Default fallback image

การคุมกำเนิดสำหรับผู้ชาย มีวิธีไหนบ้าง

การคุมกำเนิดสำหรับผู้ชาย มีวิธีไหนบ้าง วิธีไหนมีประสิทธิภาพมากที่สุด? หากคุณหรือคู่สมรสวางแผนที่จะไม่มีลูก หรือไม่อยากมีลูกเพิ่ม และกำลังหาวิธีคุมกำเนิดที่เหมาะสำหรับผู้ชาย บทความนี้ชวนมาทำความเข้าใจเรื่องการคุมกำเนิดด้วยวิธีต่างๆ มาดูกันว่า แต่ละวิธีมีรายละเอียดอย่างไร วิธีไหนเหมาะกับคู่ของคุณมากที่สุด

การคุมกำเนิดสำหรับผู้ชาย มีวิธีไหนบ้าง?

การคุมกำเนิดสำหรับผู้ชายแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่

1. การคุมกำเนิดแบบชั่วคราว

1.1 การใส่ถุงยางอนามัย (Condoms)

การใส่ถุงยางอนามัยเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมสูงสุด ในการคุมกำเนิดสำหรับผู้ชาย มีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดถึง 98% รวมทั้งสามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ด้วย หากใช้อย่างถูกวิธี

ทั้งนี้ถุงยางอนามัยในปัจจุบันมีหลากหลายยี่ห้อ รูปแบบ ขนาด กลิ่น สี สัมผัส ตามรสนิยมของแต่ละบุคคล แต่สำคัญที่สุดคือ ต้องเลือกใช้ถุงยางอนามัยที่มีเครื่องหมาย อย. อยู่ในสภาพสมบูรณ์ และใช้ให้ถูกขนาด นอกจากนี้ผู้ใช้ต้องใส่และถอดให้ถูกวิธี โดยทำตามคำแนะนำที่ระบุในตัวผลิตภัณฑ์ 

รวมทั้งห้ามใช้สารหล่อลื่นที่มีส่วนผสมของน้ำมันแร่ หรือน้ำมันพืชมาทาถุงยางอนามัย เพื่อป้องกันไม่ให้ถุงยางแตกหรือลื่นหลุด

ข้อดีของการใช้ถุงยางอนามัยในการคุมกำเนิด

  • สะดวก หาซื้อได้ง่ายตามร้านสะดวกซื้อ
  • ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดสูงถึง 98%
  • ช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้
  • เป็นวิธีการคุมกำเนิดที่ถูกกว่าการคุมกำเนิดถาวร

ข้อเสียของการใช้ถุงยางอนามัยในการคุมกำเนิด

  • ไม่สามารถใช้ซ้ำได้ และไม่ควรใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานานกว่า 30 นาที 
  • ต้องเก็บอย่างระมัดระวัง ไม่ให้โดนความร้อนและแสงแดด เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพ
  • มีโอกาสฉีกขาด ระหว่างที่มีเพศสัมพันธ์ ซึ่งทำให้ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์และโรคติดต่อลดลง
  • หากสวมใส่ผิดขนาด อาจทำให้เลื่อนหลุดขณะมีเพศสัมพันธ์ได้

1.2 การหล่อลื่นด้วยยาฆ่าอสุจิ (Spermicide)

การหล่อลื่นด้วยยาฆ่าอสุจินี้ เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบ เช่น ถุงยางอนามัยที่เคลือบด้วยยาฆ่าอสุจิ เจล ครีม โฟม หรือฟิล์มเคลือบ ซึ่งวิธีการใช้ก็จะแตกต่างกันออกไป ควรปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกรถึงวิธีการใช้งานที่ถูกต้อง

แต่ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดอาจไม่สูงนัก โดยจากการทดลองพบว่า หากใช้ยาฆ่าอสุจิในการคุมกำเนิดเพียงวิธีเดียว มีโอกาสเสี่ยงตั้งครรภ์สูงถึง 21% 

