เมนไม่มากี่วันถึงท้อง

เมนไม่มากี่วันถึงท้อง ประจำเดือนมาช้า เลื่อนนานสุดกี่วัน

การที่ประจำเดือนมาช้า ทำให้หลายคนตั้งคำถามว่า “เมนไม่มากี่วันถึงท้อง” สามารถนับวันได้ไหม ? ซึ่งการที่ประจำเดือนมาช้าหรือเลื่อนออกไปอาจทำให้หลายคนสงสัยเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ หากประจำเดือนขาดหายไปประมาณ 7 วันขึ้นไป อาจมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ โดยเฉพาะหากมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่ไข่ตก แต่ก็ไม่ใช่ทุกครั้งที่ประจำเดือนมาช้าจะหมายถึงการตั้งครรภ์ ปัจจัยอื่น ๆ เช่น ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือฮอร์โมนไม่สมดุล ก็สามารถทำให้ประจำเดือนมาช้าได้เช่นกัน

มีคำถามเกี่ยวกับ เมนไม่มากี่วันถึงท้อง? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

เมนไม่มากี่วันถึงท้อง

หากประจำเดือนไม่มานานเกินกว่า 7 วันจากวันที่คาดว่าจะมา โดยเฉพาะหากมีเพศสัมพันธ์ในรอบเดือนที่ผ่านมา ก็อาจมีโอกาสตั้งครรภ์ได้

อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาที่ประจำเดือนมาช้าอาจแตกต่างกันไปในแต่ละคน หากมีประจำเดือนที่มักมาตรงเวลาแต่ครั้งนี้ขาดไปเกิน 7-10 วัน แนะนำให้ตรวจการตั้งครรภ์ด้วยชุดทดสอบ เพื่อยืนยันว่ามีการตั้งครรภ์หรือไม่

ประจำเดือนเลื่อนนานสุดกี่วัน

ประจำเดือนสามารถมาช้าหรือเลื่อนได้นานถึง 7 วันโดยยังถือว่าปกติในบางคน

แต่หากมาช้ากว่า 7-10 วันขึ้นไป ควรเริ่มสังเกตอาการเพิ่มเติม เช่น หากมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของความเครียด การออกกำลังกายที่หักโหม หรือการใช้ยาบางชนิด สิ่งเหล่านี้อาจส่งผลให้รอบเดือนเลื่อนออกไป

หากประจำเดือนเลื่อนนานเกิน 14 วัน แนะนำให้ตรวจการตั้งครรภ์หรือไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติม

เข้าใจกลไกของประจำเดือน

รอบประจำเดือนปกติของผู้หญิง เกิดจากการทำงานของต่อมใต้สมองบริเวณศีรษะ รังไข่ และมดลูกในอุ้งเชิงกราน ทำงานประสานงานกันอย่างสลับซับซ้อน ในแต่ละรอบของประจำเดือนจะมีการตกของไข่ที่รังไข่ และมีการสร้างฮอร์โมนอย่างเพียงพอที่จะช่วยพัฒนาเยื่อบุโพรงมดลูกให้หนาตัว พร้อมสำหรับการฝังตัวของตัวอ่อนที่เกิดจากการปฏิสนธิของไข่ที่ตกจากฝ่ายหญิง กับอสุจิจากฝ่ายชาย

ถ้ารอบเดือนใดไม่มีการปฏิสนธิเกิดขึ้น เยื่อบุโพรงมดลูกที่หนาตัวนั้นก็จะหลุดลอดออกมาเป็นประจำเดือน และเป็นสัญญาณเริ่มต้นของการผลิตไข่อันสมบูรณ์ของรอบเดือนต่อๆ ไป

นิยามประจำเดือนมาช้า และมาเร็ว

ตามคำจำกัดความของสหพันธ์สูตินรีเวชแพทย์ระหว่างชาติให้คำจัดความเกี่ยวกับประจำเดือนของผู้หญิง ดังนี้

