การดูแลสุขภาพดวงตาผู้สูงอายุเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก เนื่องจากผู้สูงอายุมักประสบปัญหาสุขภาพดวงตาและการมองเห็น หากละเลยอาจนำไปสู่โรคตาที่รุนแรงและเสี่ยงสูญเสียการมองเห็นได้ มาดูกันว่าจะมีวิธีใดช่วยดูแลสุขภาพดวงตาผู้สูงอายุบ้าง
สารบัญ
การเปลี่ยนแปลงของสุขภาพดวงตาผู้สูงอายุ และโรคตาพบบ่อย
อายุที่มากขึ้นเป็นปัจจัยที่นำไปสู่การเสื่อมสภาพของร่างกาย รวมถึงอวัยวะสำคัญอย่างดวงตา ส่งผลให้ผู้สูงอายุมักประสบปัญหาเกี่ยวกับดวงตาหรือโรคทางตาตามมา ทำให้ดำเนินชีวิตได้ยากขึ้น และเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
โดยเฉพาะโรคตาที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุดังต่อไปนี้
- ต้อหิน (Glaucoma) เป็นโรคความดันภายในลูกตาจนกระทบต่อขั้วประสาทตาที่อยู่ด้านหลังของลูกตา ทำให้ค่อย ๆ มองไม่เห็นจากด้านข้างเข้าสู่ตรงกลาง และอาจนำไปสู่ตาบอดได้ในอนาคต
- ต้อกระจก (Cataracts) เกิดจากเลนส์ตาขุ่นจนทำให้แสงลอดผ่านไปสู่จอประสาทตาได้น้อยลง จึงมองเห็นภาพไม่ชัด เบลอ หรือตามัว
- โรคจุดภาพชัดที่จอตาเสื่อม (Macular degeneration: MD) ส่งผลให้มองเห็นภาพตรงกลางไม่ชัดหรือผิดปกติ ทว่าภาพรอบข้างยังมองได้ปกติ โดยเกิดจากจุดภาพชัดบริเวณกลางจอประสาทตาเสื่อมลงหรือถูกทำลายจากหลาย ๆ ปัจจัย
- โรคเบาหวานขึ้นตา (Diabetic retinopathy) โดยดวงตานั้นเต็มไปด้วยหลอดเลือดมากมาย เมื่อมีน้ำตาลสะสมในเลือดเป็นเวลานาน หลอดเลือดในร่างกายรวมถึงดวงตาจึงถูกทำลายหรือเสื่อมลง ทำให้มีปัญหาในการมองเห็นตามมาได้
- ตาแห้ง (Dry eyes) เกิดจากต่อมน้ำตาผลิตน้ำตาไม่เพียงพอหรือน้ำตาแห้งไวเกินไป จึงไม่มีน้ำตามากพอจะหล่อเลี้ยงดวงตาให้ชุ่มชื้น ทำให้ระคายเคืองตา เหมือนมีอะไรเข้าตา หรือตาพร่ามัว
- โรคทางตาอื่น ๆ เช่น ภาวะสายตายาวตามอายุ (Presbyopia) สายตาเอียง สายตาสั้น สายตายาว วุ้นตาเสื่อม หรือจอประสาทตาหลุดลอก
นอกจากปัจจัยด้านอายุยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อสุขภาพดวงตาผู้สูงอายุได้ด้วย เช่น พันธุกรรมจากคนในครอบครัว โรคประจำตัว อย่างโรคเบาหวานหรือโรคความดันโลหิตสูง รังสีอัลตราไวโอเลต (UV) การใช้ยาบางชนิด อุบัติเหตุที่ดวงตา หรือการผ่าตัดตา
หากผู้สูงอายุได้รับการตรวจคัดกรองและการรักษาที่มีประสิทธิภาพอย่างทันท่วงที จะช่วยควบคุมหรือชะลอความรุนแรงของโรคได้ อีกทั้งยังลดความเสี่ยงของการสูญเสียการมองเห็นถาวรหรือตาบอดด้วย
5 เคล็ดลับดูแลสุขภาพดวงตาผู้สูงอายุ
การถนอมดวงตาหรือดูแลสุขภาพดวงตาในผู้สูงอายุทำได้หลายวิธีร่วมกัน ซึ่งไม่เพียงแค่เจาะจงดูแลเฉพาะดวงตา แต่การใส่ใจร่างกายแบบองค์รวมก็มีส่วนช่วยให้สุขภาพดวงตาดีขึ้นได้ เช่น
1. ตรวจสุขภาพตาเป็นประจำหรือตามแพทย์แนะนำ
เนื่องจากระยะเริ่มแรกของโรคตาบางโรคอาจไม่พบอาการแสดงออกมา ผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป จึงควรตรวจสุขภาพดวงตาอย่างน้อยปีละครั้ง แม้ไม่มีอาการผิดปกติ เพื่อคัดกรองโรคทางตาต่าง ๆ ไม่ว่าจะต้อกระจก ต้อหิน โรคจุดภาพชัดที่จอตาเสื่อม หรือโรคเบาหวานขึ้นตา
การตรวจสุขภาพดวงตาโดยจักษุแพทย์จะใช้หลายวิธีร่วมกัน เพื่อหาความผิดปกติและประเมินการทำงานของดวงตา เช่น การมองเห็น ค่าสายตา ความดันลูกตา หรือการทำงานของกล้ามเนื้อตา
นอกจากนี้ ยังตรวจส่วนประกอบต่าง ๆ ของดวงตาอย่างกระจกตา รูม่านตา จอประสาทตา ขั้วประสาทตาด้วยกล้องหรือเครื่องมือชนิดพิเศษอื่น ๆ ด้วย
กรณีผู้สูงอายุมีโรคประจำตัวอย่างโรคเบาหวานหรือโรคความดันโลหิตสูง อาจต้องตรวจสุขภาพดวงตาถี่ขึ้นหรือตามนัดหมายจากแพทย์ประจำตัว เพื่อติดตามอาการ ประเมินความสามารถในการมองเห็น และวางแผนการรักษาที่เหมาะสมเรื่อย ๆ
