foods to avoid when menstruating scaled

มีประจำเดือนห้ามกินอะไร จะได้ไม่ปวดท้องหนักกว่าปกติ

ผู้หญิงทุกคนน่าจะทราบกันดีว่า การมีประจำเดือนถือเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดตามร่างกาย ปวดท้องเกร็ง ปวดท้องเมนส์ ท้องอืด และอารมณ์แปรปรวน ล้วนแต่ทำให้เรารู้สึกไม่สบายตัวได้ทั้งนั้น อย่างไรก็ดี มีการประมาณไว้ว่า 85% ของผู้หญิงที่มีประจำเดือนมีอาการก่อนมีประจำเดือน 1 หรือมากกว่า 1 อาการ หากคุณมีอาการดังกล่าว 3-4 วันติดต่อกัน มันก็อาจถึงเวลาที่คุณควรหันมาใส่ใจกับอาหารที่คุณทาน เพราะอาหารบางชนิดสามารถทำให้ความวิตกกังวลเพิ่มขึ้น หรือทำให้อาการปวดท้องเกร็งแย่ลงกว่าเดิม

อาหาร ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่กำหนดได้ว่าอาการที่เกิดขึ้นในช่วงมีเมนส์ดีขึ้นหรือแย่ลง ดังนั้นหากตอนนี้คุณกำลังอยู่ในช่วงวันแดงเดือด มีรอบเดือน การหลีกเลี่ยงอาหารที่เรากล่าวไปก็อาจช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้ อาหารที่คุณควรหลีกเลี่ยงในช่วงมีประจำเดือน เป็นเมนส์ห้ามกินอะไรบ้าง มีดังนี้

1. อาหารที่ผ่านการขัดสี

การทานอาหารที่เป็นคาร์บเชิงซ้อนที่พบได้ในผลไม้สด ผัก และธัญพืชเต็มเมล็ด สามารถช่วยป้องกันหรือบรรเทาอาการที่เกิดก่อนมีประจำเดือนได้ ทั้งนี้อาหารที่ผ่านการขัดสีมักทำมาจากคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว ซึ่งร่างกายสามารถเผาผลาญได้อย่างรวดเร็ว ทำให้คุณรู้สึกหิว และเหนื่อยหลังจากพลังงานหมดลง

นอกจากนี้อาหารแปรรูป และอาหารที่ผ่านการขัดสีมักมีน้ำตาลแอบแฝง ซึ่งมันจะทำให้คุณยิ่งอ่อนเพลีย หรือมีอารมณ์แปรปรวน ยิ่งไปกว่านั้น อาหารเหล่านี้มักมีการเติมเกลือ สารเคมี และกลิ่นสังเคราะห์

อาหารในกลุ่มนี้ที่คุณควรหลีกเลี่ยง เช่น ขนมปังขาว พาสต้า อาหารที่บรรจุในห่ออย่างมันฝรั่งทอดกรอบ เพรสเซล หรือขนมชนิดอื่นๆ ซีเรียลที่มีไฟเบอร์ต่ำ คุกกี้ เค้ก ฯลฯ สำหรับอาหารที่คุณควรทานในช่วงที่มีประจำเดือนคือ ธัญพืชเต็มเมล็ด และลดการทานอาหารแปรรูป

2. อาหารที่มีไขมันสูงและอาหารทอด

อาการปวดท้องเมนส์ที่เกิดขึ้นในระหว่างที่มีประจำเดือน และอาการอื่นๆ อาจมีความเชื่อมโยงกับการอักเสบที่เกิดขึ้นฉับพลันในร่างกาย ซึ่งสามารถวัดโดยการตรวจระดับของ C-reactive protein (CRP) ในตับ ทั้งนี้มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่า ผู้หญิงวัยกลางคนที่มีระดับของ CRP สูง มีความเสี่ยงที่จะมีอาการก่อนมีประจำเดือนมากขึ้น 26-41% เช่น ปวดท้องเกร็ง ปวดหลัง ปวดหน้าอก ท้องอืด หิวกระหาย และน้ำหนักเพิ่มขึ้น

การทานอาหารที่มีไขมันสูง โดยเฉพาะไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์ สามารถทำให้เกิดการอักเสบในร่างกายได้

สำหรับอาหารที่คุณควรหลีกเลี่ยง ตัวอย่างเช่น อาหารที่ทอดโดยใช้น้ำมันท่วมอย่างมันฝรั่งทอด โดนัท หรือหัวหอมทอด ขนมอบ ฟาสต์ฟู้ด เนื้อแดงติดมัน ชีส ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม มาร์การีน ฯลฯ ทางที่ดีให้คุณหันไปทานอาหารที่มีไขมันชนิดดีอย่างน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษ และเลือกทานผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมแบบชนิดไขมันต่ำ

3. อาหารที่มีรสเค็ม

หากคุณรู้ตัวว่าร่างกายคั่งน้ำ หรือมีอาการบวมทุกเดือน การไม่ทานอาหารที่มีรสเค็มจัดสามารถช่วยบรรเทาอาการได้ การมีเกลือในร่างกายมากเกินไปสามารถทำให้ระดับของๆ เหลวเสียสมดุล ทำให้ร่างกายบวม มีความดันโลหิตสูง และทำให้ท้องอืด

คุณควรหลีกเลี่ยงการทานขนมหรืออาหารที่มีรสเค็ม ผักดอง ซอสถั่วเหลือง เนื้อรมควัน เนื้อกระป๋อง ชีส อาหารกระป๋อง ฯลฯ

ถ้าเป็นไปได้ให้คุณเลือกทานอาหารสดแทน โดยใช้มะนาว เครื่องเทศ น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล และน้ำมันมะกอกเป็นซอสหรือน้ำราดเพื่อช่วยชูรสชาติ

4. อาหารที่มีรสหวาน

การมีอารมณ์แปรปรวน และแม้แต่อาการวิตกกังวลถือเป็นหนึ่งในอาการก่อนมีประจำเดือนที่พบได้ทั่วไป การทานอาหารที่มีรสหวานหรือมีน้ำตาลสูง สามารถทำให้คุณรู้สึกวิตกกังวลหรือเครียดมากกว่าเดิม แม้ว่าอาหารที่มีน้ำตาลสูงสามารถช่วยเติมพลังงานได้อย่างรวดเร็ว แต่เมื่อร่างกายเผาผลาญจนหมดสิ้น ระดับของน้ำตาลในเลือดจะลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้คุณรู้สึกแย่กว่าเดิม นอกจากมันจะส่งผลต่ออารมณ์ของคุณแล้ว มันก็ยังทำให้เกิดการคั่งน้ำ

ดังนั้นในช่วงที่คุณมีประจำเดือน อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง เช่น ลูกกวาด น้ำอัดลม ของหวาน เค้ก คุกกี้ อาหารชนิดใดๆ ก็ตามที่มีน้ำตาลแบบขัดสี ฯลฯ

แทนที่คุณจะทานอาหารที่มีน้ำตาลแบบขัดสี ให้คุณใช้น้ำผึ้งเป็นสารให้ความหวาน หรือทานผลไม้สดเพื่อช่วยให้รู้สึกอยากทานน้ำตาลน้อยลง

5. แอลกอฮอล์

แอลกอฮอล์อาจดูเหมือนว่าช่วยบรรเทาความปวดและความวิตกกังวล แต่คุณจะรู้สึกแย่ในท้ายที่สุด ซึ่งมันสามารถทำให้อาการปวดท้องเกร็งเกิดขึ้นนานกว่าเดิม นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่า แอลกอฮอล์อาจไปรบกวนการนอนของคุณในช่วงครึ่งหลังของคืน ดังนั้นการหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มประเภทนี้ และหันไปดื่มน้ำผักหรือผลไม้สดจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

6. เนื้อแดงติดมัน

เนื้อแดงติดมันมีไขมันอิ่มตัวสูง ซึ่งสามารถทำให้เกิดการอักเสบในร่างกาย นอกจากนี้มันยังมีกรดอะราคิโดนิค ซึ่งไขมันชนิดนี้มีความเชื่อมโยงกับการผลิตโพรสตาแกลนดินที่จะทำให้การอักเสบในร่างกายเพิ่มขึ้น และสามารทำให้ปวดท้องเกร็งและปวดตามร่างกาย การหันไปทานอาหารที่ช่วยต้านการอักเสบและมีกรดไขมันโอเมกา 3 สูงอย่างแซลมอนหรือทูน่าอาจทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น

7. คาเฟอีน

การดื่มกาแฟหรือชาอาจทำให้คุณรู้สึกหายเหนื่อยหลังจากที่เผชิญกับวันแดงเดือด ในทางกลับกัน คาเฟอีนสามารถทำให้ความเครียด ความวิตกกังวล และอารมณ์แปรปรวนมากขึ้น เพราะมันจะไปเพิ่มระดับของฮอร์โมนแห่งความเครียดอย่างคอร์ติซอล นอกจากนี้คาเฟอีนยังไปรบกวนการนอนของคุณอีกด้วย

สำหรับอาหารที่คุณสามารถพบคาเฟอีน เช่น กาแฟ ชา น้ำอัดลม ช็อกโกแลต ลูกอมรสกาแฟ ฯลฯ ทั้งนี้คุณควรจำกัดการทานอาหารที่มีคาเฟอีน และทานในช่วงครึ่งแรกของวัน รวมถึงหลีกเลี่ยงการทานอาหารเหล่านี้ก่อนเข้านอน 2-3 ชั่วโม

 

Scroll to Top