ความถี่ของรอบประจำเดือน

  • ถี่ น้อยกว่า 24 วัน
  • ปกติ 24-38 วัน
  • ห่าง มากกว่า 38 วัน

ระยะเวลาของรอบประจำเดือน

  • สั้น น้อยกว่า 4 วัน
  • ปกติ 4-8 วัน
  • นาน มากกว่า 8 วัน

ประจำเดือนมาช้ากว่าปกติ ส่วนใหญ่จะมีรอบเดือนช้ากว่านานกว่า 38 วันขึ้นไป

โดยการที่ประจำเดือนมาช้านั้น เราต้องทำการแยกจากภาวะประจำเดือนขาดจากการตั้งครรภ์เสียก่อน ซึ่งอาจจะสำรวจเบื้องต้นจากการคุมกำเนิดของตัวเองว่ามีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด มีอาการที่เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์หรือไม่ เช่น อาการแพ้ท้อง หรืออาจจะทำการตรวจปัสสาวะดูการตั้งครรภ์ด้วยตนเองก่อนที่บ้าน หรือถ้าไม่แน่ใจ สามารถเข้ารับการตรวจโดยการเจาะเลือดตรวจการตั้งครรภ์ที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน

สาเหตุที่ทำให้ประจำเดือนมาช้า

หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีการตั้งครรภ์ สาเหตุอื่นๆ ที่สามารถทำให้ประจำเดือนมาช้าได้มีดังต่อไปนี้

  • ความเครียด ความเครียดเป็นสาเหตุหลัก อาจมีผลกระทบต่อการหลั่งของฮอร์โมนบางตัว ที่ทำให้การตกของไข่ผิดปกติ และมีผลกระทบทางอ้อมทำให้ผนังมดลูกผิดปกติ ตามมาด้วยภาวะประจำเดือนมาช้า
  • น้ำหนักตัว ไม่ว่าจะน้อยไปหรือมากเกินไปก็มีผลกระทบกับประจำเดือนได้ รวมถึงผู้หญิงที่ออกกำลังกายหนักเกินไป เช่น วิ่งมาราธอน หรือผู้หญิงที่มีน้ำหนักตัวน้อยจากโรคเกี่ยวกับความผิดปกติในการกิน เช่น อะนอเร็กเซีย (Anorexia) โดยมีการศึกษาพบว่า ผู้หญิงที่มีน้ำหนักตัวต่ำกว่า 10 เปอร์เซนต์ไทล์ (Percentile) ทำให้ร่างกายเกิดภาวะการหยุดตกของไข่ และตามมาด้วยภาวะประจำเดือนมาช้า
  • โรคถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS) เป็นสาเหตุให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนเพศชายแอนโดรเจน (Androgen) มากเกินไป ส่งผลทำให้สมดุลของฮอร์โมนที่มีผลต่อการผลิตและหลุดลอกของผนังมดลูกที่จะหลุดออกมาเป็นประจำทุกเดือนผิดปกติ ประจำเดือนจึงมาช้าได้เช่นกัน
  • การหยุดใช้ยาคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) หรือโพรเจสติน (Progestin) ในผู้หญิงบางรายอาจเป็นสาเหตทำให้ไข่ไม่ตก และต้องใช้เวลานานถึงกว่า 6 เดือน ประจำเดือนถึงกลับสู่ภาวะปกติ
  • โรคเรื้อรังบางอย่าง เช่น โรคเบาหวาน ก็มีผลกับรอบประจำเดือน เพราะการเปลี่ยนแปลงของน้ำตาลในเลือดมีผลกระทบกับการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน นอกจากนี้การคุมเบาหวานไม่ดีก็เป็นสาเหตุทำให้ประจำเดือนมาผิดปกติ
  • โรคทางฮอร์โมนต่อมใต้สมองบางอย่าง เช่น โรคไทรอยด์ เป็นสาเหตุทำให้ประจำเดือนมาช้า หรือไม่มีประจำเดือน เนื่องจากโรคไทรอยด์มีผลกับระบบการเผาผลาญของร่างกาย ดังนั้นจึงกระทบกับฮอร์โมนด้วยเช่นกัน
  • อายุ ในระยะก่อนเข้าสู่วัยทองจริงในผู้หญิง โดยอายุเฉลี่ยของคนไทยอยู่ที่ 45-55 ปี จะเป็นช่วงที่สมดุลของฮอร์โมนในร่างกายไม่คงที่ ซึ่งก็จะมีผลกระทบต่อประจำเดือนที่อาจจะมาช้าผิดปกติได้

ประจำเดือนมาช้า อันตรายหรือไม่?

