อาการปวดฟันเกิดได้จากหลายสาเหตุ สำหรับผู้ใหญ่อาจเกิดจากฟันผุ ฟันร้าว ฟันคุด เป็นโรคปริทันต์ วิธีแก้ไขที่ดีที่สุดคือ ไปพบทันตแพทย์เพื่อรักษาต้นตอของอาการปวดฟันที่ถูกต้อง ส่วนส่วนอาการปวดฟันในเด็กอาจเกิดขึ้นในระหว่างที่ฟันน้ำนมจะหลุดออก อีกทางเลือกหนึ่งเพื่อบรรเทาอาการปวดฟันทั้งของผู้ใหญ่และเด็ก คือ รับประทานยาแก้ปวดฟัน ซึ่งมีหลายตัวยา ดังนี้
สารบัญ
กลุ่มยาแก้ปวดฟัน
ยาที่ใช้สำหรับบรรเทาอาการปวดฟัน แบ่งออกใหญ่ๆ ได้เป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มยาบรรเทาอาการปวด กับกลุ่มยาชาเฉพาะที่
1. ยาบรรเทาอาการปวด
- ยากลุ่มบรรเทาอาการปวดทั่วไป เช่น พาราเซตามอล (Paracetamol)
- ยาในกลุ่มเอนเซด (NSAIDs-ยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์) เช่น ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen)
โดยยากลุ่มเอนเซดต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง อย่าลืมแจ้งแพทย์และเภสัชกรถึงโรคประจำตัวและการแพ้ยาทุกครั้ง
2. ยาชาเฉพาะที่
- ลิโดเคน (lidocaine)
- เบนโซเคน (Benzocaine)
- น้ำมันจากสมุนไพรที่มีฤทธิ์เป็นยาชา เช่น น้ำมันกานพลู หรือยูจีนอลออยล์ (Eugenol)
ผู้ป่วยสามารถเลือกใช้ยาในกลุ่มไหนก็ได้เพื่อบรรเทาอาการปวด สำหรับเด็ก ถ้ามีความจำเป็นต้องใช้ยา แนะนำให้เริ่มจากพาราเซตามอลเพื่อบรรเทาอาการก่อน โดยรับประทานปริมาณยาคำนวณตามน้ำหนักตัวเด็ก
วิธีใช้ยาแก้ปวดฟันที่นิยมใช้
พาราเซตามอล
พาราเซตามอลเป็นยาในกลุ่มยาแก้ปวดลดไข้ มีสรรพคุณแก้ปวด ลดไข้ เหมาะสำหรับอาการปวดฟันระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง ขนาดการใช้ยาได้แก่
-
- ผู้ใหญ่ รับประทานขนาด 500-1000 มิลลิกรัม
- เด็กอายุ 6-8 ปี รับประทานขนาด 250 มิลลิกรัม
- เด็กอายุ 8-10 ปี รับประทานขนาด 375 มิลลิกรัม
- เด็กอายุ 10-12 ปี รับประทานขนาด 500 มิลลิกรัม
- เด็กอายุ 12-16 ปี รับประทานขนาด 500-750 มิลลิกรัม
คุณสามารถรับประทานยาพาราเซตามอลซ้ำได้ทุก 4-6 ชั่วโมง แต่ในผู้ใหญ่ หากใช้ยาเม็ดขนาด 500 มิลลิกรัม ไม่ควรรับประทานเกิน 8 เม็ดต่อวัน ส่วนในเด็กไม่ควรรับประทานเกิน 4 ครั้งต่อวัน
ไอบูโพรเฟน
- ไอบูโพรเฟน เป็นยาในกลุ่มยาแก้ปวดกลุ่มที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (Non-Steroidal Anti-Inflammatory Drugs: NSAIDs)
- มีฤทธิ์บรรเทาอาการปวด ลดการอักเสบ และลดไข้ เหมาะสำหรับบรรเทาอาการปวดฟันระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง
- ผู้ใหญ่ควรรับประทานขนาด 400-800 มิลลิกรัม วันละ 3-4 ครั้งหลังอาหาร และไม่ควรรับประทานเกิน 3,200 มิลลิกรัมต่อวัน
ลิโดเคน เบนโซเคน
- ลิโดเคน และเบนโซเคน เป็นยาในกลุ่มยาชา มีวางจำหน่ายในรูปแบบยาทาเฉพาะที่ เช่น ยาแก้ปวดฟันยี่ห้อ M.16 ซึ่งมีส่วนผสมของการบูร และลิโดเคน
