น้องชายไม่แข็ง นกเขาไม่ขัน หลั่งช้า เร็ว หรือแข็งตัวไม่สุด ความต้องการทางเพศลดลง ผู้ชายคนไหนกำลังประสบปัญหานี้แล้วรู้สึกกังวลใจ คิดว่ากำลังเป็นโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศหรือเปล่า? อยากรู้ว่าโรคนี้เป็นอย่างไร สาเหตุเกิดจากอะไร อาการ และรักษาด้วยวิธีไหนได้บ้าง บทความนี้จะตอบทุกความกังวลใจให้คุณ
สารบัญ
โรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศชาย คืออะไร?
“หย่อนสมรรถภาพทางเพศ” (Erectile Dysfunction: ED) คือ ภาวะที่อวัยวะเพศชายไม่สามารถแข็งตัว หรือแข็งตัวได้ไม่เพียงพอสำหรับการมีเพศสัมพันธ์อย่างสมบูรณ์ ซึ่งอาจเกิดขึ้นชั่วคราวหรือเป็นระยะยาว ส่งผลต่อคุณภาพชีวิต ความมั่นใจ และความสัมพันธ์กับคู่รักได้
แม้จะเป็นเรื่องที่หลายคนอาจเขินอายหรือไม่กล้าพูดถึง แต่ในความเป็นจริงการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ เป็นโรคที่พบได้บ่อย และสามารถรักษาได้ หากได้รับการวินิจฉัยและดูแลที่เหมาะสม
สาเหตุของโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
โรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ หรืออวัยวะเพศไม่สามารถแข็งตัวได้อย่างเพียงพอสำหรับการมีเพศสัมพันธ์ เกิดจากหลายปัจจัยที่ซับซ้อน อาจเกิดจากปัญหาทางร่างกาย จิตใจ หรือพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน โดยแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มหลัก
1. สาเหตุทางกายภาพ
เป็นสาเหตุที่พบบ่อยในผู้ชายที่มีอายุมากหรือมีโรคประจำตัว เกิดได้จากสาเหตุดังนี้
- โรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน (Diabetes) ทำให้เส้นประสาทและหลอดเลือดที่ส่งไปยังอวัยวะเพศเสื่อมสภาพ ความดันโลหิตสูง และ ไขมันในเลือดสูง ส่งผลให้หลอดเลือดตีบ แข็งตัวไม่เพียงพอ
- โรคหัวใจและหลอดเลือด (Cardiovascular Disease) ภาวะหลอดเลือดแข็งตัว หรือการไหลเวียนเลือดไปยังองคชาตไม่ดี ทำให้ไม่สามารถแข็งตัวได้ตามต้องการ
- ภาวะฮอร์โมนต่ำ (Low Testosterone) โดยเฉพาะฮอร์โมนเพศชาย “เทสโทสเตอโรน” ซึ่งมีบทบาทต่อความต้องการทางเพศ หากต่ำเกินไปอาจทำให้สมรรถภาพลดลง
- โรคระบบประสาท (Neurological Conditions) เช่น พาร์กินสัน อัลไซเมอร์ เส้นประสาทถูกทำลายจากเบาหวาน หรืออุบัติเหตุที่กระทบไขสันหลัง ล้วนรบกวนการส่งสัญญาณจากสมองไปยังอวัยวะเพศ
- การผ่าตัดหรืออุบัติเหตุบริเวณเชิงกราน เช่น การผ่าตัดต่อมลูกหมาก (Prostatectomy) การฉายแสงในมะเร็งเชิงกราน หรือกระดูกเชิงกรานหัก อาจทำให้เส้นประสาทเสียหาย
2. สาเหตุทางจิตใจ
พบมากในผู้ชายอายุน้อย หรือผู้ที่ไม่มีโรคร่วมทางกายภาพ เกิดได้จากสาเหตุดังนี้
- ความเครียดและวิตกกังวล ความเครียดสะสมจากงาน การเงิน หรือปัญหาชีวิต ส่งผลต่อการทำงานของสมองและฮอร์โมน ส่งผลให้เกิดโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
- ภาวะซึมเศร้า (Depression) เป็นภาวะที่ส่งผลทั้งต่อสมอง ฮอร์โมน และความรู้สึกต้องการทางเพศ รวมถึงอาจเกิดร่วมกับการใช้ยาต้านซึมเศร้า ซึ่งมีผลข้างเคียงคือเสื่อมสมรรถภาพ