ประจำเดือนมาช้านั้นอันตรายหรือไม่ ขึ้นอยู่กับสาเหตุของการเกิดภาวะดังกล่าวว่าเกิดจากอะไร

อาการที่ควรจะไปพบแพทย์โดยทันที ได้แก่

  • หลังจากประจำเดือนมาช้าแล้วกลับมาเลือดออกปริมาณมากๆ
  • มีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น มีไข้ อาเจียน ปวดท้องมาก
  • มีเลือดออกผิดปกติแม้เข้าสู่วัยทองแล้ว
  • ไม่สบายใจ ที่ประจำเดือนมาช้า

พบปัญหาเกี่ยวกับประจำเดือนมาช้าสักระยะโดยเฉพาะเมื่อเกิน 14 วัน ควรปรึกษาและพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและแนวทางการรักษาต่อไป


คำถามพบบ่อย ตอบโดยทีมแพทย์

อยากทราบว่าประจำเดือนเลื่อนนานสุดกี่วัน เมนไม่มากี่วันถึงท้องคะ ?

ปกติประจำเดือนจะมาทุก 28-30 วัน (ซึ่งช่วงปกติของรอบเดือนสามารถอยู่ในช่วง 21-35 วันได้ครับ) และแต่ละรอบจะมีระยะเวลาประมาณ 3-7 วันครับ

การที่ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมออาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น

  • มีปัญหาการตกไข่ที่ไม่สม่ำเสมอ
  • ระดับฮอร์โมนในเลือดผิดปกติ
  • รังไข่ผิดปกติ เช่น การมีถุงน้ำหลายใบในรังไข่ (PCOS)
  • ความเครียด/วิตกกังวล/อารมณ์แปรปรวน
  • การออกกำลังกายที่หนักเกินไป
  • น้ำหนักตัวที่มากหรือน้อยเกินไป
  • ผลข้างเคียงของยาบางชนิด เช่น ยาคุมกำเนิด
  • ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ
  • ตั้งครรภ์

ในเบื้องต้น แนะนำให้ตรวจการตั้งครรภ์ จดบันทึกรอบประจำเดือนให้ชัดเจน และไปพบแพทย์สูตินรีเวชเพื่อตรวจประเมินอาการและหาสาเหตุที่แน่ชัด เพื่อให้การรักษาได้อย่างเหมาะสมครับ

ตอบโดย นพ. ชินไตร ถาวรลัญฉ์

มีคำถามเกี่ยวกับ เมนไม่มากี่วันถึงท้อง? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

ประจำเดือนมาช้ามากค่ะ 40-55 วันมาครั้งหนึ่ง บางทีก็นานถึง 78 วันถึงจะมาครั้งหนึ่ง อายุ 17 ปี ต้องตรวจภายในใช่ไหมคะ?

อาการที่ประจำเดือนห่างกว่าปกติหรือมาล่าช้ามาก ควรหาสาเหตุและตรวจร่างกายเพิ่มเติม เช่น การตรวจภายใน การอัลตราซาวด์ หรือตรวจเลือดครับ ตัวอย่างสาเหตุหรือโรคที่อาจทำให้เกิดอาการนี้ ได้แก่
  1. ความเครียด การอดอาหารนาน ๆ และการออกกำลังกายอย่างหักโหมมากเกินไป ทำให้ประจำเดือนขาดได้ครับ ซึ่งเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุด
  2. การใช้ยาฮอร์โมนต่าง ๆ เช่น ยาคุมกำเนิดแบบฉีด หรือยาบางชนิด เช่น ยารักษาโรคทางจิตเวช
  3. โรคทางระบบสืบพันธุ์บางชนิด เช่น ถุงน้ำรังไข่ (PCOS) อาจทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ อาจทำให้มีอาการปวดท้องหรือตกขาวที่ผิดปกติ ซึ่งควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายเพิ่มเติมครับ
  4. ฮอร์โมนไทรอยด์ผิดปกติ ซึ่งอาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ใจสั่น กินจุ น้ำหนักลด หรือฮอร์โมนจากรังไข่ผิดปกติ ทำให้ไม่เกิดการตกไข่ ส่งผลให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ ไม่มาเลย หรือมาแบบกระปริบกระปรอยครับ
  5. โรคทางการกินที่ผิดปกติ (anorexia) ซึ่งเป็นโรคทางจิตเวช หากอดอาหารหรือทานอาหารไม่ถูกวิธีเป็นเวลานาน จะทำให้ขาดประจำเดือนได้ครับ

หากคนไข้มีอาการที่ผิดปกติดังกล่าว แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายหรือตรวจภายในเพิ่มเติมนะครับ