- วิธีการใช้ คือ ใช้ไม้พันสำลี หรือคีมคีบสำลี ชุบตัวยา แล้วทาบริเวณที่มีอาการปวดฟัน หรืออุดสำลีที่ชุบยาลงบริเวณที่มีอาการปวด
น้ำมันกานพลู
- น้ำมันกานพลู มีฤทธิ์บรรเทาอาการปวด บรรเทาอาการอักเสบ ต้านเชื้อแบคทีเรีย และเป็นยาชาเฉพาะที่ สามารถใช้น้ำมันกานพลูเพื่อลดอาการปวดฟันชั่วคราวได้
- วิธีการใช้ คือ ใช้ไม้พันสำลี หรือคีมคีบสำลี ชุบตัวยา แล้วทาบริเวณที่มีอาการปวดฟัน หรืออุดสำลีที่ชุบยาลงบริเวณที่มีอาการปวด
นอกจากการใช้ยาเหล่านี้แก้ปวดฟันแล้ว ยังมีวิธีอื่นที่สามารถช่วยลดอาการปวดได้ เช่น ประคบเย็นเพื่อลดอาการบวม หลีกเลี่ยงการเคี้ยวข้างที่ปวด
หากไม่แน่ใจว่า ควรใช้ยาแก้ปวดฟันชนิดใดถึงเหมาะสม หรือใช้วิธีใดเพื่อบรรเทาอาการปวดฟัน สามารถสอบถามได้ที่ร้านขายยาที่มีเภสัชกร หรือปรึกษาทัตนแพทย์ใกล้บ้าน
ปวดฟันควรใช้ยาปฏิชีวนะหรือไม่ ?
การใช้ยาปฏิชีวนะในผู้ป่วยที่มีอาการปวดฟัน จะใช้เฉพาะกรณีที่ปวดฟันจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่มีการติดเชื้อลุกลามขนาดใหญ่เท่านั้น
หากผู้ป่วยปวดฟันจากการอักเสบ หรือระบบประสาทของฟัน เฉพาะที่ตำแหน่งฟัน โดยไม่มีการบวมลุกลามไปยังตำแหน่งอื่นๆ จะไม่ใช้ยาปฎิชีวนะ
ดังนั้น จึงไม่แนะนำให้ใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อบรรเทาอาการปวดเอง ต้องมาจากทันตแพทย์วินิจฉัยแล้วสั่งจ่ายยาปฏิชีวนะให้เท่านั้น
มียาแก้ปวดฟันที่ใช้แล้วอาการหายขาดเลยหรือไม่ ?
การรับประทานยาบรรเทาอาการปวด เป็นเพียงการบรรเทาอาการ ไม่ได้เป็นการแก้ไขสาเหตุของอาการปวด ผู้ป่วยควรไปพบทันตแพทย์เพื่อทำการประเมินอาการปวดฟันว่า เกิดจากสาเหตุใด และทำการรักษาให้ตรงจุด จึงจะช่วยให้หายปวดได้
อย่ามองข้ามอาการปวดฟันของตนเอง เพราะอาการดังกล่าวอาจเกิดจากปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพฟันที่ร้ายแรง แต่คุณแค่ไม่รู้เท่านั้น และหากรับประทานยาแก้ปวดฟันแล้วไม่ดีขึ้น ให้รีบไปพบทันตแพทย์เพื่อรักษาอาการดังกล่าว
อย่าปล่อยให้ปัญหาปวดฟันลุกลามและรุนแรงจนยากแก้ไข เพราะในที่สุดคุณอาจต้องสูญเสียฟันซี่นั้นไปด้วยการถอนออก และเมื่อถอนออกก็จำเป็นต้องหาอุปกรณ์ทดแทนฟันแท้ หรือฟันปลอม มาใส่ เพื่อไม่ให้ฟันที่เหลือเคลื่อนตัวมาปิดช่องที่ถอนฟันออกไปรวมทั้งเพื่อเสริมบุคลิกภาพ ความมั่นใจ และเอื้อประโยชน์ในการรับประทานอาหาร
แน่นอนว่า ราคาการทำทันตกรรมฟันปลอมในปัจจุบันค่อนข้างสูง และถึงแม้จะสามารถบด เคี้ยว ใช้งานได้เช่นเดียวกับฟันแท้ แต่ประสิทธิภาพที่แท้จริงก็ยังถือว่า น้อยกว่าฟันแท้อยู่
การใส่ฟันปลอมไม่ว่ารูปแบบใดอาจทำให้คุณต้องเผชิญความเจ็บปวดขณะใส่ และอุปกรณ์เหล่านี้ก็มีข้อจำกัดในการใช้งาน มีอายุในการใช้งาน คุณจึงอาจต้องเปลี่ยนฟันปลอมอีกหลายชุดไปตลอดชีวิตด้วย
ตรวจสอบความถูกต้องโดย ทพญ. สิริพัชร ชำนาญเวช