แก้วมังกร ผลไม้รูปร่างแปลก เปลือกสีแดงอมม่วง เนื้อข้างในสีขาว มีเม็ดเล็กๆ สีดำกระจายไปทั่ว แต่ด้วยรสชาติหวานอ่อนๆ และฉ่ำน้ำ ช่วยคลายร้อนได้เป็นอย่างดี ทำให้แก้วมังกรเป็นที่ถูกใจของใครหลายคน แถมยังขึ้นชื่อเรื่องของการลดน้ำหนัก แถมยังอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด เช่น วิตามินซี วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 แคลเซียม แมกนีเซียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส และธาตุเหล็ก ทั้งมีกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกายอีกด้วย เราจะพามารู้จักกับแก้วมังกร ผลไม้สารพัดประโยชน์นี้กัน
สารบัญ
ประโยชน์ของแก้วมังกร
- ช่วยคลายร้อน ในช่วงที่อากาศร้อนอบอ้าว แก้วมังกร นับว่าเป็นตัวเลือกดับความร้อนที่ดี เพราะในเมล็ดของแก้วมังกรนั้นเต็มไปด้วยไขมันที่ไม่อิ่มตัว ซึ่งมีคุณสมบัติต่อต้านปฏิกิริยาออกซิเดชัน มีส่วนช่วยบรรเทาอุณหภูมิภายในร่างกาย ดับกระหาย คลายร้อนได้เป็นอย่างดี
- แก้อาการท้องผูก เนื่องจากเป็นผลไม้ที่มีกากใยสูง จึงช่วยกระตุ้นให้ระบบขับถ่ายทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังมีสารกลุ่มโอลิโกแซคคาไรด์ ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นพรีไบโอติก ช่วยปรับสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ และช่วยแก้อาการท้องผูกได้ดี
- ช่วยให้ผิวพรรณสดใส เปล่งปลั่ง ในแก้วมังกรมีวิตามินและแร่ธาตุมากมาย เช่น วิตามินซี โปรตีน คลอโรฟิลล์ แคลเซียม และฟอสฟอรัส ซึ่งสารอาหารเหล่านี้ล้วนมีส่วนช่วยบำรุงผิวพรรณได้ทั้งสิ้น และยังช่วยชะลอริ้วรอยต่างๆ ได้อีกด้วย
- ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด การรับประทานแก้วมังกรสามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดไม่ต้องใช้อินซูลินได้ อีกทั้งช่วยบรรเทาโรคโลหิตจาง ช่วยเพิ่มธาตุเหล็ก และยังช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันได้
- ดูดซับสารพิษออกจากร่างกาย ในเมล็ดของแก้วมังกรนั้นมีสารที่ช่วยดูดซับสารพิษต่างๆ ออกจากร่างกายได้ เช่น ตะกั่ว ที่มาจากควันรถและท่อไอเสีย หรือสารตกค้างจากยาฆ่าแมลง ที่ติดมากับผักและผลไม้ที่รับประทาน
- ต้านโรคมะเร็ง แก้วมังกรมีคุณสมบัติพิเศษในการช่วยป้องกันโรคมะเร็ง โดยเฉพาะพันธุ์เนื้อแดง ซึ่งจะมีสารไลโคปีนอยู่เป็นจำนวนมาก มีฤทธิ์ช่วยต้านอนุมูลอิสระและกระบวนการอักเสบในร่างกายอันเป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็ง
- เพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย การรับประทานแก้วมังกรสามารถเพิ่มภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายแข็งแรง รวมทั้งช่วยต้านโรคภัยต่างๆ ได้ดี เนื่องจากเนื้อของแก้วมังกรอุดมไปด้วยวิตามินซีและแคโรทีนอยด์ สารเหล่านี้มีส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย และต้านการติดเชื้อโรคต่างๆ ได้
- บำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง คุณประโยชน์ข้อนี้เหมาะมากสำหรับผู้ที่มีอายุย่างเข้าวัยทอง กระดูกจะได้แข็งแรง ไม่แตกหรือหักง่าย
- ช่วยเพิ่มน้ำนม แก้วมังกรเป็นหนึ่งในอาหารเพิ่มน้ำนม โดยจะช่วยกระตุ้นการขับน้ำนมของคุณแม่หลังคลอดบุตรได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยสารอาหารมากมายที่มีประโยชน์ต่อคนที่ตั้งครรภ์ เช่น ธาตุเหล็ก วิตามินบี และกรดโฟลิก
แก้วมังกร ช่วยลดความอ้วนได้จริงหรือ?
แก้วมังกรเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานต่ำ การรับประทาน 1 ลูก ที่มีน้ำหนัก 100 กรัม พลังงานทั้งหมด 50-60 กิโลแคลอรี่ ประกอบด้วย คาร์โบไฮเดรต 12.4 กรัม โปรตีน 1.4 กรัม แคลเซียม 9 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 32 มิลลิกรัม วิตามินซี 7 มิลลิกรัม และมีใยอาหาร 2.6 กรัม
ด้วยแคลอรี่และไขมันที่ต่ำ อีกทั้งมีกากใยอาหารสูง กินแล้วอิ่มท้องนาน ช่วยให้ขับถ่ายสะดวก แถมยังมีส่วนช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง ทำให้แก้วมังกรจัดเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลตัวเอง โดยเฉพาะสาวๆ ที่ต้องการลดน้ำหนัก
แก้วมังกรสีแดง สีเหลือง ต่างกันอย่างไร?
ปัจจุบันแก้วมังกรที่นิยมบริโภคกันในประเทศไทย มี 2 สายพันธุ์ คือ พันธุ์เนื้อสีขาว มีผลทรงรี รสหวานอมเปรี้ยว และพันธุ์เนื้อสีแดง มีผลทรงกลมเล็ก รสหวานกว่าพันธุ์เนื้อสีขาว โดยทั้งสองพันธุ์นี้มีเปลือกสีชมพูเหมือนกัน นอกจากนี้ยังมีแก้วมังกรที่มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศอิสราเอล ซึ่งมีหลากหลายสายพันธุ์ ทั้งที่มีเนื้อสีแดงเข้ม สีชมพู และสีขาว มีรสชาติหวานหอมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยเฉพาะแก้วมังกรพันธุ์เปลือกสีเหลือง เนื้อสีขาว ที่มีรสหวานหอมเป็นพิเศษ และได้รับความนิยมอย่างมากในท้องตลาด
การเก็บรักษาแก้วมังกร
การเก็บรักษาแก้วมังกรนั้น ควรล้างและเช็ดผลให้แห้งสนิท ก่อนจะนำใส่ในถุงพลาสติกแล้วปิดปากถุงให้แน่น แต่ต้องระวังไม่ให้มีหยดน้ำเกาะอยู่ในถุง เพื่อป้องกันการเน่าเสีย วิธีนี้จะช่วยให้สามารถเก็บแก้วมังกรไว้ในตู้เย็นได้นานถึง 2 สัปดาห์
ไม่น่าเชื่อว่าผลไม้รูปร่างแปลกจะมีคุณประโยชน์มากมายขนาดนี้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็มีข้อควรระวังเล็กน้อย โดยผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจหรือผู้ที่ต้องควบคุมระดับโพแทสเซียมในเลือด ควรกินแก้วมังกรแต่พอดีเท่านั้น เนื่องจากผลไม้ชนิดนี้มีโพแทสเซียมสูง จึงอาจส่งผลให้อาการที่เป็นอยู่ทรุดลงได้