรวจดูความผิดปกติของอวัยวะระบบทางเดินหายใจบริเวณเนื้อปอด ทรวงอก เส้นเลือดในปอด รวมถึงกระดูกซี่โครง กระดูกไหปลาร้า และกะบังลม
ก่อนที่จะเริ่มตรวจเราก็ต้องไปเปลี่ยนชุด ถอดชุดชั้นใน และถอดเครื่องประดับที่เป็นโลหะทั้งหมดออกจากตัวก่อน หลังจากเตรียมตัวเสร็จแล้วก็เข้าไปที่ห้องเอกซเรย์ได้เลย
สำหรับขั้นตอนนี้จะมีนักรังสีเทคนิคเป็นคนตรวจให้ โดยขั้นตอนการตรวจก็ง่ายมากๆ เพียงแค่ยืนเอาตัวแนบเครื่องเอกซเรย์ จากนั้นนักรังสีเทคนิคจะให้หายใจเข้าลึกๆ และกลั้นหายใจค้างไว้ประมาณ 5 วินาที
ระหว่างที่กลั้นหายใจ นักรังสีเทคนิคจะทำการกดถ่ายฟิล์มภาพเอกซเรย์ โดยรวมใช้เวลาไม่ถึง 5 นาทีก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อมาก็ไปตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) กันต่อค่ะ
ขั้นตอนการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG)
ขั้นตอนการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) จะเป็นการตรวจดูอัตราการเต้นของหัวใจและจังหวะการเต้นของหัวใจ เพื่อตรวจหาความผิดปกติค่ะ
โดยขั้นตอนนี้พี่พยาบาลจะให้เราขึ้นไปนอนบนเตียง จากนั้นก็ติดตั้งอุปกรณ์การตรวจที่บริเวณข้อมือ ข้อเท้า และหน้าอก
พอติดอุปกรณ์เสร็จแล้ว เราก็แค่นอนนิ่งๆ ให้เครื่องทำการตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้เลย โดยรวมใช้เวลาประมาณ 5 นาทีก็เสร็จแล้วค่ะ รวดเร็วมาก
ขั้นตอนการตรวจสุขภาพ Advance Check Up
หลังจากตรวจโปรแกรม Basic Check Up เสร็จแล้ว เราก็มาตรวจโปรแกรม Advance Check Up กันต่อค่ะ ซึ่งการตรวจในครั้งนี้คุณหมอก็แนะนำให้เราตรวจสมรรถภาพและความสมดุลของร่างกาย ตรวจคัดกรองมะเร็ง และตรวจคัดกรองโรคหัวใจค่ะ
ขั้นตอนที่ 1 ตรวจสมรรถภาพและความสมดุลของร่างกาย
ขั้นตอนการตรวจสมรรถภาพและความสมดุลของร่างกาย จะตรวจทั้งหมด 3 อย่าง คือ ตรวจความสมดุลร่างกาย (Posture Check) ตรวจสมรรถภาพร่างกาย (Muscle Check) และตรวจมวลกล้ามเนื้อด้วยเครื่อง Inbody (Body Check)
เริ่มแรก เจ้าหน้าที่จะให้เราไปเปลี่ยนเป็นชุดออกกำลังกายเพื่อเตรียมตัวเข้าไปตรวจร่างกายกับนักกายภาพบำบัดกันก่อน หลังจากเปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว ก็ไปเริ่มตรวจมวลกล้ามเนื้อด้วยเครื่อง Inbody (Body Check) กันเลยค่ะ
สำหรับขั้นตอน Body Check จะเป็นการตรวจวัดสัดส่วนของร่างกาย วัดมวลกล้ามเนื้อ ไขมัน และน้ำในร่างกายค่ะ ซึ่งขั้นตอนก็ไม่มีอะไรยุ่งยาก นักกายภาพฯ จะให้เราไปยืนบนเครื่องคล้ายๆ กับเครื่องชั่งน้ำหนักเพื่อวัดองค์ประกอบของร่างกาย จากนั้นก็วัดรอบเอวให้ต่อ ใช้เวลาไม่เกิน 10 นาทีก็เสร็จแล้วค่ะ
ขั้นตอนต่อมาจะเป็นการตรวจความสมดุลร่างกาย (Posture Check) โดยนักกายภาพฯ จะให้ไปยืนอยู่ด้านหน้าแผ่นกริดสีขาวๆ ที่เป็นลายตาราง เสร็จแล้วก็จะติดสติ๊กเกอร์เรืองแสงตามปุ่มกระดูกของเราพร้อมกับให้ใส่แว่นตาป้องกันแสงเลเซอร์