ดังนั้นจึงมักจะใช้ร่วมกับถุงยางอนามัย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการคุมกำเนิด เพราะหากถุงยางอนามัยแตก ขาด รั่ว หรือลื่นหลุด ก็ยังมียาฆ่าอสุจิทำหน้าที่คุมกำเนิดอีกขั้นหนึ่ง

ทั้งนี้ข้อควรระวังคือ การใช้ยาฆ่าอสุจิร่วมกับถุงยาอนามัย แม้ว่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการคุมกำเนิด แต่ผลข้างเคียงคือ จะทำให้ประสิทธิภาพในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น เชื้อเอชไอวีลดลง เนื่องจากยาฆ่าอสุจิจะเพิ่มความเสี่ยงในการทำให้เกิดแผลในช่องคลอดได้ง่ายขึ้น 

ข้อดีของการใช้การหล่อลื่นด้วยยาฆ่าอสุจิ

  • ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดให้สูงขึ้น หากใช้ร่วมกับการคุมกำเนิดวิธีอื่นๆ เช่น การใช้ถุงยางอนามัย
  • เป็นวิธีคุมกำเนิดที่ง่าย สะดวกกว่าการคุมกำเนิดแบบถาวร

ข้อเสียของการใช้การหล่อลื่นด้วยยาฆ่าอสุจิ

  • ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดค่อนข้างต่ำ มีโอกาสตั้งครรภ์สูง จึงควรใช้ควบคู่กับการคุมกำเนิดรูปแบบอื่นๆ เช่น การสวมถุงยางอนามัย
  • ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้
  • หากใช้ร่วมกับถุงยางอนามัย อาจทำให้ประสิทธิภาพในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ลดลง

1.3 การหลั่งภายนอก (Withdrawal)

การหลั่งภายนอกหรือการกลั้นอสุจิไม่ให้ไหลเข้าไปในช่องคลอด ถือเป็นวิธีการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพต่ำมาก เนื่องจากอสุจิสามารถหลุดรอดออกมาในระหว่างมีเพศสัมพันธ์ หรืออาจติดมากับสารหล่อลื่นได้ จึงถือเป็นวิธีที่มีโอกาสล้มเหลวในการคุมกำเนิดได้สูง โดยจากการศึกษาพบกว่าคู่รักมากกว่า 22% เกิดการตั้งครรภ์ แม้ว่าจะหลั่งภายนอกก็ตาม

ข้อดีของการการหลั่งภายนอก

  • ช่วยลดความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ได้บางส่วน
  • เป็นวิธีที่สะดวกที่สุด 
  • ประหยัด ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ 

ข้อเสียการหลั่งภายนอก

  • มีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดต่ำมาก มีโอกาสผิดพลาดสูง
  • ไม่สามารถป้องกันโรคทางเพศสัมพันธ์ได้

2. การคุมกำเนิดแบบถาวร (ทำหมัน)

คือ การทำหมัน เป็นการตัดและผูกท่อนำเชื้ออสุจิทั้งสองข้างในถุงอัณฑะ เพื่อไม่ให้อสุจิเดินทางเข้าไปยังท่อปัสสาวะในขณะที่มีการหลั่ง โดยมีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดสูงถึง 99%

การทำหมันชายเป็นวิธีการคุมกำเนิดที่มีความซับซ้อนน้อยกว่าการทำหมันหญิง หลังทำเสร็จแล้วไม่ต้องนอนพักในโรงพยาบาล ใช้เวลา 2-3 วัน แผลก็หายดี และสามารถกลับมามีเพศสัมพันธ์ได้หลังจากทำหมันประมาณ 1 สัปดาห์ 

