ครีมผิวขาวผลิตภัณฑ์เพื่อผิวสว่างกระจ่างใส เลือกอย่างไรถึงปลอดภัยต่อสุขภาพผิว หลายคนคนเคยพบโฆษณา ครีมผิวขาว ที่โฆษราว่าจะช่วยเปลี่ยนสีผิวของผู้ใช้จากเดิมที่มีสีเข้ม ให้ขาวใสขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว
ในความเป็นจริง คุณสามารถขาวขึ้นได้ แต่ต้องมองถึงปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อสีผิว ซึ่งก็คือพันธุกรรมและการสัมผัสแสงแดดในแต่ละวัน ตามปกติ สีผิวของคนเราสามารถเปลี่ยนเป็นสีที่เข้มขึ้น และเปลี่ยนกลับมาสู่สีผิวเดิมได้ตามธรรมชาติ โดยระยะเวลาการผลัดเซลล์ของผิว ซึ่งใช้ระยะเวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ หากผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทำให้ผิวขาวได้รวดเร็วกว่านั้น ก็อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้ผลิตภัณฑ์
สารบัญ
ครีมผิวขาวประกอบด้วยสารอะไรบ้าง?
จากที่มีการศึกษากลไกการเปลี่ยนสีผิวของมนุษย์ ทำให้เกิดการพัฒนาสารสำคัญเพื่อช่วยลดการสร้างเม็ดสีผิวหรือลดการเกิดผิวคล้ำ โดยแบ่งออกเป็น 2 กลไก ดังนี้
1. ทำให้ผิวขาวขึ้นด้วยกลไกทางเคมี
เป็นการใช้สารที่มีผลต่อกระบวนการสร้างและขนส่งเม็ดสีผิว รวมถึงสารที่มีผลต่อการกำจัดเม็ดสีผิวที่หมองคล้ำให้หลุดออกจากผิวหนัง สามารถแบ่งย่อยกลไกนี้ออกได้เป็น 2 ระดับได้อีก คือ
- ผิวขาวระดับภายนอกเซลล์ (Extracellular level) เป็นกลไกที่มีผลต่อผิวหนังชั้นนอกสุด ลักษณะการทำงานคือการขจัดเซลล์ผิวที่หมองคล้ำออกไป ครีมผิวขาวที่อาศัยกลไกนี้มักมีส่วนประกอบของสารพวกกรดอ่อนชนิดต่างๆ ซึ่งจะช่วยขจัดเซลล์ผิวออกไป เช่น กรด AHA, BHA, กรดมะขาม(Tartaric acid) กรดซิตริก (Citric acid)
- ผิวขาวระดับภายในเซลล์ (Intracellular level) เป็นกลไกที่มีผลต่อกระบวนการสร้างและขนส่งเม็ดสีผิว โดยเป้าหมายหลักคือยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase) ที่มีผลต่อการเปลี่ยนเม็ดสีเมลานิน เมื่อยับยั้งเอนไซม์นี้ จะส่งผลไม่ให้สีผิวเปลี่ยนไปสู่ผิวที่เข้มขึ้น ตัวอย่างสารที่ใช้มากในครีมผิวขาวที่อาศัยกลไกนี้ คือ
- อาร์บูติน (Arbutin) ผลิตได้ทั้งจากธรรมชาติจากผลไม้กลุ่มเบอร์รี และการสังเคราะห์ขึ้น เป็นสารที่มีความปลอดภัย แต่มีราคาแพงและใช้เวลานานประมาณ 3 เดือนถึงจะเห็นผลชัดเจน
- กรดโคจิก (Kojic acid) ผลิตได้จากการหมักน้ำตาลกลูโคสกับเชื้อรา ช่วยลดเม็ดสีในชั้นผิว เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวขาวขึ้นได้รวดเร็วและไม่กลับมาคล้ำอีก แต่มีผลข้างเคียงคืออาจทำให้ผิวระคายเคืองได้
- วิตามินซีและอนุพันธ์ (Ascorbic acid) ด้วยคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินซีจึงมีส่วนช่วยยับยั้งกระบวนการสังเคราะห์เม็ดสีผิวได้ แต่เนื่องจากวิตามินซีมีความคงตัวต่ำ สลายง่ายเมื่อโดนแสงแดด จึงมีการพัฒนาให้อยู่ในรูปของอนุพันธ์วิตามินซีเพื่อให้แพร่ผ่านผิวหนังได้ดี และมีความคงตัวมากขึ้น
- สารสกัดชะเอม (Licorice extract) มีสารสำคัญคือกลาบริดีน (Glabridine) สารนี้จะทำหน้าที่ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส ช่วยลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน และไม่เป็นพิษต่อเซลล์ มีการทดลองพบว่าการใช้สารนี้ทาผิวจะช่วยให้ผิวขาวขึ้นและลดการเกิดผิวอักเสบ