หากประจำเดือนมาล่าช้ากว่าปกติ และไม่ได้เป็นมาติดต่อกันนานเกิน 3 รอบเดือน อาจรอดูอาการก่อนได้ครับ แต่หากเกิน 3 เดือนแล้วยังไม่มีประจำเดือน แนะนำให้ไปตรวจร่างกายและตรวจภายในเพิ่มเติมนะครับ

การทำใจให้สบาย พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ระมัดระวังเรื่องการใช้ยาหรืออาหารเสริมที่แพทย์ไม่ได้สั่ง และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้สมดุลฮอร์โมนดีขึ้น และทำให้ประจำเดือนมาสม่ำเสมอครับ

ตอบโดย ทีมแพทย์ HD

ตอนนี้ประจำเดือนไม่มาประมาณ 7-9 วัน ไม่มีอาการใด ๆ ทุกอย่างปกติ อาหารการกินก็ปกติ ใช้ชีวิตปกติ แต่ตอนนี้รู้สึกกังวลเรื่องประจำเดือนที่มาช้า พยายามไม่คิด ไม่เครียด เพื่อไม่ให้มีผลกระทบ แต่ประจำเดือนก็ยังไม่มา อยากทราบว่าจะเป็นอะไรหรือเปล่า เมนไม่มากี่วันถึงท้องคะ ?

เรื่องประจำเดือนยังไม่มา ถ้ายังไม่เกิน 7 วัน หมอแนะนำว่าสามารถรอก่อนได้ครับ ปกติประจำเดือนสามารถมาช้าได้ไม่เกิน 7 วัน ถ้ากังวลหรือเครียดก็อาจทำให้มาช้าขึ้นไปอีกได้ครับ

การที่ประจำเดือนมาไม่ตรงรอบหรือขาด อาจเกิดได้จาก

  • ความเครียด ทำให้ระดับฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง
  • โรคถุงน้ำรังไข่อาการคือ ประจำเดือนมักมาไม่สม่ำเสมอร่วมกับพบลักษณะของฮอรโมนเพศชาย(มีสิว มีขนเยอะ)
  • เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ (ช็อคโกเเลตซีสต์) อาการคือ ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ เป็นต้นครับ
  • การที่อายุเริ่มเยอะ เช่น 40-45 ปี จะเข้าสู่ช่วงก่อนวัยทอง ประจำเดือนก็มาไม่สม่ำเสมอได้ครับ
  • ความผิดปกติของต่อมใต้สมองซึ่งมีหน้าที่หลั่งฮอร์โมนมากระตุ้นรังไข่ก็ทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติได้ครับ หากประจำเดือนขาดนานๆร่วมกับบีบหัวนมเเล้วมีน้ำนมไหล

หากเดิมประจำเดือนมาปกติ แล้วประจำเดือนเกิดไม่สม่ำเสมอ โดยที่ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์แบบสอดใส่ หรือตรวจการตั้งครรภ์แล้วไม่พบว่าท้อง (ซึ่งสามารถตรวจได้เมื่อประจำเดือนขาดไป) แนะนำให้ไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติมครับ

ตอบโดย นพ. วชิรวิทย์ สุทธิศักดิ์

เมนส์ไม่มากี่วันถึงท้องคะ อาการเหมือนจะประจำเดือนจะมาแต่ไม่มา ตรวจตอนขาด 2 วันขึ้น 1 ขีด ?

ฮอร์โมนการตั้งครรภ์ (hCG) จะถูกสร้างขึ้นมาจากรกเมื่อมีการตั้งครรภ์ โดยกว่าจะมีการสร้างและหลั่งออกมามากพอที่ชุดทดสอบทางปัสสาวะจะตรวจพบได้ ต้องใช้เวลาประมาณ 14 วันหลังการปฏิสนธิค่ะ

ตามปกติแล้ว ไข่มักจะตกในช่วงกึ่งกลางของรอบเดือน และการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงดังกล่าวจะมีโอกาสที่จะเกิดการปฏิสนธิได้ แต่หากไม่เกิดการปฏิสนธิ หรือมีการปฏิสนธิแล้วแต่ไข่ที่ผสมกับอสุจิไม่สามารถฝังตัวที่เยื่อบุมดลูกได้สำเร็จ เยื่อบุมดลูกก็จะหลุดลอกออกมาเป็นประจำเดือน และถือเป็นการเริ่มต้นรอบเดือนใหม่

