การเบื่ออาหาร กับโรคไข้หวัด

การเบื่ออาหาร กับโรคไข้หวัด

ในเวลาที่เราป่วย เป็นไข้หวัด ไม่สบาย ก็มักจะเบื่ออาหาร ไม่อยากกินข้าว แม้ว่าจะมีอาหารจากร้านดัง หรือของหวานที่ชื่นชอบมาวางตรงหน้าก็ตาม

อย่างไรก็ตาม ความจริงแล้วในช่วงที่เป็นไข้หวัดร่างกายกลับต้องการสารอาหารมากกว่าปกติ เพื่อฟื้นฟูสุขภาพร่างกายให้กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม เราจึงต้องใส่ใจการรับประทานอาหารในช่วงที่ป่วยให้มากๆ

ทำไมเป็นไข้ ไม่สบาย แล้วอ่อนเพลีย

ในช่วงที่เราป่วย มีไข้ อุณหภูมิในร่างกายจะสูงกว่าปกติ ทำให้ขบวนการเผาผลาญของร่างกายจะทำงานหนักขึ้น ส่งผลให้เพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงาน และใช้พลังงานที่มีอยู่หมดไปอย่างรวดเร็วกว่าปกติ ทำให้ร่างกายต้องการพลังงานจากภายนอกไปทดแทนส่วนที่ใช้หมดไป

หากผู้ป่วยมีไข้สูง ร่างกายก็จะยิ่งเผาผลาญพลังงานมากขึ้น ทำให้ต้องรับประทานอาหารเพิ่มมากขึ้นไปด้วย แต่ผู้ป่วยส่วนมากมักเบื่ออาหาร รับประทานอาหารได้น้อยกว่าปกติ ร่างกายจึงต้องเอาพลังงานที่สะสมไว้มาใช้

ไขมันและกล้ามเนื้อที่สะสมไว้จะถูกนำมาใช้เป็นพลังงานแทนอาหาร หากเจ็บไข้ไม่สบายเพียง 2-3 วัน อาจจะไม่มีความเปลี่ยนแปลงอะไร แต่ถ้าเป็นไข้หลายวันย่อมเห็นได้ชัด

การที่ผู้ป่วยไข้หวัดได้รับพลังงานไม่เพียงพอกับที่ใช้ไป จะทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย ซูบผอม และซีดเซียวลงนั่นเอง

ระบบภูมิคุ้มกันสำคัญกับโรคไข้หวัดอย่างไร?

ไข้หวัดเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส ไม่สามารถใช้ยาปฏิชีวนะรักษาได้ ต้องให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย หรือที่เรียกกันว่า “ภูมิต้านทานโรค กำจัดเชื้อไวรัสเอง”

ขบวนการต้านทานโรคของร่างกายนั้นเป็นเรื่องซับซ้อน แต่พอสรุปได้ว่า เมื่อเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย ร่างกายจะใช้ทั้งเม็ดเลือดขาวเข้าไปโจมตีและผลิตแอนติบอดี (Antibody) ออกมากำจัดเชื้อโรค

การที่ร่างกายจะแพ้ หรือชนะเชื้อโรคนั้น ขึ้นอยู่กับคุณภาพ หรือประสิทธิภาพของภูมิต้านทานโรคที่ผลิตขึ้น โดยส่วนสำคัญที่ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพก็คือ สารอาหารต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโปรตีน เกลือแร่ หรือวิตามิน

อาหาร เป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาโรค

ในยามที่มีไข้ แม้จะเป็นไข้หวัดธรรมดา ก็ควรพยายามรับประทานอาหารให้ได้มากที่สุด ไม่จำเป็นต้องรับประทานทีละมากๆ อาจจะค่อยๆ รับประทานทีละน้อย วันละหลายๆ มื้อก็ได้

อาหารที่ควรรับประทานนั้นจะต้องหลากหลาย และอุดมไปด้วยสารที่ช่วยกระตุ้นให้ระบบภูมิกันทำงานได้ปกติ เช่น เบต้าแคโรทีน วิตามินซี อี หรือดี

เมื่อร่างกายได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ หรือเมื่อเรามีภาวะโภชนาการที่ดี ก็จะทำให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันที่มีส่วนสำคัญในการรักษาโรคไข้หวัด

ข้อดีของการมีภาวะโภชนาการดี

เราควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์อยู่เสมอ ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงที่ร่างกายแข็งแรงเป็นปกติ หรือช่วงที่ป่วย ด้วยเหตุผลต่อไปนี้

  • ผู้ที่มีภาวะโภชนาการดี ได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ จะมีภูมิต้านทานโรคสูงกว่าผุ้ที่ไม่สนใจเรื่องอาหารการกิน หรือผู้ที่มีภาวะทุพโภชนาการ
  • ผู้ที่มีภาวะโภชนาการดีจะมีสารอาหารหลายอย่างสะสมไว้ในร่างกายเพียงพอที่จะใช้ต้านทานโรค เมื่อได้รับเชื้อโรคก็อาจจะไม่มีอาการเจ็บไข้ เพราะสามารถกำจัดเชื้อโรคได้ทันท่วงที
  • ผู้ที่มีภาวะโภชนาการดี เมื่อป่วยเป็นไข้หวัดก็จะหายเร็วกว่าผู้ที่มีภาวะโภชนาการไม่ดีมาก

อาหารที่ย่อยง่ายและมีไขมันดี เป็นอาหารที่เหมาะกับผู้ป่วยไข้หวัดที่สุด

อาหารจำพวกซุป เช่น ข้าวต้มเครื่องที่ไม่เลี่ยนมาก โจ๊ก ซุปไก่ หรือซุป ล้วนคล่องคอ กลืนง่าย เหมาะกับผู้ป่วยไข้หวัดมาก เพราะรับประทานง่าย ย่อยง่าย และอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการสูง

นอกจากนี้การจิบชาอุ่นๆ เป็นประจำ ก็จะช่วยบรรเทาอาการคัดจมูก น้ำมูกไหลได้

แต่หากผู้ป่วยอยากรับประทานของหวานเพื่อเพิ่มความสดชื่น แนะนำให้ดื่มน้ำผักผลไม้ปั่น นอกจากจะมีรสชาติอร่อยแล้ว ยังอุดมไปด้วยวิตามินต่างๆ เช่น วิตามินซี อี เอ หรือเบต้าแคโรทีน ที่ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงในช่วงที่เป็นไข้หวัด

ยังไม่มีการศึกษาที่ชัดเจนนักว่า ควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทใดในช่วงที่ป่วยเป็นโรคไข้หวัด

อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีผลในภูมิคุ้มกันร่างกายลดต่ำลง ได้แก่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และพยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่มีปริมาณน้ำตาลและไขมันอิ่มตัวสูง(เช่น อาหารตะวันตก)

เนื่องจากพบว่า อาหารและเครื่องดื่มเหล่านี้มีความสัมพันธ์กับการเพิ่มการอักเสบได้

 

โรคไข้หวัด หรือไข้หวัดใหญ่ ส่วนใหญ่มักเกิดจากการติดเชื้อไวรัส ซึ่งการรักษาระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ จะช่วยให้เราสามารถป้องกันโรคนี้ได้

ทำได้โดยการพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมากๆ รักษาสุขภาพจิตให้ดี รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายเป็นประจำ และฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปี


ตรวจสอบความถูกต้องโดย นพ. พิสุทธิ์ พงษ์ชัยกุล

Scroll to Top