ผ่าตัดทำเส้นฟอกไต ชนิดเส้นเลือดเทียม
รายละเอียด
รักษาโรคนี้ได้วิธีไหนบ้าง
“เส้นฟอกเลือด” เส้นชีวิตของผู้ที่เป็นโรคโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้าย
การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (Hemodialysis) เป็นหนึ่งในวิธีรักษาโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้าย ซึ่งเป็นระยะที่ผู้ป่วยไม่สามารถกำจัดของเสียออกจากร่างกายได้หมด โดยจะนำเลือดออกจากทาง “เส้นฟอกเลือด” ที่แขน หรือคอ ผ่านเข้าเครื่องไตเทียมไปยังตัวกรองเพื่อขจัดของเสียและน้ำส่วนเกินที่คั่งอยู่ในร่างกาย
อย่างไรก็ตาม การเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัดแบบ Open Reduction Internal Fixation มักพบได้น้อย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ตำแหน่งกระดูกที่หัก, ช่วงอายุของคนไข้, โรคประจำตัวและสภาพร่างกายคนไข้, พฤติกรรมการสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
สัญญาณที่ต้องผ่าตัด
หากคุณเป็นโรคไตเรื้อรังระยะที่ 3 เป็นต้นไป แนะนำให้เข้าปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการผ่าตัดเส้นฟอกเลือดตั้งแต่เนิ่น ๆ เนื่องจากหลังผ่าตัดเส้นฟอกเลือดชนิดเส้นเลือดจริงเสร็จแล้ว จะต้องใช้เวลารออย่างน้อย 6 สัปดาห์ขึ้นไป เพื่อให้เส้นฟอกเลือดมีขนาดใหญ่และสามารถใช้งานได้
การผ่าตัดเส้นฟอกเลือดที่แขนนั้น จะมีข้อดีตรงที่ผู้ป่วยไม่ต้องใส่สายฟอกไตคาอยู่ที่คอ หรือขา ซึ่งนอกจากจะไม่สะดวกแล้ว ยังทำให้เจ็บแผล และเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่ายด้วย
รู้จักการผ่าตัดนี้
การผ่าตัดเส้นฟอกเลือดที่แขนชนิดเส้นเลือดจริง (Arteriovenous Fistula) คืออะไร?
https://static.hd.co.th/750x450/system/image_attachments/images/000/217/952/original/ArteriovenousFistula-FreezingFetusTransfer.png
การผ่าตัดเส้นฟอกเลือดที่แขนชนิดเส้นเลือดจริง (Arteriovenous Fistula : AVF) คือ การผ่าตัดเปิดแผลขนาดเล็กที่แขนเพื่อหาหลอดเลือดแดงและดำ
จากนั้นจะทำการเชื่อมต่อกันระหว่างเส้นเลือดทั้งสอง เพื่อให้เลือดจำนวนมากจากหลอดเลือดแดงไหลเข้าไปยังหลอดเลือดดำ ทำให้เส้นเลือดดำโป่งพอง มีขนาดใหญ่ขึ้น และแข็งแรงเพียงพอที่จะใช้เป็นเส้นทางในการนำเลือดเข้าสู่เครื่องไตเทียม
ขั้นตอนการผ่าตัดเส้นฟอกเลือดที่แขนชนิดเส้นเลือดจริงเป็นอย่างไร?
https://static.hd.co.th/750x450/system/image_attachments/images/000/217/955/original/method-FreezingFetusTransfer.png
ผ่าตัดเส้นฟอกเลือดที่แขนชนิดเส้นเลือดจริง มีขั้นตอนดังนี้
- ทำความสะอาดแขนข้างที่จะทำการผ่าตัด และระงับความรู้สึกด้วยการฉีดยาชาเฉพาะที่
- แพทย์จะเปิดแผลขนาดที่แขน ขนาดประมาณ 3 เซนติเมตร เพื่อหาหลอดเลือดดำและแดง
- หลังจากนั้นจะทำการเชื่อมต่อกันระหว่างหลอดเลือดทั้งสอง ส่งผลให้มีเลือดจำนวนมากจากหลอดเลือดแดงไหลไปยังหลอดเลือดดำ และทำให้เส้นเลือดดำโป่งพอง
- เมื่อทำการผ่าตัดเสร็จแล้ว แพทย์จะให้ไปนอนพักที่ห้องพักฟื้น ถ้าหากไม่มีอาการผิดปกติ แพทย์อาจให้กลับไปพักฟื้นต่อที่บ้านได้เลย หรือให้นอนพักฟื้นที่โรงพยาบาล 1 คืน ขึ้นกับดุลพินิจของแพทย์
การผ่าตัดเส้นฟอกเลือดที่แขนชนิดเส้นเลือดจริงใช้ระยะเวลาเท่าใด?
