การจัดฟันแบบโลหะ มีข้อดี-ข้อเสีย อย่างไร

การจัดฟันแบบโลหะ มีข้อดี-ข้อเสีย อย่างไร

เรามักเห็นเด็กนักเรียนประถม เด็กมัธยม นักศึกษา ไปจนถึงคนวัยทำงานนิยม “จัดฟันแบบโลหะ” การจัดฟันที่โดดเด่นด้วยการใช้ลวดโลหะไร้สนิม (stainless steel) ที่หลายคนมักเรียกว่า “เหล็ก” คาดทับฟันและใส่ยางรัดสีๆ ซึ่งสามารถเปลี่ยนโทนสีได้ทุกเดือน

มีคำถามเกี่ยวกับ จัดฟันโลหะ? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

เวลายิ้ม หรือพูดแต่ละครั้ง ก็จะมองเห็นเครื่องมือเหล่านี้อย่างชัดเจน บางคนเริ่มจัดฟันก็กลายเป็นคนพูดไม่ชัด อย่างไรก็ตาม การจัดฟันแบบโลหะก็กลายเป็นแฟชั่นยอดฮิตช่วงหนึ่งที่เกิดขึ้นในเมืองไทย ถึงขั้นมีจัดฟันเถื่อน ของทำเทียมเกิดขึ้นมากมาย ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพเหงือกและฟันตามมาในหลายๆ รายแท้จริงแล้วการจัดฟัน (Orthodontic Treatment) คืออะไร การจัดฟันแบบโลหะที่นิยมกันนั้นคืออะไร มีข้อดี ข้อเสีย อย่างไร

การจัดฟันแบบโลหะธรรมดาต่างจากแบบอื่นอย่างไร

การจัดฟันแบบโลหะ หรือการจัดฟันแบบธรรมดา หรือชื่อทางการว่า “การจัดฟันด้วยเครื่องมือจัดฟันชนิดติดแน่นด้านนอกแบบโลหะ (Metal Braces)” เป็นการใช้เครื่องมือจัดฟันโลหะที่เรียกว่า “แบร็คเก็ต (bracket)” ติดไว้บนผิวฟันด้านหน้า แล้วจึงวางลวดโลหะไร้สนิมผ่านร่องของเครื่องมือ (Braces)

จากนั้นก็ใช้ยางสีๆ ที่เราเห็นรัดตัวเครื่องมือจัดฟันให้ติดกับลวดจัดฟันอีกครั้ง อุปกรณ์ทั้งหมดนี้จะช่วยให้ฟันเคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งที่เหมาะสมตามที่ทันตแพทย์ตั้งใจ

มีคำถามเกี่ยวกับ จัดฟันโลหะ? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

การจัดฟันแบบโลหะธรรมดามีการใส่ยางรัดสีสันต่างๆ ติดกับเครื่องมือจัดฟัน ซึ่งแตกต่างจากการจัดฟันโลหะแบบดามอนที่ไม่ต้องใส่ยางรัดฟันสีๆ และการจัดฟันแบบใส ที่ไม่ต้องใช้เครื่องมือโลหะ หรือลวดจัดฟัน

ข้อดีของการจัดฟันแบบลวดโลหะ

  • คนไข้มีค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด ถ้าเทียบกับการจัดฟันแบบดามอน หรือการจัดฟันแบบใส การจัดฟันแบบโลหะธรรมดานั้นมีราคาถูกกว่าครึ่งต่อครึ่ง นี่จึงเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ใครต่อใครนิยมเลือกการจัดฟันแบบโลหะเป็นส่วนใหญ่
  • สามารถจัดฟันได้ทุกรูปแบบ เช่น ฟันเก ฟันซ้อน ฟันยื่น ฟันห่าง ฟันล้ม
  • ได้ใส่ยางรัดฟัน หลายๆ คนชื่นชอบและสนุกกับการเลือกสียางรัดฟัน และเปลี่ยนสีสันไปเรื่อยๆ ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนยาง เรียกได้ว่า เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของการจัดฟันแบบนี้เลยก็ว่าได้ บางครั้งโทนสีของยางจัดฟันก็สามารถบ่งบอกบุคลิกตัวตนของเราได้เหมือนกันนะ
  • มีคลินิกให้บริการทั่วไป เนื่องจากเครื่องมือจัดฟันแบบโลหะนั้นไม่ซับซ้อนเท่าเครื่องมือจัดฟันแบบอื่น คลินิกทันตกรรมในทุกจังหวัดก็มักมีบริการจัดฟันแบบนี้อยู่แล้ว

