ระบบโครงกระดูก (Skeletal system) เป็นระบบที่มีความสำคัญต่อร่างกายมนุษย์อย่างมาก ทั้งยังมีลักษณะพิเศษเฉพาะและหน้าที่อันซับซ้อน
นอกจากนี้ ระบบโครงกระดูกยังเป็นระบบที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่เกิดจนถึงวัยสูงอายุ การทำความเข้าใจหน้าที่สำคัญของระบบกระดูก การเรียนรู้พฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยงเนื่องจากส่งผลเสียต่อระบบโครงกระดูก และวิธีการดูแลรักษาระบบโครงกระดูกให้แข็งแรง จึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับทุกคน
สารบัญ
หน้าที่ที่สำคัญของระบบโครงกระดูกมีอะไรบ้าง?
ระบบโครงกระดูกเป็นอีกหนึ่งระบบที่สำคัญของร่างกาย ที่มีกระบวนการทำงานซับซ้อนและเกี่ยวเนื่องกับระบบอื่นๆ มีหน้าที่หลากหลาย
หน้าที่หลักของระบบโครงกระดูก มีดังนี้
1. ระบบโครงกระดูกช่วยปกป้องอวัยวะภายใน
กระดูกส่วนกะโหลกปกป้องสมอง กระดูกซี่โครงปกป้องปอดและอวัยวะภายใน เป็นต้น
2. ระบบโครงกระดูกเป็นแหล่งสะสมไขมันและผลิตเกล็ดเลือดและเม็ดเลือดให้แก่ร่างกาย
ภายในกระดูกชนิดยาวมีลักษณะเป็นโพรงกลวง เรียกว่าไขกระดูก (Bone marrow) สามารถแบ่งออกเป็น 2 ชนิดตามสีของไขกระดูก
ไขกระดูกแต่ละชนิดมีหน้าที่ดังนี้
- ไขกระดูกเหลือง (Yellow bone marrow) บรรจุเซลล์ไขมัน (Adipose cell) ที่มีไตรกลีเซอไรด์ (triglycerides) เป็นองค์ประกอบ ไตรกลีเซอไรด์ที่สะสมไว้ในกระดูกนี้สามารถถูกส่งกลับมาเป็นพลังงานแก่ร่างกายเมื่อจำเป็นได้
- ไขกระดูกแดง (Red bone marrow) ทำหน้าที่ผลิตเกล็ดเลือด เม็ดเลือดแดง และเม็ดเลือดขาว
การทำงานของไขกระดูกนี้มีความน่าสนใจมาก เพราะในวัยเด็กไขกระดูกแดงในร่างกายจะมีปริมาณมากกว่าไขกระดูกเหลืองมาก แต่เมื่ออายุมากขึ้น ปริมาณไขกระดูกแดงจะค่อยๆ ลดลง ในขณะที่จำนวนของไขกระดูกเหลืองจะมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ
จนเมื่ออายุประมาณ 25 ปี ไขกระดูกแดงจะพบได้มากที่บริเวณกระดูกแกนกลางลำตัวเท่านั้น ไม่ค่อยพบได้ที่กระดูกรยางค์ เช่น แขน หรือขา
3. ระบบโครงกระดูกเป็นแหล่งสะสมเกลือแร่ที่สำคัญของร่างกาย
กระดูกชนิดยาวสามารถแบ่งออกเป็นสองชั้น เมื่อถูกผ่าออกตามแนวยาว ชั้นนอกที่มีเนื้อแน่น (Compact bone) เกิดจากการสะสมแร่ธาตุที่สำคัญหลายชนิด เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส
เมื่อปริมาณแร่ธาตุในกระแสเลือดต่ำลง ร่างกายมีความต้องการแร่ธาตุมากขึ้น แร่ธาตุที่ถูกสะสมไว้ในกระดูกจะสามารถถูกเปลี่ยนให้กลับมาอยู่ในกระแสเลือดได้
หากแร่ธาตุในกระแสเลือดมีปริมาณมากกเกินความต้องการของร่างกาย ก็จะถูกนำไปสะสมไว้ที่กระดูก นับว่ากระดูกเป็นส่วนสำคัญอย่างมากในกระบวนการรักษาสมดุลเกลือแร่ของร่างกาย
4. ระบบโครงกระดูกค้ำจุนโครงร่างของร่างกาย
เนื่องจากกระดูกเป็นโครงร่างแข็ง จึงช่วยพยุงให้มนุษย์มีร่างกายคงที่ อวัยวะอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม
5. ระบบโครงกระดูกสนับสนุนให้เกิดการเคลื่อนไหวของร่างกาย
กระดูกสองชิ้นต่อกันทำให้เกิดข้อต่อ (Joint) และเนื่องจากกระดูกเป็นที่ยึดเกาะของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น เมื่อกล้ามเนื้อหดตัวจึงทำให้เกิดการงอของข้อต่อ และเกิดการเคลื่อนไหวของร่างกายนั่นเอง
พฤติกรรมใดบ้างที่ควรหลีกเลี่ยงเพื่อความแข็งแรงของระบบโครงกระดูก?
