ไข้หวัดใหญ่มีหลายสายพันธุ์ โดยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A, B, C, และ D ซึ่งสายพันธุ์ A และ B เป็นสายพันธุ์ที่พบได้บ่อยและส่งผลกระทบต่อมนุษย์มากที่สุด ในบรรดาสายพันธุ์เหล่านี้ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A ถือว่ารุนแรงที่สุด เคยทำให้คนเสียชีวิตมากมาย ในขณะที่ B, C, D จะอยู่ในสายพันธุ์ที่เฝ้าระวัง อย่างไรก็ตามควรทำความรู้จักกับทุกสายพันธุ์
สารบัญ
ความแตกต่างของสายพันธุ์ A, B, C
ถึงไข้หวัดใหญ่จะแบ่งเป็นสายพันธ์ A ถึง D แต่สายพันธุ์ C และ D ไม่จัดว่าอันตราย จึงมักไม่ถูกพูดถึง โดยเฉพาะสายพันธุ์ D ในที่นี้จะขอกล่าวถึงสายพันธุ์ A, B, C เป็นหลัก
ไข้หวัดใหญ่ชนิดเอและบี จะพบการระบาดตามช่วงฤดูกาลของทุกๆ ปี ส่วนไขัหวัดใหญ่ชนิดซี จะเป็นชนิดที่มีความรุนแรงน้อยกว่า และไม่นำไปสู่การระบาด
- ไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ สามารถพบได้ในมนุษย์ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และสัตว์ปีกหลายสายพันธุ์
- ไข้หวัดใหญ่ชนิดบีและซี มักจะพบในมนุษย์เป็นหลัก
ไวรัสไข้หวัดใหญ่จะเกิดการกลายพันธุ์ (Mutation) อยู่เรื่อยๆ ในระยะเวลาเพียงปีเดียวก็สามารถเปลี่ยนแปลงไปมากจนระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์ต้องเรียนรู้ไวรัสชนิดนี้ใหม่อยู่ตลอด นั่นจึงเป็นสาเหตุที่เหตุใดจึงต้องฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ใหม่ในทุกๆ ปี
การเปลี่ยนแปลงนี้เรียกว่า “Antigenic drift หรือการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรม”
ตัวอย่าง ไข้หวัดใหญ่ชนิดเอสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้อย่างรวดเร็ว เมื่อมีเชื้อไข้หวัดใหญ่มากกว่าหนึ่งสายพันธุ์เข้ามาติดเชื้อในเซลล์เดียวกัน จนเกิดการหลอมรวมกลายเป็นสายพันธุ์ย่อยชนิดใหม่
กระบวนการเกิดสายพันธุ์ย่อยชนิดใหม่นี้ก็คือ การเปลี่ยนแปลงพันธุกรรม Antigenic drift นั่นเอง โดยการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสสามารถพบได้ในไข้หวัดใหญ่ทั้ง 3 ชนิด
ไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ (Type A)
ไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ แบ่งชนิดออกตามประเภทของโปรตีนได้ 2 ชนิด ใช้ชื่อย่อว่า “H” และ “N” โปรตีนสองชนิดนี้จะพบอยู่บนผิวของไวรัส
ส่วนชนิดแยกย่อยของเชื้อเหล่านี้จะแบ่งย่อยลงอีกตามความแตกต่างของสายพันธุ์ และแต่ละสายพันธุ์ก็แตกต่างกันในด้านสปีชีส์ (Species) ของสัตว์ที่เชื้อไวรัสสามารถติดต่อได้ด้วย
นั่นรวมถึงความรุนแรงของอาการเจ็บป่วย ซึ่งบางสายพันธุ์ของไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดเอก็ไม่ติดต่อในมนุษย์
ไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ ที่รู้จักกันดี เช่น เช่น H1N1 (ไข้หวัดสเปน, ไข้หวัดหมู), H3N2 (ไข้หวัดฮ่องกง), H5N1 และ H7N9 (ไข้หวัดนก) ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ที่รุนแรงที่สุด
ไข้หวัดใหญ่ H1N1 (ไข้หวัดหมู)
ไข้หวัดใหญ่ H1N1 หรือไข้หวัดหมู เป็นไข้หวัดใหญ่อีกชนิดที่พบมากในหมู โดยทั่วไปแล้วมักจะไม่ติดต่อมาสู่คน แต่สามารถเกิดการติดต่อขึ้นได้ หากมีการสัมผัสกับหมูที่ติดเชื้อ หรือสัมผัสสิ่งแวดล้อมที่มีเชื้อไวรัสนี้อยู่ ซึ่งจะก่อให้เกิดการติดต่อจากคนสู่คนภายหลัง
ค.ศ.2009 องค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO) ได้ประกาศให้ไข้หวัดใหญ่ H1N1 เป็นโรคระบาดระดับโลก เนื่องจากอัตราการติดเชื้อ H1N1 เพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก และได้ยุติลงการยกระดับลงในค.ศ.2010