แต่จะสามารถคุมกำเนิดได้อย่างเต็มประสิทธิภาพหลังจากการทำหมันไปแล้ว 6-12 สัปดาห์ ดังนั้นหากยังไม่ครบกำหนด และยังไม่ได้รับการตรวจจากแพทย์ว่าไม่มีอสุจิหลุดรอดออกมา ควรใช้การคุมกำเนิดวิธีอื่นๆ ควบคู่กันไปด้วย

ทำหมันเจ็บมั้ย ทำแล้วจะเป็นเหมือนเดิมหรือเปล่า สารพัดคำถามชวนสงสัย คลิกอ่านได้ที่นี่เลย

ข้อดีของการทำหมันชาย

  • มีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดสูงถึง 99% 
  • มีความปลอดภัยสูงผลข้างเคียงต่ำมาก
  • แผลเล็ก เจ็บเพียงเล็กน้อย ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล มีความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนน้อยมาก
  • ค่าใช้จ่ายไม่สูง
  • ไม่มีผลกระทบต่อสมรรถภาพทางเพศ

ข้อเสียของการทำหมันชาย

  • ไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการมีลูกในอนาคต เพราะเป็นการทำหมันถาวร
  • ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้
  • บางรายไม่สามารถทำหมันได้ เช่น ผู้ที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติ หรือเลือดแข็งตัวช้า เป็นโรคผิวหนังหรือติดเชื้อบริเวณถุงอัณฑะ ผู้เคยผ่าตัดบริเวณอัณฑะมาก่อน เนื่องจากจะทำให้เส้นเลือดบาดเจ็บมากขึ้น และมีผลต่อเลือดที่จะไปเลี้ยงอัณฑะ

ไม่อยากมีลูกเพิ่ม อยากคุมกำเนิดแบบถาวร ด้วยการทำหมันชาย ปรึกษาแอดมิน หาแพ็กเกจราคาดีใกล้คุณได้ ที่นี่

เลือกคุมกำเนิดด้วยวิธีไหนดี?

หลังจากรู้แล้วว่า การคุมกำเนิดสำหรับผู้ชายมีวิธีไหนบ้าง ต่อมาก็ต้องมาดูปัจจัยในการพิจารณาเลือกวิธีคุมกำเนิด เพื่อที่จะได้ตัดสินใจถูกว่า ควรคุมกำเนิดด้วยวิธีไหนดี โดยพิจารณาจากทั้งอายุ ประวัติสุขภาพของผู้ที่ต้องการคุมกำเนิด สถานะความสัมพันธ์ การวางแผนมีบุตร ฯลฯ

สิ่งสำคัญคือ หากคุณเลือกที่จะคุมกำเนิดถาวร ด้วยการทำหมัน คุณและคู่สมรสต้องวางแผนครอบครัวในอนาคตให้ดีจนมั่นใจว่า ไม่ต้องการมีลูก หรือมีลูกเพียงพอแล้ว เพราะแม้ว่าจะสามารถผ่าตัดแก้หมันได้ แต่ก็อาจไม่ได้ผลตามที่คาดหวัง และเสียค่าใช้จ่ายสูง

อย่างไรก็ตาม หากยังไม่มั่นใจที่จะคุมกำเนิดถาวร และตัดสินใจเลือกคุมกำเนิดด้วยการใส่ถุงยางอนามัย ก็ต้องใช้อย่างถูกวิธี เพื่อให้การคุมกำเนิดมีประสิทธิภาพมากที่สุด

ทำหมันชายต้องทำอย่างไร มีวิธีไหนบ้าง ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่? ปรึกษาทีม HDcare ได้เลย เราพร้อมเป็นผู้ช่วยส่วนตัวดูแลสุขภาพคุณ สอบถามข้อมูลเบื้องต้นกับคุณหมอเฉพาะทาง ทำนัดปรึกษาคุณหมอได้รวดเร็ว หรือค้นหาแพ็กเกจทำหมันชาย จาก รพ. หรือคลินิกใกล้คุณได้ทันที คลิกที่นี่เลย

Scroll to Top