ข้อเสียของการจัดฟันแบบโลหะ

  • เจ็บกว่าวิธีอื่น เนื่องจากการใช้ลวดยึดติดกับยางรัดฟันทำให้มีแรงดึงฟันมาก ผู้จัดฟันจึงมักรู้สึกเจ็บระบมไปทั้งปาก โดยเฉพาะช่วงแรกๆ ที่ฟันเริ่มเคลื่อนตำแหน่ง อีกทั้งปลายเส้นลวดทั้งบนและล่างรวมทั้งส่วนของเครื่องมือที่ยึดติดกับฟันยังอาจเสียดสี หรือเกี่ยวกับช่องปากทำให้ระคายเคือง บาด เป็นแผล บวม หรืออักเสบได้
  • ดูแลความสะอาดยาก ลวดจัดฟันในปากจะเป็นตัวขัดขวางทำให้แปรงฟันได้ไม่สะดวก อีกทั้งยางรัดฟันยังเป็นตัวสะสมคราบอาหารและแบคทีเรียทำให้เสี่ยงต่อการเกิดฟันผุ เหงือกอักเสบ จึงต้องใช้เวลาและใช้อุปกรณ์ดูแลความสะอาดมากเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเหล่านี้ตามมา
  • มีปัญหาในการพูด และการเคี้ยวอาหาร หลายๆ คนที่จัดฟันแบบลวดโลหะมักมีปัญหาพูดไม่ชัด หรือเคี้ยวอาหารไม่สะดวก เพราะลวดจัดฟันเป็นอุปสรรคในช่องปาก ซึ่งต้องใช้เวลาสักพักถึงจะเริ่มคุ้นชิน
  • ไม่สามารถปกปิดเครื่องมือจัดฟันได้ บุคคลภายนอกจะรู้ทันทีว่า คุณอยู่ในช่วงจัดฟัน การจัดฟันแบบนี้จึงอาจไม่เหมาะในบางอาชีพ และหากมีความจำเป็นต้องถอดออกด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม นั่นหมายถึง การถอดออกอย่างถาวรเท่านั้น อีกทั้งคุณยังไม่สามารถถอดเครื่องมือเองและใส่เครื่องมือเองได้ ถ้าคิดจะกลับมาใส่เครื่องมือนี้ใหม่ คุณต้องเริ่มต้นจัดฟันใหม่นั่นเอง
  • ต้องไปพบทันตแพทย์บ่อยๆ การจัดฟันแบบโลหะ คุณต้องไปพบทันตแพทย์ทุกๆ 3 – 5 สัปดาห์ เพื่อเปลี่ยนลวดและยางจัดฟัน เพื่อให้ฟันค่อยๆ เคลื่อนไปในตำแหน่งที่วางแผนไว้นั่นเอง แต่เงื่อนไขนี้ทำให้หลายๆ คนที่บ้านอยู่ไกลจากคลินิกทันตกรรม ลางานลำบาก ติดเรียน ฯลฯ จึงรู้สึกไม่สะดวก บางคนก็ละเลยไม่ยอมไปพบทันตแพทย์ตามนัดทำให้ต้องใช้เวลาจัดฟันนานกว่าที่ควร
  • การจัดฟันแบบโลหะธรรมดา ปกติจะใช้เวลาในการจัดฟันนาน ประมาณ 1-2 ปี หรือมากกว่านั้น

การดูแลรักษาและข้อควรระวังในการจัดฟันแบบโลหะ

  • ควรหลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารที่แข็ง กรอบ หรือเหนียวมากๆ เพราะอาจทำให้แบร็คเก็ต หรือยางหลุด ลวดจัดฟันโค้งงอ หรือมีเศษอาหารไปติดกับเครื่องมือจัดฟันได้
  • แปรงฟันให้ทั่วถึงทั้งด้านนอกและด้านในตัวฟันบอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง หรือหลังการรับประทานอาหารทุกมื้อ
  • แปรงบริเวณแบร็คเก็ตและลวดจัดฟันให้ทั่ว อย่างน้อยซี่ละ 5 ครั้ง
  • ใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์เพื่อป้องกันฟันผุและอาจใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีฟลูออไรด์ช่วยได้
  • ใช้ไหมขัดฟันชนิดสำหรับคนไข้จัดฟัน ทุกวัน อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง
  • ไปพบทันตแพทย์ตามนัดทุก 3 – 5 สัปดาห์ เพื่อเปลี่ยนลวดและยาง เพื่อปรับลวดเคลื่อนฟันและไม่ให้ยางเสื่อมสภาพ รวมทั้งป้องกันไม่ให้มีการสะสมของเชื้อโรค

การจัดฟันแบบโลหะเหมาะกับใคร

  • เหมาะกับคนทั่วไปที่มีฟันแท้ขึ้นครบและอยากมีฟันเรียงสวย โดยไม่มีปัญหาในการมาพบทันตแพทย์บ่อยๆ

ระยะเวลาในการจัดฟันแบบโลหะ

เฉลี่ยแล้วใช้เวลาประมาณ 1-2 ปี หรือมากกว่า ขึ้นอยู่กับสภาพการเรียงตัวของฟันของแต่ละคน โดยหลังถอดเครื่องมือจัดฟันออกแล้วยังจำเป็นต้องใส่รีเทนเนอร์ต่อไปอีกอย่างน้อย 1 ปี หรือตามที่ทันตแพทย์แนะนำ เพื่อคงสภาพฟันไม่ให้เคลื่อนกลับไปตำแหน่งเดิม

ราคาการจัดฟันแบบโลหะ

ประมาณ 35,000 – 65,000 บาท ขึ้นอยู่กับลักษณะการเรียงตัวของฟัน โดยมีการแบ่งจ่ายรายครั้ง

ก่อนการตัดสินใจจัดฟันควรศึกษา ทำความเข้าใจรายละเอียดของการจัดฟันแบบต่างๆ หรือวิธีที่ดีที่สุดคือ การไปพบปรึกษาทันตแพทย์เพื่อขอคำแนะนำที่ถูกต้องและเหมาะสม


ตรวจสอบความถูกต้องโดย ทพญ.สิริพัชร ชำนาญเวช

มีคำถามเกี่ยวกับ จัดฟันโลหะ? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

หากคุณติดตั้ง LINE บนคอมพิวเตอร์ของคุณแล้ว ระบบจะเปิดบัญชีทางการ LINE ของ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ โดยอัตโนมัติ

หากคุณยังไม่ได้ติดตั้ง LINE บนเดสก์ท็อป โปรดสแกน QR โค้ดด้วย LINE บนโทรศัพท์มือถือของคุณเพื่อเริ่มแชทกับ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