2. ทานอาหารช่วยบำรุงดวงตา
อาหารมีส่วนสำคัญในการดูแลสุขภาพและชะลอความเสื่อมของดวงตา โดยเฉพาะผัก ผลไม้ ผลิตภัณฑ์จากนม ไข่ และเนื้อสัตว์ที่อุดมไปด้วยสารอาหารอันเป็นประโยชน์ต่อดวงตา ยกตัวอย่างเช่น
- วิตามินซี (Vitamin C) เช่น ส้ม ผลไม้ตระกูลเบอร์รี มะเขือเทศ มะขาม ฝรั่ง สับปะรด หรือพริกหยวก
- วิตามินอี (Vitamin E) เช่น อะโวคาโด น้ำมันมะกอก ข้าวโพด อัลมอนด์ หรือถั่วเหลือง
- สังกะสี (Zinc) เช่น หอยนางรม ตับ เนื้อไก่ สัตว์เนื้อแดง หรือถั่ว
- สารแคโรทีนอยด์ (Carotenoids) อย่างลูทีน (Lutein) และซีแซนทีน (Zeaxanthin) เช่น ปวยเล้ง ผักโขม คะน้า หน่อไม้ฝรั่ง มะละกอ ไข่แดง หรือบรอกโคลี
- กรดไขมันโอเมก้า 3 และ 6 (Omega) เช่น ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน วอลนัต หรือน้ำมันดอกทานตะวัน
นอกจากนี้ ผู้สูงอายุควรดื่มน้ำให้เพียงพอ วันละอย่างน้อย 8–12 แก้ว โดยแนะนำให้ดื่มน้ำหลังจากตื่นนอน หรือจิบเรื่อย ๆ ตลอดวันก็ได้เช่นกัน
3. สวมแว่นตาป้องกันแสงแดด รังสี UV และลม
แสงแดดและรังสี UV ถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลเสียต่อดวงตา ดังนั้น หากผู้สูงอายุจำเป็นต้องออกไปนอกบ้านหรือทำกิจกรรมในสถานที่กลางแจ้ง ควรสวมแว่นกันแดดเป็นประจำ แนะนำเลือกแว่นกันแดดที่ป้องกันรังสี UVA อย่างน้อย 95% และ UVB อย่างน้อย 99%
ผู้สูงอายุที่มีปัญหาตาระคายเคืองจากปัจจัยแวดล้อมอย่างลม ฝุ่น หรือควัน เช่น ตาแห้ง ต้อลม (Pinguecula) หรือต้อเนื้อ (Pterygium) ควรเลือกแว่นตากันแดดที่ป้องกันลมร่วมด้วยได้ เพื่อการป้องกันที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น
4. พักสายตาและใช้สายตาในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
หมั่นพักสายตาระหว่างวัน แนะนำให้พักสายตาทุก 20 นาที มองออกไปไกล ๆ ประมาณ 20 ฟุต นาน 20 วินาที ขณะทำกิจกรรมที่ใช้สายตายังควรอยู่ในพื้นที่ที่มีแสงพอเหมาะ ป้องกันการใช้สายตาหนักเกินไป
นอกจากนี้ยังสามารถกะพริบตาบ่อย ๆ เพื่อกระจายน้ำตาไปทั่วดวงตา หรือหยอดน้ำตาเทียมเพื่อหล่อลื่นและเติมความชุ่มชื้นให้ดวงตาได้ โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีปัญหาตาแห้งหรือระคายเคืองตา
5. ดูแลโรคประจำตัวและปรับพฤติกรรมเสี่ยง
ผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวานหรือโรคความดันโลหิตสูง ควรดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อความคุมระดับน้ำตาลในเลือดหรือความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ และลดความเสี่ยงโรคเบาหวานขึ้นตาและปัญหาหลอดเลือดดวงตา
โดยอาจเน้นปรับพฤติกรรมตนเอง เช่น ทานอาหารที่เหมาะสมหรือน้ำตาลต่ำ หลีกเลี่ยงอาหารน้ำและไขมันสูง หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ ร่วมกับทานยารักษาโรคตามที่แพทย์สั่งให้ครบถ้วนและตรงเวลา
สุขภาพดวงตาของผู้สูงอายุนั้นเปลี่ยนแปลงและเสื่อมลงตามกาลเวลา การหันใส่ใจดูแลสุขภาพดวงตาอยู่เสมอ รวมถึงการตรวจสุขภาพตาเป็นประจำตั้งแต่ยังไม่พบความผิดปกติใด ๆ จะช่วยป้องกันหรือชะลอการเกิดโรคทางตา และยังคงการมองเห็นที่ดีไว้กับเราได้นานขึ้นด้วย
หากผู้สูงอายุพบอาการผิดปกติเกี่ยวกับดวงตา เช่น มองเห็นภาพเบลอ ภาพซ้อน หยากไย่ เส้นหรือจุดลอยไปมา ปวดตา ตาแดง เปลือกตาบวม ได้รับอุบัติเหตุที่ดวงตา หรือสูญเสียการมองเห็นฉับพลัน ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาโดยเร็ว
อายุยิ่งมาก สุขภาพดวงตายิ่งเสี่ยง รีบพาคนที่เรารักไป ตรวจสุขภาพตา ก่อนจะสาย ที่ HDmall.co.th มีแพ็กเกจให้เลือกครบ ราคาพิเศษ จากสถานพยาบาลใกล้บ้าน