หลังจากนั้นนักกายภาพฯ จะให้เราทำท่าทางต่างๆ เช่น ยืนหน้าตรง ย่ำเท้าอยู่กับที่ และยืนหันข้าง ย่ำเท้าอยู่กับที่ ระหว่างที่ทำท่าทางต่างๆ นักกายภาพฯ ก็จะยิงแสงเลเซอร์มาที่ตัวของเราแล้ววัดโครงสร้างร่างกายเลย
มาถึงขั้นตอนสุดท้าย นั่นก็คือการตรวจสมรรถภาพร่างกาย (Muscle Check) โดยขั้นตอนนี้นักกายภาพฯ จะตรวจวัดกำลังแขนและข้อมือด้วยเครื่องไดนาโมมิเตอร์ที่คล้ายๆ กับตาชั่งขายของและมีก้านจับอยู่ด้านบน
ซึ่งเราจะต้องจับตรงก้านนั้นไว้แล้วออกแรงบีบไว้ให้แน่นที่สุด หลังจากบีบจนสุดแรง ตัวเครื่องก็จะวัดค่าออกมาทันทีว่ามือและแขนของเรามีความแข็งแรงมากน้อยแค่ไหน
หลังจากนั้นขั้นตอนต่อมาจะเป็นการตรวจสมรรถภาพความยืดหยุ่นของหลังและลำตัวส่วนล่าง โดยเราจะต้องลงไปนั่งกับพื้นแล้วเหยียดแขนและขาทั้ง 2 ข้างไปข้างหน้าจนสุด ระหว่างที่แขนดันไปข้างหน้า ตัวเครื่องก็จะทำการตรวจวัดความยืนหยุ่นของเราทันทีค่ะ
ต่อมาจะเป็นการตรวจสมรรถภาพความแข็งแรงของหลังและขา โดยเราจะต้องขึ้นไปยืนบนเครื่องไดนาโมมิเตอร์ที่มีโซ่เหล็กคล้องอยู่ เสร็จแล้วก็ทำท่า Squad พร้อมกับจับแท่งยาวๆ เอาไว้และดึงขึ้นให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะออกแรงได้
หลังจากออกแรงดึงแล้ว ตัวเครื่องจะทำการวัดค่าออกมาเป็นตัวเลขเลยว่าหลังกับขาของเราแข็งแรงมากแค่ไหน
มาถึงขั้นตอนสุดท้ายนั่นก็คือการตรวจสมรรถภาพความทนทานของระบบหัวใจและการไหลเวียนเลือด อันนี้ถ้าใครที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายก็อาจจะเหนื่อยนิดนึงนะคะ
โดยสิ่งที่เราต้องทำก็คือการก้าวขาขึ้นลงเป็นสเต็ปกับกล่องไม้เป็นเวลา 3 นาทีค่ะ ซึ่งสเต็ปที่ว่านี้เราจะต้องทำให้ทันตามจังหวะกลองที่พี่นักกายภาพฯ เปิดให้ฟังด้วยนะคะ
หลังจากตรวจสมรรถภาพและความสมดุลของร่างกายครบทุกขั้นตอนแล้ว ต่อมาเราก็ไปตรวจคัดกรองโรคหัวใจกันต่อเลย
ขั้นตอนที่ 2 ตรวจคัดกรองโรคหัวใจ
สำหรับขั้นตอนการตรวจคัดกรองโรคหัวใจ เราจะต้องไปเปลี่ยนเป็นชุดของทางโรงพยาบาลก่อนค่ะ หลังจากเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วก็ไปเริ่มตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย (EST) กันก่อนเลย
สำหรับขั้นตอนการตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย (EST) พี่พยาบาลจะติดตั้งอุปกรณ์บริเวณจุดชีพจรอย่างหน้าอก แขน และขาทั้งสองข้างก่อน จากนั้นก็ให้เราขึ้นไปเดินบนสายพานโดยจะเริ่มจากระดับความเร็วช้าสุด ค่อยๆ ปรับให้เร็วขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย (EST) เสร็จแล้ว ต่อมาจะเป็นการตรวจคลื่นเสียงหัวใจ (ECHO) ค่ะ
โดยขั้นตอนนี้จะมีวิธีการตรวจคล้ายกับการอัลตราซาวด์เลย คุณหมอจะปล่อยพลังงานคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูงไปยังบริเวณหัวใจเพื่อตรวจดูความผิดปกติ ใช้เวลาตรวจไม่เกิน 10 นาทีก็เสร็จแล้วค่ะ
และสุดท้ายจะเป็นการตรวจการแข็งตัวของหลอดเลือด (ABI) ซึ่งขั้นตอนนี้ก็ไม่มีอะไรมากค่ะ เราแค่ขึ้นไปนอนบนเตียงแล้วพี่พยาบาลจะติดอุปกรณ์วัดความดันบริเวณต้นแขนและข้อเท้าทั้งสองข้าง จากนั้นก็นอนนิ่งๆ ให้เครื่องตรวจวัดการแข็งตัวของหลอดเลือดอัตโนมัติได้เลย
