หลายคนคงได้ยินคำว่า “นิ่ว” ในอวัยวะภายในมาก่อน แต่อาจยังไม่ทราบที่มาที่ไปว่า นิ่วเกิดจากอะไร แล้วมีความร้ายแรงต่อร่างกายมากขนาดไหน วันนี้เราจะมาเจาะลึกข้อมูลเกี่ยวกับนิ่วในกระเพาะปัสสาวะกันว่า มีสาเหตุทำให้เกิดมาจากอะไร วิธีรักษา และป้องกันได้อย่างไรบ้าง
สารบัญ
ความหมายของนิ่ว
นิ่ว (Stone) คือ ก้อนของแข็งซึ่งเกิดจากการตกตะกอนของหินปูน หรือเกลือแร่ในร่างกายซึ่งมีสาเหตุทำให้เกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น
- อายุที่มากขึ้น โดยนิ่วในร่างกายมักพบในผู้ป่วยชายมากกว่าผู้ป่วยหญิง โดยเฉพาะในผู้ป่วยสูงอายุ
- เป็นอัมพาต ซึ่งเป็นภาวะที่กล้ามเนื้อไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ และทำให้ไม่สามารถปัสสาวะออกจากร่างกายได้
- ดื่มน้ำน้อย
- ความไม่สมดุลของสารตกผลึกกับสารคอลลอยด์ในน้ำปัสสาวะ
- ความผิดปกติของการเผาผลาญ และการขับเกลือแร่ในร่างกาย
- การกลั้นปัสสาวะบ่อยๆ
- การรับประทานอาหารที่มีสารก่อนิ่วอย่าง “สารออกซาเลท (Oxalate)” เช่น เนื้อสัตว์ ผักโขม มะเขือเทศ มันฝรั่ง
ความหมายของนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ (Bladder stone) คือ ก้อนนิ่วที่สะสมอยู่ในไต หรือท่อไตแล้วหลุดเข้าไปอยู่ในกระเพาะปัสสาวะ และยังเกิดขึ้นได้จากการขับปัสสาวะไม่หมด หรือการกลั้นปัสสาวะบ่อยๆ จนทำให้น้ำปัสสาวะค้างอยู่ในกระเพาะมากเกินไป
เมื่อเวลาผ่านไป น้ำปัสสาวะก็จะตกตะกอนเป็นของแข็ง และกลายเป็นก้อนนิ่วในที่สุด อาการของผู้ป่วยเป็นนิ่วในกระเพาะปัสสาวะจะมีดังต่อไปนี้
- มีไข้สูง
- รู้สึกไม่สบายตัว หรือเจ็บอวัยวะเพศหลังจากปัสสาวะ
- ปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ โดยเฉพาะในช่วงกลางคืน
- มีปัสสาวะกะปริบกะปรอย
- ปวดเจ็บท้องน้อย หรือเอวข้างที่มีนิ่ว
- ปัสสาวะมีเลือดปน
สาเหตุที่ทำให้เกิดนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
นอกจากสาเหตุทำให้เกิดนิ่วที่กล่าวไปข้างต้น สาเหตุโดยเจาะจงที่ทำให้เกิดนิ่วในกระเพาะปัสสาวะได้แก่
- ปัญหากระเพาะปัสสาวะหย่อน (Cystocele) จนส่งผลกระทบต่อการไหลออกของน้ำปัสสาวะ และทำให้ในกระเพาะปัสสาวะมีของเสียคั่งค้างอยู่ในปริมาณมาก
- นิ่วในไต (Kidney Stones) ตามที่กล่าวไปข้างต้นว่า ก้อนนิ่วในกระเพาะปัสสาวะสามารถเกิดได้จากนิ่วที่อยู่ในไตก่อนหน้านี้ แล้วได้หลุดเข้ามาในกระเพาะปัสสาวะภายหลัง
- การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (Bladder inflammation) เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดนิ่วแทบทุกชนิด ซึ่งการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะนั้นยังสามารถเกิดได้จากการรักษาทางรังสี (Radiation therapy) อีกด้วย เพราะจะทำให้กระเพาะปัสสาวะขยายใหญ่ขึ้น จนปัสสาวะตกค้างอยู่ได้ง่าย
- โรคต่อมลูกหมากโต (Prostate enlargement) ซึ่งมีส่วนกดทับทางเดินปัสสาวะ และทำให้การไหลของน้ำปัสสาวะไม่คล่องอย่างที่ควรจะเป็น จนทำให้ปัสสาวะตกค้างกลับเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะ และเกิดเป็นนิ่วในภายหลัง
- ระบบประสาทผิดปกติจนส่งผลต่อกระเพาะปัสสาวะ (Neurogenic Bladder: NB) ซึ่งอาจเกิดจากการบาดเจ็บของไขสันหลัง หรือมีอาการหลอดเลือดสมอง จนทำให้ระบบประสาทที่ควบคุมการทำงานของกระเพาะปัสสาวะเสียหาย และทำให้ไม่สามารถขับปัสสาวะออกได้หมด
- การรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสม การรับประทานอาหารที่มีไขมัน น้ำตาล และเกลือสูง ขาดการบำรุงร่างกายด้วยวิตามินเอ และวิตามินบี มีส่วนทำให้เกิดก้อนนิ่วในร่างกายได้ ไม่เพียงแค่ในกระเพาะปัสสาวะเท่านั้น
การรักษานิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