- ปัญหาความสัมพันธ์กับคู่รัก ความขัดแย้งในชีวิตคู่ ขาดความไว้ใจ หรือไม่มีความพึงพอใจในการมีเพศสัมพันธ์ อาจทำให้เกิดความกดดันและความวิตกกังวลในการร่วมเพศ
- ประสบการณ์ทางเพศล้มเหลวในอดีต เช่น เคยแข็งตัวไม่เพียงพอ หรือเสร็จเร็ว ทำให้สูญเสียความมั่นใจ และกลัวจะเกิดซ้ำอีกในอนาคต
3. สาเหตุจากพฤติกรรม
พฤติกรรมประจำวันมีผลโดยตรงต่อระบบไหลเวียนเลือดและสมรรถภาพทางเพศ เกิดได้จากสาเหตุดังนี้
- การสูบบุหรี่ นิโคตินทำลายหลอดเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนได้ไม่ดี อวัยวะเพศจึงแข็งตัวได้ไม่เต็มที่
- การดื่มแอลกอฮอล์ การดื่มมากเกินไปเป็นเวลานาน ทำให้สมรรถภาพทางเพศลดลง ทั้งในแง่ของฮอร์โมนและระบบประสาท
- การใช้สารเสพติดและยาบางชนิด ยาเสพติด เช่น ยาไอซ์ เฮโรอีน มีผลต่อระบบประสาทโดยตรง นอกจากนี้ยังรวมถึงยาลดความดันโลหิตบางชนิด หรือยาต้านเศร้า ก็อาจมีผลข้างเคียงทำให้แข็งตัวได้น้อยลงเช่นกัน
- การนอนหลับไม่เพียงพอ การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอส่งผลต่อการสร้างฮอร์โมนและสมดุลระบบประสาท อาจทำให้ระดับเทสโทสเตอโรนลดลง
- การไม่ออกกำลังกาย ทำให้เลือดไหลเวียนไม่ดี ไขมันในเลือดสูง น้ำหนักเกิน ซึ่งล้วนส่งผลทางอ้อมต่อสมรรถภาพทางเพศ
อาการของโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศในผู้ชาย หมายถึง ความผิดปกติในการแข็งตัวของอวัยวะเพศ ไม่สามารถทำกิจกรรมทางเพศได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยอาการสำคัญมีดังนี้
- อวัยวะเพศไม่สามารถแข็งตัวได้เลยแม้มีสิ่งกระตุ้น เกิดขึ้นแม้ได้รับการกระตุ้นทางเพศโดยตรง เช่น การเล้าโลม หรือจากจินตนาการทางเพศ แต่อวัยวะเพศกลับไม่ตอบสนอง ไม่มีการแข็งตัว หรือแข็งตัวเพียงเล็กน้อยจนไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้
- แข็งตัวได้ไม่เต็มที่ หรือไม่สามารถคงสภาพแข็งตัวไว้ได้นาน ผู้ป่วยอาจมีการแข็งตัวเพียงบางส่วน หรือแข็งตัวได้ในระยะสั้น ทำให้การมีเพศสัมพันธ์ไม่สมบูรณ์ เช่น หลุดระหว่างมีเพศสัมพันธ์ หรือต้องหยุดกลางคัน
- แข็งตัวเฉพาะบางช่วงเวลา เช่น ขณะหลับ แต่ไม่แข็งตัวขณะมีเพศสัมพันธ์จริง อาจพบในผู้ที่มีสาเหตุจากภาวะทางจิตใจ เช่น ความกังวล ความเครียด หรือความไม่มั่นใจต่อคู่ครอง ซึ่งรบกวนการทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติ
- ความต้องการทางเพศลดลง แม้อวัยวะเพศยังสามารถตอบสนองได้บ้าง แต่ความรู้สึกอยากมีเพศสัมพันธ์หายไป หรือรู้สึกเฉยๆ ต่อสิ่งเร้าเพศ อาจสัมพันธ์กับภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำหรือภาวะซึมเศร้า
- รู้สึกไม่มั่นใจในการมีเพศสัมพันธ์ มีความวิตกกังวลหรือกลัวว่าจะล้มเหลว บางรายหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่รู้ตัว เพราะกลัวความล้มเหลว ซึ่งยิ่งทำให้อาการรุนแรงขึ้น จนกลายเป็นปัญหาทางจิตใจเรื้อรัง
กลุ่มเสี่ยงของโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