นอกจากนี้ยังมีสารสกัดจากธรรมชาติอีกหลายชนิดที่มีส่วนช่วยให้ผิวขาวขึ้น เช่น สารสกัดจากหม่อน(Mullberry extract) สารสกัดทับทิม (Pomegranate extract) เป็นต้น
2. ทำให้ผิวขาวขึ้นด้วยกลไกทางกายภาพ
เป็นการปกป้องผิวจากแสงแดดและรังสีอัลตราไวโอเลต โดยวิธีที่นิยมมากที่สุดคือการใช้ครีมกันแดด หรืออาจอยู่ในรูปแบบครีมผิวขาวซึ่งผสมสารกันแดด
ครีมกันแดดแบ่งออกได้อีกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
- กลุ่มสารที่ดูดซับรังสี UV สารกลุ่มนี้จะทำหน้าที่เคลือบอยู่บนผิวหนัง และดูดซับรังสี UV เอาไว้ไม่ให้ทะลุผ่านเข้าไปทำอันตรายต่อผิวหนัง ครีมผิวขาวที่อาศัยกลไกนี้ มักมีส่วนผสมของสารแอนทรานิเลต (Anthranilate) เบนโซฟีโนน (Benzophenone) แต่สารกลุ่มนี้ไม่เป็นที่นิยมมากนัก เนื่องจากโครงสร้างของสารสามารถซึมเข้าสู่ผิว และทำให้เกิดอาการแพ้ได้
- กลุ่มสารที่สะท้อนรังสี UV สารกลุ่มนี้จะทำหน้าที่เคลือบผิวและสะท้อนรังสี UV ออกจากผิวหนัง เสมือนสวมเกราะป้องกันแสงแดดให้กับผิว ครีมผิวขาวที่อาศัยกลไกนี้ มักมีส่วนผสมของสารซิงก์ออกไซด์ (Zinc oxide) ไททาเนียมไดออกไซด์ (Titanium dioxide) หรือแมกนีเซียมออกไซด์ (Magnesium oxide)ในครีมกันแดดนิยมใช้สารกลุ่มนี้ เนื่องจากไม่ดูดซึมเข้าสู่ผิวหนัง ทำให้เกิดการแพ้ได้น้อย แต่เนื่องจากอนุภาคของสารกลุ่มนี้ค่อนข้างใหญ่ ทำให้เกิดเป็นปื้นขาวเมื่อทา จึงได้มีการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ให้มีขนาดสารที่เล็กลง เพื่อให้กระจายตัวง่าย ไม่เป็นปื้นขาว และเพิ่มพื้นที่ผิวในการกระจายรังสี UV
ครีมผิวขาว ครีมผิวขาวเร่งด่วน ขาวถาวร ที่มักถูกกล่าวอ้างว่าเห็นผลจริง เห็นผลเร็ว ปลอดภัยหรือไม่?
หากเลือกใช้ครีมผิวขาวที่มีส่วนผสมเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ จะค่อนข้างปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม ครีมผิวขาวในท้องตลาดนั้นมีส่วนผสมหลาย อันตรายที่เกิดขึ้นได้บ่อย คือ การแพ้ส่วนผสมในผลิตภัณฑ์
อาการแพ้จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล วิธีการทดสอบทำได้โดยการทาครีมบริเวณผิวที่บอบบาง เช่น ข้อพับแขน คอ หรือหลังใบหู แล้วทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง หากไม่มีผื่นหรืออาการคัน เบื้องต้นสามารถใช้ครีมนั้นได้
เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดจากครีมผิวขาว เมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ควรสังเกตความผิดปกติที่เกิดขึ้นอยู่เสมอ หากใช้แล้วได้ผลรวดเร็วจนน่าสงสัย ต้องระมัดระวังสารที่ห้ามใช้ในเครื่องสำอางตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมี 4 สาร ได้แก่
- อนุพันธ์ปรอท
- ไฮโดรควิโนน
- สเตียรอยด์
- กรดวิตามินเอ
ถึงแม้จะมีการประกาศห้าม และผิดกฎหมายหากใส่ในผลิตภัณฑ์ แต่ผู้ผลิตหลายรายยังลักลอบใส่สารเหล่านี้ลงในครีมผิวขาว เพราะทำให้ผู้ใช้มีผิวที่ขาวขึ้นรวดเร็วหลังใช้เพียงไม่กี่วัน
อันตรายจากครีมผิวขาวที่มีส่วนผสมของสารต้องห้าม ได้แก่ ทำให้เกิดอาการผิวหนังบาง อักเสบ ติดเชื้อง่าย เกิดฝ้าถาวร หากผู้ใช้ตั้งครรภ์อยู่จะเกิดอันตรายต่อทารกในครรภ์ และอาจมีอันตรายถึงชีวิตหากใช้ครีมผิวขาวที่มีความเข้มข้นสูงต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน
เขียนบทความโดย ทีมเภสัชกร HD