หลังจากวินิจฉัยพบนิ่วในกระเพาะปัสสาวะแล้ว หากพบว่า ก้อนนิ่วมีขนาดเล็ก แพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยดื่มน้ำมากๆ เพื่อขับก้อนนิ่วออกมาทางปัสสาวะเอง แต่หากก้อนนิ่วมีขนาดใหญ่ ก็จำเป็นต้องใช้วิธีรักษาอื่น เช่น
- การผ่าตัด ในกรณีที่ก้อนนิ่วมีขนาดมากกว่า 2 เซนติเมตร เพื่อนำก้อนนิ่วออกจากกระเพาะปัสสาวะให้หมด โดยช่องทางที่จะนำก้อนนิ่วออกมีหลายทาง เช่น กรวยไต บริเวณหน้าท้องเหนือหัวหน่าว
- การขบนิ่ว (Cystolitholapaxy) เป็นการทำลายก้อนนิ่วด้วยเลเซอร์ คลื่นเสียงความถี่สูง หรือการส่องกล้องเพื่อสลายก้อนนิ่วให้มีขนาดเล็กลง แล้วล้างออกจากกระเพาะปัสสาวะ
การสลายนิ่วในกระเพาะปัสสาวะอาจต้องทำหลายครั้ง ขึ้นอยู่กับขนาด ความแข็ง และจำนวนก้อนนิ่ว ในระหว่างการรักษาผู้ป่วยจะต้องดูแลตนเองอย่างเหมาะสมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการแทรกซ้อน ร่างกายฟื้นฟูโดยเร็ว เช่น
- งดยกของหนักประมาณ 1 สัปดาห์
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- ดื่มน้ำให้มากๆ ประมาณ 3-4 ลิตรต่อวัน เพื่อขับเศษนิ่วออกให้หมด
- รับประทานยาแก้ปวดเมื่อปวดแผล
แพทย์อาจให้ผู้ป่วยรับประทานยาปฏิชีวนะร่วมด้วย ในกรณีเป็นนิ่วในกระเพาะปัสสาวะร่วมกับมีอาการอักเสบ หรืออาจเป็นยารักษากรดด่างในปัสสาวะเพื่อรักษาอาการอื่นๆ เพิ่มเติม
หากตรวจพบว่า มีนิ่วในกระเพาะปัสสาวะก็ควรรีบรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะนิ่วในกระเพาะปัสสาวะสามารถลุกลามทำให้เกิดการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ และเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบแบบเรื้อรังได้
โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบแบบเรื้อรังเป็นโรคที่ยากต่อการรักษาให้หายขาด ทั้งยังทำให้รู้สึกไม่สบายตัว หรือเจ็บอวัยวะเพศขณะปัสสาวะด้วย
นอกจากนี้นิ่วยังมีส่วนทำให้การทำงานของไตหนักขึ้นจนไตทั้ง 2 ข้างอาจเสื่อมเร็วกว่าที่ควรจะเป็น และทำให้ขับของเสียลำบาก หรืออาจรุนแรงถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้
หากมีโอกาส ผู้ป่วยนิ่วในกระเพาะปัสสาวะควรเข้ารับการตรวจคัดกรองโรคไตพื้นฐานควบคู่กันไป ก็จะเป็นวิธีที่ช่วยป้องกันโรคไตไปด้วยในตัว หรือช่วยให้รู้เท่าทันโรคมากยิ่งขึ้น
วิธีป้องกันนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
นิ่วในกระเพาะปัสสาวะสามารถป้องกันได้ดังต่อไปนี้
- ไม่กลั้นปัสสาวะ เมื่อปวดปัสสาวะให้รีบไปเข้าห้องน้ำ
- เมื่อตรวจพบนิ่ว ให้รีบรักษาก่อนที่ปริมาณนิ่วจะเพิ่มมากขึ้นและก้อนนิ่วจะมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม
- ดื่มน้ำให้มากๆ เพื่อไม่ให้ปัสสาวะมีความเข้มข้นเกินไป และอยู่ในปริมาณเจือจางเหมาะสมกับร่างกาย
- รับประทานอาหารให้เหมาะสม หากจำเป็นต้องรับประทานอาหารที่เสี่ยงทำให้เกิดนิ่ว ควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะเท่านั้น หรือควรหลีกเลี่ยงไม่รับประทานเลยจะดีที่สุด
- หากสังเกตว่า ปัสสาวะติดขัด ปัสสาวะมีเลือดปน ปวดท้องหลังขับปัสสาวะ ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อขอรับการวินิจฉัยทันที
การเกิดนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ หรือบริเวณอวัยวะอื่นๆ เป็นโรคที่เกิดขึ้นได้ในคนทุกเพศทุกวัย และบางปัจจัยที่ทำให้เกิดนิ่วก็ยากต่อการควบคุมไม่ให้เกิดได้
ดังนั้นนอกจากคำแนะนำที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว คุณควรไปตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอประกอบกับการมีพฤติกรรมดูแลตนเองอย่างเหมาะสมด้วย เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดนิ่วในร่างกายให้น้อยที่สุด
ตรวจสอบความถูกต้องโดย นพ. วรพันธ์ พุทธศักดา