แม้ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศจะเกิดได้กับผู้ชายทุกวัย แต่บางกลุ่มมีความเสี่ยงสูงเป็นพิเศษ โดยเฉพาะกลุ่มดังนี้
- ผู้ชายอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป เมื่ออายุมากขึ้น ความยืดหยุ่นของหลอดเลือดจะลดลง การไหลเวียนเลือดไปยังอวัยวะเพศลดลง และฮอร์โมนเพศชายก็มีแนวโน้มลดลงตามวัย ซึ่งส่งผลต่อการแข็งตัวของอวัยวะเพศ
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจ โรคเหล่านี้ทำให้หลอดเลือดเสื่อมลง การไหลเวียนเลือดไปยังอวัยวะเพศลดลง นอกจากนี้ยังอาจมีผลต่อระบบประสาทที่เกี่ยวกับการควบคุมการแข็งตัว
- ผู้ที่มีภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำ ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) มีบทบาทสำคัญต่อการควบคุมสมรรถภาพทางเพศ ความต้องการทางเพศ และอารมณ์ หากต่ำกว่าระดับปกติจะส่งผลต่อการแข็งตัว
- ผู้ที่สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ หรือใช้สารเสพติด พฤติกรรมเหล่านี้ส่งผลโดยตรงต่อระบบหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดหดเกร็งหรืออุดตัน และอาจไปกดการทำงานของฮอร์โมนเพศด้วย
- ผู้ที่มีภาวะเครียด วิตกกังวล หรือมีภาวะซึมเศร้า ความเครียดและอารมณ์ด้านลบมีผลต่อการหลั่งสารสื่อประสาทในสมอง ซึ่งเกี่ยวข้องกับการกระตุ้นทางเพศ หากสมองไม่สามารถส่งสัญญาณไปยังอวัยวะเพศได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะทำให้เกิดภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
- ผู้ที่เคยผ่าตัดบริเวณเชิงกราน เช่น ผ่าตัดต่อมลูกหมาก มะเร็งลำไส้ หรือได้รับอุบัติเหตุที่กระดูกเชิงกรานหรือไขสันหลัง การผ่าตัดหรือบาดเจ็บเหล่านี้อาจทำให้เส้นประสาทหรือหลอดเลือดที่เกี่ยวข้องกับการแข็งตัวถูกทำลาย ส่งผลให้การทำงานของอวัยวะเพศบกพร่อง
วิธีรักษาโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
แนวทางการรักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ มีหลากหลายรูปแบบ ขึ้นกับสาเหตุและความรุนแรงของอาการ โดยแพทย์จะพิจารณาแบบเฉพาะราย
- ปรับพฤติกรรมและดูแลสุขภาพทั่วไป การเลิกบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ให้น้อยลง ควบคุมอาหารและน้ำหนัก ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ มีผลช่วยฟื้นฟูหลอดเลือดและระบบฮอร์โมนให้กลับมาทำงานดีขึ้น
- ใช้ยากลุ่ม PDE5 Inhibitors เช่น Sildenafil, Tadalafil เป็นยาที่ช่วยให้หลอดเลือดที่อวัยวะเพศขยายตัวดีขึ้น เพิ่มการไหลเวียนเลือด ช่วยให้อวัยวะเพศแข็งตัวได้ดีขึ้น ต้องใช้ก่อนมีเพศสัมพันธ์และควรใช้ภายใต้คำแนะนำแพทย์
- ฉีดยาหรือสอดยาเฉพาะที่บริเวณอวัยวะเพศ ในรายที่ไม่ตอบสนองต่อยารับประทาน แพทย์อาจแนะนำให้ฉีดยาเข้าอวัยวะเพศ เพื่อกระตุ้นการแข็งตัวโดยตรง หรือใช้ยาสอดในท่อปัสสาวะ เป็นวิธีที่ให้ผลทันทีแต่ต้องได้รับการฝึกใช้อย่างถูกต้อง
- การรักษาด้วยฮอร์โมนเพศชาย (Testosterone Replacement Therapy) ในผู้ป่วยที่มีระดับฮอร์โมนเพศชายต่ำกว่าปกติ อาจพิจารณาเสริมฮอร์โมนในรูปแบบเจล ทา ฉีด หรือฝังฮอร์โมน เพื่อช่วยฟื้นฟูความต้องการทางเพศและสมรรถภาพโดยรวม
