การผ่าตัดกระเพาะเพื่อลดน้ำหนัก (Bariatric Surgery) คือ การผ่าตัดอวัยวะในทางเดินอาหารเพื่อเปลี่ยนแปลงระบบย่อยอาหารของผู้รับการผ่าตัด โดยอาจเป็นการจำกัดปริมาณอาหารที่จะเข้าสู่ร่างกายให้น้อยลง หรือทำให้ร่างกายดูดซึมอาหารได้น้อยลง หรืออาจรวมกันทั้งสองอย่าง ในที่สุดแล้วการผ่าตัดกระเพาะส่งผลให้ผู้รับการผ่าตัดน้ำหนักลดลงอย่างได้
การผ่าตัดกระเพาะเพื่อลดน้ำหนักไม่ได้เหมาะกับทุกคนที่ต้องการลดความอ้วน โดยทั่วไปจะทำในผู้เป็นโรคอ้วนระยะรุนแรง หรือผู้ที่วัดค่า BMI ได้เกิน 40 และผ่านการพยายามลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่นๆ แล้วแต่ไม่ได้ผล หรือเมื่อผู้ป่วยมีปัญหาสุขภาพรุนแรงเรื้อรัง อันมีสาเหตุมาจากความอ้วน เช่น เบาหวาน หลอดเลือดสมอง หลอดเลือดหัวใจ ความดันเลือดสูง คอเลสเตอรอลสูงโรคลมหลับ
แม้ว่าการผ่าตัดกระเพาะเพื่อลดน้ำหนักจะให้ผลลัพธ์ชัดเจน ลดน้ำหนักได้จริง แต่หลังผ่าตัด ผู้รับการผ่าตัดกระเพาะยังจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารและออกกำลังกายไปตลอดชีวิต เพื่อให้คงผลลัพธ์ของการผ่าตัด และเพื่อควบคุมไม่ให้เกิดภาวะสุขภาพที่ไม่พึงประสงค์ขึ้นอีก
เทคนิคผ่าตัดกระเพาะเพื่อลดน้ำหนักซึ่งเป็นที่นิยม ปัจจุบันได้แก่
- การผ่าตัดกระเพาะแบบสลีฟ (Sleeve Gastrectomy)
- การผ่าตัดกระเพาะแบบบายพาส (Roux-en-Y หรือ Gastric Bypass)
- การผ่าตัดกระเพาะแบบสลีฟพลัสบายพาส (Sleeve Gastrectomy Plus Proximal Jejunal Bypass)
เทคนิคการผ่าตัดทุกรูปแบบสามารถผ่าตัดแบบเปิดหรือแบบส่องกล้องก็ได้ การส่องกล้องจะช่วยให้เกิดแผลเล็ก ผู้ป่วยเจ็บตัวน้อยกว่า เสียเลือดน้อยกว่า และพักฟื้นสั้นกว่ารับการผ่าตัดแบบเปิด
สารบัญ
3 เทคนิคผ่าตัดกระเพาะ ทำให้ทางเดินอาหารของผู้ป่วยเปลี่ยนไปอย่างไร?
การผ่าตัดกระเพาะแบบสลีฟ เป็นการผ่าตัดเอาพื้นที่ประมาณ 85% ของกระเพาะออกไป แต่ส่วนอื่นๆ ของทางเดินอาหาร เช่น ความยาวของลำไส้ยังคงเดิม
การผ่าตัดกระเพาะแบบบายพาส กระเพาะจะถูกตัดแต่งให้เหลือเป็นถุงเล็กๆ ความจุประมาณ 20-30 ซีซี ร่วมกับการตัดลำไส้เล็กส่วนกลางขึ้นมาเชื่อมต่อกับกระเพาะ ทำให้อาหารเข้าสู่กระเพาะแล้วข้ามลำไส้เล็กส่วนต้น หรือช่วง 10% แรกของลำไส้เล็กไป ทำให้ทางเดินอาหารสั้นลง
การผ่าตัดกระเพาะแบบสลีฟพลัสบายพาส เป็นผ่าตัดเอาพื้นที่ประมาณ 85% ของกระเพาะออกไป ร่วมกับการตัด-ต่อลำไส้เล็ก ทำให้อาหารออกจากกระเพาะแล้วข้ามลำไส้เล็กส่วนต้นซึ่งเป็นส่วนที่ดูดซึมอาหารมากที่สุด ไปยังลำไส้เล็กส่วนกลางเลย
เปรียบเทียบผลลัพธ์และผลข้างเคียงของ 3 เทคนิคการตัดกระเพาะ
ผลลัพธ์ของการลดน้ำหนัก การควบคุมโรคเบาหวาน ภาวะหรืออาการที่อาจเกิดขึ้นหลังจากผ่าตัดกระเพาะของ 3 เทคนิคแตกต่างกัน ดังตารางด้านล่าง
จะเห็นว่า การผ่าตัดกระเพาะเพื่อลดน้ำหนักนั้น แม้จะให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากเมื่อเทียบกับการลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่นๆ แต่ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้ก็มีไม่น้อยเช่นกัน โดยส่วนใหญ่ผู้รับการผ่าตัดกระเพาะมักต้องรับการตรวจติดตามผลการผ่าตัดและตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะช่วง 1-2 ปีแรกหลังผ่าตัด สิ่งที่แพทย์อาจแนะนำให้ปรับเปลี่ยน ได้แก่
- รับประทานอาหารปริมาณน้อยลงต่อมื้อ และจำกัดแคลอรี่ที่จะได้รับต่อวัน
- เลือกชนิดอาหารให้ได้สารอาหารเหมาะสมกับทางเดินอาหารที่เปลี่ยนไป
- รับประทานวิตามินเสริมตามแพทย์แนะนำ
- เมื่อมีอาการป่วยใดๆ ก็ตามต้องรับประทานยารักษาโรค จำเป็นต้องแจ้งแพทย์ก่อนรับยาว่าผ่าตัดกระเพาะมา เพราะจะมีผลต่อการดูดซึมตัวยา
ถ้ารู้สึกว่าอ้วนมาก เหนื่อยง่าย นอนกรน ตรวจสุขภาพแล้วค่าน้ำตาลในเลือดไม่ค่อยดี ตรวจความดันก็เจอว่าสูง ลองทำหลายๆ วิธีอย่างลดอาหาร ออกกำลังกาย ก็ยังไม่ได้ผล สนใจผ่าตัดกระเพาะ แต่ไม่แน่ใจว่าผลที่ได้จะคุ้มหรือเปล่า ลองปรึกษาคุณหมอเฉพาะทางก่อนได้ แค่ทักมาหา HDcare ที่นี่