ผ่าตัดเส้นฟอกเลือดที่แขนชนิดเส้นเลือดจริงจะใช้ระยะเวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง
การผ่าตัดเส้นฟอกเลือดที่แขนชนิดเส้นเลือดจริงต้องพักฟื้นนานเท่าไหร่?
หลังจากผ่าตัดเส้นฟอกเลือดที่แขนชนิดเส้นเลือดจริงเสร็จแล้ว สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ แต่จะต้องปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตราย หรือทำให้เส้นฟอกเลือดที่แขนเสียหายได้
ข้อจำกัดในการเข้ารับการผ่าตัดเส้นฟอกเลือดที่แขนชนิดเส้นเลือดจริง
ในกรณีที่ไม่มีหลอดเลือดดำที่ดีและแข็งแรงพอจะทำเส้นฟอกเลือด จะไม่สามารถผ่าตัดเส้นฟอกเลือดที่แขนชนิดเส้นเลือดจริงได้ จำเป็นที่จะต้องทำแบบเส้นเลือดเทียมแทน ซึ่งจะใช้หลอดเลือดเทียมที่ทำจากท่อพลาสติกสังเคราะห์แทนหลอดเลือดดำ
เปรียบเทียบการผ่าตัดวิธีต่างๆ
รูปแบบของเส้นฟอกเลือดที่แขน
1. เส้นฟอกเลือดที่แขนชนิดเส้นเลือดจริง (Arteriovenous Fistula : AVF)
https://static.hd.co.th/750x450/system/image_attachments/images/000/217/948/original/1.AVF-FreezingFetusTransfer.png
เกิดจากการผ่าตัดเชื่อมหลอดเลือดแดงกับหลอดดำ เพื่อทำให้หลอดเลือดดำมีความแข็งแรง ผนังหลอดเลือดหนาและใหญ่ขึ้น และช่วยให้เลือดไหลเวียนได้มากขึ้น
เส้นฟอกเลือดที่แขนชนิดเส้นเลือดจริง เป็นชนิดเส้นฟอกเลือดที่ดีที่สุด และแพทย์จะแนะนำให้ทำเป็นวิธีแรก เพราะมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนและการติดเชื้อได้น้อยกว่า มีอายุการใช้งานยาวนานกว่าเส้นฟอกเลือดแบบอื่น โดยมีอายุเฉลี่ย 4-5 ปี และหากดูแลดีๆ จะมีอายุใช้งานได้นานหลายสิบปี
2. เส้นฟอกเลือดที่แขนชนิดเส้นเลือดเทียม (Arteriovenous Graft : AVG)
https://static.hd.co.th/750x450/system/image_attachments/images/000/217/949/original/2.AVG-FreezingFetusTransfer.png
ถ้าหากไม่สามารถทำเส้นฟอกเลือดชนิดเส้นเลือดจริงได้ แพทย์จะแนะนำให้ทำเส้นฟอกเลือดที่แขนชนิดเส้นเลือดเทียมแทน ซึ่งเกิดจากการผ่าตัดฝังหลอดเลือดเทียมที่เชื่อมระหว่างหลอดเลือดแดงกับหลอดดำ มีอายุการใช้งานประมาณ 2 ปี
3. สายสวนหลอดเลือดระยะยาว (Permanent Catheter)
https://static.hd.co.th/750x450/system/image_attachments/images/000/217/950/original/3.PermanentCatheter-FreezingFetusTransfer.png
เป็นการใส่สายขนาดใหญ่ไปในหลอดเลือดดำใหญ่ เพื่อให้สามารถนำเลือดปริมาณมากเข้าเครื่องฟอกเลือดได้เร็วขึ้น จะมีข้อดีตรงที่สามารถใช้ได้ทันทีหลังสายเสร็จ แต่ก็มีความเสี่ยงในการเกิดเส้นเลือดดำใหญ่อุดตัน และมีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายกว่าชนิดอื่น
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการผ่าตัดเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะจะช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการผ่าตัด ทำให้การผ่าตัดเป็นไปอย่างปลอดภัยมากขึ้น โดยแพทย์จะแนะนำให้เตรียมตัวดังนี้
- เข้ารับการตรวจร่างกายและตรวจอัลตราซาวด์เพื่อประเมินความพร้อมของหลอดเลือด
- ดูแลรักษาโรคประจำตัวต่างๆ ให้อยู่ในระดับปกติ ไม่ว่าจะเป็น โรคเบาหวาน หรือโรคความดันโลหิตสูง เพื่อให้สามารถเข้ารับการผ่าตัดได้