การดูแลสุขภาพของกระดูกเป็นเรื่องสำคัญมาก เนื่องจากเป็นอวัยวะที่ต้องใช้ไปตลอดชีวิต
พฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อกระดูกที่ควรหลีกเลี่ยง มีดังนี้
- ทำกิจกรรมที่ทำให้มีการเสียดสีของข้อต่อมาก หากจำเป็นต้องทำ ควรเลือกอุปกรณ์ช่วยลดความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับกระดูกขณะออกกำลังกาย เช่น เลือกรองเท้าที่เหมาะสม หรือหากจะออกกำลังกายผาดโผนที่อาจจะทำให้กระดูกหัก จะต้องมีผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด
- รับประทานอาหารที่มีโซเดียมสูง เนื่องจากมีผลให้อัตราการดูดซึมแคลเซียมต่ำลง นอกจากนี้ยังมีผลต่อการขับแคลเซียมออกทางปัสสาวะให้สูงขึ้นกว่าปกติด้วย
- รับประทานโปรตีนปริมาณมาก มีรายงานแสดงความสัมพันธ์ระหว่างการรับประทานโปรตีนและการขับแคลเซียมออกทางปัสสาวะ หากรับประทานโปรตีนมาก จะส่งผลให้ไตขับแคลเซียมออกทางปัสสาวะมากกว่าปกติ
- ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เพราะคาเฟอีนมีฤทธิ์ขัดขวางการดูดซึมแคลเซียม และเพิ่มการขับแคลเซียมออกทางปัสสาวะ
- สูบบุหรี่ เนื่องจากมีผลให้เลือดมีความเป็นกรดสูงขึ้น ร่างกายจึงต้องสลายแคลเซียมจากกระดูกมาเพื่อลดความเป็นกรดลง นอกจากนี้สำหรับผู้หญิง สารบางชนิดในบุหรี่ยังทำให้ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนซึ่งเกี่ยวข้องกับความแข็งแรงของกระดูกผิดปกติจนอาจจะเป็นสาเหตุของโรคกระดูกพรุนได้ด้วย
- ดื่มน้ำอัดลม เชื่อกันว่ากรดฟอสฟอริกในน้ำอัดลมจะทำให้ปริมาณฟอสฟอรัสในเลือดสูงขึ้น ร่างกายจำเป็นต้องสลายแคลเซียมออกมาเพื่อรักษาสมดุลของเกลือแร่ในกระแสเลือด จึงอาจจะกล่าวได้ว่า การดื่มน้ำอัดลมเพิ่มอัตราการสลายแคลเซียมจากกระดูกได้
- รับประทานยาบางชนิด อาจส่งผลต่อกระบวนการรักษาสมดุลแคลเซียมของร่างกายได้
วิธีการดูและรักษา และเพิ่มความแข็งแรงของระบบโครงกระดูก ทำได้อย่างไรบ้าง?
วิธีการดูแลรักษาสุขภาพของกระดูกให้แข็งแรงนั้นสามารถแบ่งออกเป็น 2 ข้อที่สำคัญ ดังนี้
1. การเลือกรับประทานอาหาร
การรับประทานอาการให้ครบ 5 หมู่ และรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมให้เพียงพอ เช่น นม ปลาเล็กปลาน้อย ชีส หลีกเลี่ยงอาหารที่มีผลเสียต่อกระบวนการรักษาสมดุลของแคลเซียมในร่างกายดังที่ได้แนะนำไว้เบื้องต้น
นอกจากนี้ หากวางแผนจะตั้งครรภ์หรือเป็นผู้สูงอายุ การปรึกษาแพทย์เพื่อเสริมแคลเซียมอาจเป็นเรื่องจำเป็น
2. การออกกำลังกาย
การออกกำลังกายอย่างเหมาะสมเพื่อส่งเสริมสุขภาพของระบบโครงกระดูกนั้น โดยทั่วไปมักจะแนะนำให้เป็นกิจกรรมกลางแจ้ง เพราะร่างกายสามารถสังเคระห์วิตามิน ซึ่งมีส่วนอย่างมากต่อสุขภาพของกระดูกโดยการกระตุ้นจากแสงแดด
การเลือกประเภทกีฬาต้องเหมาะสมกับอายุและสภาพร่างกายเป็นเรื่องสำคัญมาก ในวัยรุ่นอาจจะมีข้อจำกัดไม่มาก แต่สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวต่างๆ และผู้สูงอายุ อาจต้องใส่ใจส่วนนี้เป็นพิเศษ เช่น ผู้ป่วยโรคหัวใจควรออกกำลังกายตามความหนักที่นักกายภาพบำบัดแนะนำ ผู้สูงอายุที่มีภาวะกระดูกพรุนควรเลือกการออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกต่อข้อต่อน้อยๆ เช่น การออกกำลังกายในน้ำ เป็นต้น
นอกจากนี้ ผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงต่อโรคกระพรุนควรได้รับการตรวจมวลกระดูกตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อป้องกันและวางแผนการดำเนินชีวิตให้เกมาะสมกับสภาพกระดูกของแต่ละคนต่อไป
เขียนบทความโดย กภ. ธีรวิทย์ วิโรจน์วิริยะกุล