ขั้นตอนที่ 3 ตรวจสุขภาพสตรี
มาถึงขั้นตอนสุดท้ายของโปรแกรม Advance Check Up นั่นก็คือการตรวจสุขภาพสตรีค่ะ โดยขั้นตอนนี้เราจะได้ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก รวมถึงตรวจอัลตราซาวด์มดลูกและรังไข่
เริ่มแรกเราจะได้ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกก่อน ซึ่งที่นี่เค้าจะเลือกตรวจด้วยวิธี ThinPrep ให้ค่ะ เนื่องจากเป็นวิธีที่ง่าย สะดวกรวดเร็ว ผลตรวจแม่นยำ ที่สำคัญคือสามารถตรวจหาเชื้อไวรัส HPV ได้พร้อมกันด้วย
หลังจากตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเสร็จแล้ว ก็ไปตรวจอัลตราซาวด์มดลูกและรังไข่กันต่อ โดยรวมทั้งสองขั้นตอนใช้เวลาไม่ถึง 20 นาทีก็เสร็จแล้วค่ะ ถือว่ารวดเร็วมากๆ แถมตอนตรวจก็ไม่ได้น่ากลัวและไม่เจ็บอย่างที่คิด ใครที่กังวลอยู่ก็หมดความกังวลไปได้เลยค่ะ
ผลการตรวจสุขภาพ
สำหรับผลตรวจสุขภาพที่ออกมา โดยรวมทั้งผลตรวจพื้นฐานและผลตรวจร่างกายแบบเจาะลึก ค่าต่างๆ ของเราก็ออกมาปกติดี ไม่มีตรงไหนน่ากังวล รวมๆ แล้วสุขภาพยังแข็งแรงดีมากค่ะ
ส่วนผลตรวจ Anti-Aging ในโปรแกรม All You Can Check Plus เราก็ได้มาปรึกษากับคุณหมอเพื่อน พญ.กอบกุลยา จึงประเสริฐศรี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญประจำศูนย์เวชศาสตร์ชะลอวัย ซึ่งคุณหมอก็บอกว่าระดับฮอร์โมนเพศหญิงและการต้านความเครียดของเราอยู่ในเกณฑ์ที่ปกติดีทุกรายการเช่นกัน
แต่เนื่องจากช่วงหลังเรารู้สึกว่าตัวเองพักผ่อนน้อย ป่วยบ่อยขึ้น เลยปรึกษาปัญหานี้กับคุณหมอไป ซึ่งคุณหมอก็บอกว่าเกิดจากการที่ร่างกายของเราขาดวิตามินดีเลยส่งผลให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอและไม่ค่อยสบายอยู่บ่อยๆ
คุณหมอเลยแนะนำให้กินวิตามินดี 3 (Vitamin D3) เสริมในประมาณ 5,000 IU อย่างน้อย 3 เดือนขึ้นไป เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย โดยหลังจากกินวิตามินดี 3 ครบ 3 เดือนแล้ว คุณหมอก็จะนัดให้เข้ามาตรวจเช็กสุขภาพในโปรแกรม Basic Check Up ซ้ำอีกครั้งนึงค่ะ
สำหรับการตรวจสุขภาพของเราในครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นการตรวจเช็กแบบชุดใหญ่ จัดหนักจัดเต็ม ครบทุกด้านจริงๆ ค่ะ ใครที่กำลังมองหาโปรแกรมตรวจสุขภาพแบบบุฟเฟต์ ซื้อครั้งเดียวตรวจซ้ำได้ตลอดทั้งปี เราแนะนำโปรแกรม All You Can Check Plus ที่ โรงพยาบาลพญาไท 2 เลย
โดยเฉพาะวัยทำงานนี่เหมาะที่สุดแล้ว ยิ่งเราตรวจตั้งแต่อายุยังน้อย ตรวจเช็กสุขภาพเป็นประจำทุกปี ก็จะได้รู้ตั้งแต่เนิ่นๆ ทำให้สามารถหาทางรักษาได้ทัน หรือปรับพฤติกรรมของตัวเองให้สุขภาพแข็งแรงยิ่งขึ้นได้
ถ้าใครที่สนใจก็แนะนำให้เข้าไปจองแพ็กเกจผ่าน HDmall.co.th เลยนะคะ เพราะในนี้เค้ามีโปรโมชั่นร่วมกับ โรงพยาบาลพญาไท 2 อยู่ รับรองว่าราคาดี คุ้มค่าแน่นอน พลาดไม่ได้จริงๆ ค่ะ