รอบประจำเดือนของผู้ที่ไม่ได้ใช้ยาคุมกำเนิด สามารถอยู่ในช่วง 21 – 35 วันค่ะ สำหรับคนที่มีรอบประจำเดือน 28 วัน ไข่จะตกประมาณวันที่ 14 และหากไม่มีการตั้งครรภ์ ประจำเดือนก็จะมาอีกประมาณ 14 วันหลังจากนั้น ดังนั้น ในคนทั่วไปที่มีรอบประจำเดือนไม่ต่ำกว่า 28 วัน และฮอร์โมนไม่แปรปรวน ไข่มักจะตกในช่วงกึ่งกลางของรอบเดือน หากไม่มีประจำเดือนมาตามกำหนด ก็ควรจะสามารถตรวจพบการตั้งครรภ์ได้หากมีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น (เนื่องจากน่าจะห่างจากวันที่มีการปฏิสนธิอย่างน้อย 14 วันแล้ว)

แต่สำหรับคนที่มีความแปรปรวนของฮอร์โมน ซึ่งอาจทำให้วันไข่ตกคลาดเคลื่อนไปจากที่คาดไว้ อาจเร็วหรือช้ากว่าเดิม ดังนั้นจึงยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้แม้จะมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่ไม่ใช่ช่วงกึ่งกลางของรอบเดือน

สมมติว่าไข่ตกช้ากว่าที่คาดไว้หลายวัน เมื่อตรวจการตั้งครรภ์หลังประจำเดือนขาดใหม่ ๆ ซึ่งอาจยังห่างจากวันที่ปฏิสนธิไม่นานพอ ก็อาจทำให้ยังตรวจไม่พบการตั้งครรภ์ เนื่องจากปริมาณ hCG ยังไม่มากพอ

เพื่อให้ผลการตรวจเชื่อถือได้ แนะนำว่า

  • ใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ให้ถูกวิธี เนื่องจากชุดตรวจแต่ละยี่ห้ออาจมีรายละเอียดการใช้ต่างกัน
  • ตรวจในระยะเวลาที่เหมาะสม คือ ตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน เพราะเป็นเวลาที่ฮอร์โมนเข้มข้นที่สุด ทำให้การอ่านผลง่ายขึ้น และตรวจห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันค่ะ

ดังนั้น ในกรณีที่ตรวจการตั้งครรภ์รอบแรกหลังประจำเดือนขาด 2 วันแล้วให้ผลลบ (คือขึ้น 1 ขีด) ควรทบทวนว่า 1. ใช้ชุดตรวจถูกต้องตามวิธีที่แนะนำบนกล่องหรือไม่ และ 2. ตรวจในระยะเวลาที่เหมาะสมหรือยัง เช่น หากใช้ชุดตรวจถูกวิธีแล้ว ตรวจหลังตื่นนอนแล้ว แต่ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดไม่ถึง 14 วัน ให้รอตรวจใหม่อีกครั้งเมื่อครบกำหนดเวลานั้น หรือหากประจำเดือนมาก่อนก็ไม่จำเป็นต้องตรวจซ้ำค่ะ

แนวทางในการจัดการกับปัญหาประจำเดือนมาช้า ที่สำคัญคือเราต้องเฝ้าระวังอาการแต่เนิ่น ๆ ผู้หญิงทุกคนควรจดบันทึกรอบเดือนของตนเองว่าประจำเดือนมาช้าหรือไม่ รวมถึงตรวจเช็คสุขภาพและตรวจภายในประจำปีเป็นระยะ หากพบภาวะผิดปกติใด ๆ ก็ควรพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการตรวจหาสาเหตุและทำการรักษาอย่างเหมาะสมค่ะ

ตอบโดย ภกญ. จินตนา แสงโพธิ์


คำถามที่เกี่ยวข้อง


เขียนบทความโดย นพ. ปัญญาวุฒิ ลิ้มสุขวัฒน์

มีคำถามเกี่ยวกับ เมนไม่มากี่วันถึงท้อง? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

หากคุณติดตั้ง LINE บนคอมพิวเตอร์ของคุณแล้ว ระบบจะเปิดบัญชีทางการ LINE ของ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ โดยอัตโนมัติ

หากคุณยังไม่ได้ติดตั้ง LINE บนเดสก์ท็อป โปรดสแกน QR โค้ดด้วย LINE บนโทรศัพท์มือถือของคุณเพื่อเริ่มแชทกับ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