- การรักษาทางจิตวิทยา (Sexual Counseling หรือ Psychotherapy) กรณีที่มีสาเหตุจากความเครียด วิตกกังวล หรือภาวะซึมเศร้า ควรปรึกษานักจิตวิทยา หรือนักบำบัดทางเพศ เพื่อปรับทัศนคติและคลายความกังวลที่ส่งผลต่อสมรรถภาพทางเพศ
- การทำ PRP หรือ Shockwave Therapy เป็นนวัตกรรมที่ใช้กระตุ้นหลอดเลือดหรือเซลล์ในอวัยวะเพศให้กลับมาทำงานดีขึ้น เหมาะกับผู้ที่ไม่ตอบสนองต่อยา โดยยังอยู่ในระยะการวิจัยและพัฒนา
- การผ่าตัดใส่อุปกรณ์เสริมในอวัยวะเพศ (Penile Prosthesis) เป็นทางเลือกสุดท้ายในรายที่การรักษาอื่นไม่ได้ผล โดยการฝังแท่งซิลิโคนหรืออุปกรณ์สุญญากาศเพื่อช่วยให้อวัยวะเพศแข็งตัวได้ตามต้องการ
วิธีป้องกันโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
การดูแลสุขภาพมีผลต่อการชะลอหรือป้องกันภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยแนวทางที่แนะนำ ได้แก่
- ควบคุมโรคประจำตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ควรตรวจสุขภาพเป็นประจำ และรักษาโรคที่มีอยู่ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือไขมันในเลือดสูง ให้อยู่ในระดับปลอดภัย เพื่อป้องกันไม่ให้เส้นเลือดเสื่อมก่อนวัย
- รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ภาวะอ้วนทำให้เกิดฮอร์โมนไม่สมดุล เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ และโรคเรื้อรังอื่นๆ เช่น เบาหวาน และความดัน
- หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง เช่น สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ หรือใช้สารเสพติด พฤติกรรมเหล่านี้ทำลายระบบไหลเวียนเลือด และส่งผลเสียต่อระบบประสาทและฮอร์โมนเพศ
- ออกกำลังกายสม่ำเสมออย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน ช่วยกระตุ้นการทำงานของหัวใจและหลอดเลือด ทำให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะเพศได้ดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดความเครียดและปรับสมดุลฮอร์โมน
- นอนหลับให้เพียงพอ 6–8 ชั่วโมงต่อคืน การนอนหลับมีผลต่อการหลั่งฮอร์โมนเพศ ดังนั้นการพักผ่อนอย่างมีคุณภาพจึงช่วยฟื้นฟูร่างกายและเพิ่มสมรรถภาพทางเพศได้
- ดูแลสุขภาพจิตใจให้ผ่อนคลาย หลีกเลี่ยงความเครียดเรื้อรัง หากมีปัญหาทางอารมณ์ควรปรึกษาผู้ชำนาญการเพื่อหาทางแก้ไข เพราะสุขภาพจิตมีผลโดยตรงต่อการตอบสนองทางเพศ
หากคุณหรือคู่รักกำลังเผชิญกับภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ อย่าละเลยสัญญาณเตือนเหล่านี้ เพราะการเข้ารับการตรวจและรักษาอย่างถูกต้องตั้งแต่เนิ่นๆ สามารถช่วยฟื้นฟูสุขภาพกาย ใจ และความมั่นใจกลับคืนมาได้
นกเขาไม่ขัน น้องชายไม่แข็งตัว เกิดจากอะไร? รักษาอย่างไรได้บ้าง? อยากปรึกษาคุณหมอ ตรวจให้แน่ชัด ทักหาทีม HDcare ได้เลย เราพร้อมเป็นผู้ช่วยส่วนตัวดูแลสุขภาพคุณ สอบถามข้อมูลเบื้องต้นกับคุณหมอเฉพาะทาง ทำนัดปรึกษาคุณหมอได้รวดเร็ว จาก รพ. หรือคลินิกใกล้คุณได้ทันที คลิกที่นี่เลย