เชื้อ H1N1 ยังคงพบได้เช่นเดียวกับเชื้อไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดตามฤดูกาล ทั้งยังถูกรวมเข้าไปในการรองรับของวัคซีนไข้หวัดใหญ่ประจำปีด้วย สำหรับอาการของไข้หวัดใหญ่ H1N1 นั้น จะคล้ายกับอาการของไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล และสามารถพบได้ทั้งอาการขั้นเล็กน้อยไปจนถึงขั้นรุนแรง
ไข้หวัดใหญ่ H5N1 (ไข้หวัดนก)
ไข้หวัดใหญ่ H5N1 เป็นสายพันธุ์หนึ่งของไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ มีนกน้ำเป็นพาหะหลัก เช่น เป็ด ห่าน และสามารถติดต่อมายังสัตว์ปีกเลี้ยง เช่น ไก่ ได้อีกด้วย
เชื้อไข้หวัดนกชนิดหนึ่งที่มีชื่อเรียกว่า “Highly pathogenic avian influenza” เป็นเชื้อชนิดร้ายแรงที่สามารถฆ่าสัตว์ปีกที่ติดเชื้อได้ภายใน 48 ชั่วโมง โดยเชื้อ highly pathogenic avian influenza สามารถติดต่อมาสู่คนได้
ปัจจุบันยังมีรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อไข้หวัดนกอยู่นับร้อย รวมถึงยอดผู้เสียชีวิตอีกจำนวนหนึ่ง ทั้งนี้การติดเชื้อในมนุษย์จะพบมากในแถบเอเชียตะวันออก และบางส่วนพบในแถบยุโรปตะวันออกกับแอฟริกาเหนือ
สำหรับการถ่ายทอดเชื้อมาสู่มนุษย์นั้นเชื่อว่า เกิดจากการที่มนุษย์สัมผัสกับสัตว์ปีกติดเชื้อที่ยังมีชีวิต หรือตายแล้ว เชื้อไวรัสชนิดนี้ไม่สามารถติดต่อได้ผ่านทางการรับประทานอาหารที่ปรุงสุก
สาเหตุที่มีความกังวลเชื้อไวรัส H5N1 อย่างมาก เนื่องจากสัตว์ปีกเป็นที่นิยมสำหรับการบริโภคในหลายๆ ประเทศนั่นเอง อีกทั้งมนุษย์ยังไม่มีภูมิต้านทานต่อไวรัสชนิดนี้ จึงทำให้การติดเชื้อในมนุษย์จะมีอาการเจ็บป่วยรุนแรงกว่าการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ชนิดอื่นๆ รวมถึงมีอัตราการเสียชีวิตที่สูงกว่าด้วย ถือว่าเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ที่รุนแรงที่สุด ต่างจาก B และ C
ไข้หวัดใหญ่ชนิดบี (Type B)
ไข้หวัดใหญ่ชนิดบีจะแบ่งชนิดตามประเภทสายพันธุ์และตระกูล แทนการแบ่งตามชนิดย่อยและสายพันธุ์ แม้ว่าไข้หวัดใหญ่ชนิดบีจะพบได้ไม่บ่อยเท่ากับชนิดเอ แต่ก็ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยร้ายแรงได้เช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ความสามารถในการป้องกันของวัคซีนไข้หวัดใหญ่ประจำปีจะครอบคลุมไปถึงไวรัสชนิดบี ได้ประมาณ 1 หรือ 2 ชนิด มีรายละเอียดดังนี้
- วัคซีนไข้หวัดใหญ่สามสายพันธุ์ (Trivalent vaccine) สามารถป้องกันไวรัสชนิดบี ได้เพียง 1 ชนิด
- วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ (Quadrivalent vaccine) จะป้องกันไวรัสชนิดบีได้ถึง 2 ชนิด
ไข้หวัดใหญ่ชนิดซี (Type C)
ไข้หวัดใหญ่ชนิดซี มักจะทำให้เกิดการติดเชื้อบริเวณทางเดินหายใจของวัยเด็กเป็นส่วนใหญ่ มีอาการไม่รุนแรงและเชื่อว่าไม่ทำให้เกิดการระบาด
ด้วยเหตุนี้ไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดซี จึงไม่ถูกรองรับอยู่ในวัคซีนไข้หวัดใหญ่ประจำปีที่มีอยู่ทั่วไป อีกทั้งไข้หวัดใหญ่ชนิดซียังมีการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมน้อยและมีการกลายพันธุ์ช้ากว่าชนิดเอและบี
วิธีป้องกันไข้หวัดใหญ่ด้วยตนเอง
แม้ไข้หวัดใหญ่จะมีมากมายหลายสายพันธุ์และอาจมีการกลายพันธุ์ หรือมีการค้นพบใหม่อีกเรื่อยๆ แต่เราทุกคนสามารถป้องกันตนเองให้ห่างไกลจากโรคนี้ได้ ด้วยวิธีต่อไปนี้
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
- ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- รักษาสุขอนามัยส่วนบุคคลให้ดี เช่น ไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น ล้างมือให้สะอาดบ่อยๆ
- ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกปี
ในกรณีที่เกิดการระบาดของไข้หวัดชนิดใดก็ตาม ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของหน่วยงานสาธารณสุขที่น่าเชื่อถือได้อย่างเคร่งครัด
ตรวจสอบความถูกต้องโดย นพ. วรพันธ์ พุทธศักดา