- งดการใช้ยาที่ทำให้เลือดแข็งตัวช้าอย่างน้อย 7 วันก่อนการผ่าตัด เพื่อลดการเสียเลือดระหว่างผ่าตัด เช่น ยาแอสไพริน ยาวาร์ฟาริน หรือยาในกลุ่มระงับอาการปวด (แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนงดใช้ยา)
- งดการใช้ยาสมุนไพร อาหารเสริม หรือวิตามินบางประเภท ที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น น้ำมันปลา โอเมก้า 3 น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส หรือโคเอนไซม์คิวเทน เป็นต้น (แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนงดใช้ยา)
- ควรหมั่นบริหารเส้นเลือดข้างที่จะทำเส้นฟอกเลือด โดยการบีบ และคลายลูกบอลสลับไปมา ครั้งละ 10-15 นาที หรือประมาณ 400 ครั้งต่อวัน เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของเส้นเลือด
- งดอาหารอย่างน้อย 6 ชั่วโมงก่อนผ่าตัด ยกเว้นยาที่รับประทานประจำ
การดูแลหลังผ่าตัด
หลังจากที่แพทย์อนุญาตให้กลับไปพักฟื้นต่อที่บ้านได้แล้ว ผู้เข้ารับการผ่าตัดจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ร่างกายสามารถฟื้นฟูได้เร็วขึ้น และป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตราย ดังนี้
- หมั่นสังเกตแผลผ่าตัด หากมีเลือดออกมาผิดปกติ หรือผิวหนังบริเวณผ่าตัดบวมโป่ง หรือมีเลือดซึมไม่หยุด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที
- รับประทานยาฆ่าเชื้อ ยาแก้อักเสบ และยาแก้ปวดตามที่แพทย์สั่ง
- ควรยกแขนสูง โดยเฉพาะ 2-3 วันแรกหลังผ่าตัด เพื่อป้องกันไม่ให้มีเลือด หรือน้ำเหลืองคั่งใต้ผิวหนังรอบ ๆ บริเวณข้างที่ทำการผ่าตัด
- ระมัดระวังไม่ให้แผลผ่าตัดโดนน้ำ 7-14 วัน หรือจนกว่าจะตัดไหม
- หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่เสี่ยงทำให้เกิดการกระทบกระแทกแขนที่ผ่าตัด ไม่ว่าจะเป็น การออกกำลังกาย หรือทำงานหนัก รวมไปถึงการซาวน่า และว่ายน้ำด้วย
- ห้ามเจาะเลือด วัดความดัน หรือแทงเข็มเพื่อให้น้ำเกลือ หรือยา ข้างที่ทำการผ่าตัด
- หมั่นออกกำลังฝ่ามือและแขน โดยการกำลูกเทนนิส หรือลูกบอลเล็ก ๆ แล้วทำการเกร็ง และปล่อย ทำสลับไปมาประมาณ 400 ครั้งต่อวัน เพื่อให้เส้นฟอกเลือดมีความแข็งแรงหลังจากที่แพทย์อนุญาตให้กลับไปพักฟื้นต่อที่บ้านได้แล้ว ผู้เข้ารับการผ่าตัดจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ร่างกายสามารถฟื้นฟูได้เร็วขึ้น และป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตราย ดังนี้
- หมั่นสังเกตแผลผ่าตัด หากมีเลือดออกมาผิดปกติ หรือผิวหนังบริเวณผ่าตัดบวมโป่ง หรือมีเลือดซึมไม่หยุด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที
- รับประทานยาฆ่าเชื้อ ยาแก้อักเสบ และยาแก้ปวดตามที่แพทย์สั่ง
- ควรยกแขนสูง โดยเฉพาะ 2-3 วันแรกหลังผ่าตัด เพื่อป้องกันไม่ให้มีเลือด หรือน้ำเหลืองคั่งใต้ผิวหนังรอบ ๆ บริเวณข้างที่ทำการผ่าตัด
- ระมัดระวังไม่ให้แผลผ่าตัดโดนน้ำ 7-14 วัน หรือจนกว่าจะตัดไหม
- หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่เสี่ยงทำให้เกิดการกระทบกระแทกแขนที่ผ่าตัด ไม่ว่าจะเป็น การออกกำลังกาย หรือทำงานหนัก รวมไปถึงการซาวน่า และว่ายน้ำด้วย
- ห้ามเจาะเลือด วัดความดัน หรือแทงเข็มเพื่อให้น้ำเกลือ หรือยา ข้างที่ทำการผ่าตัด
- หมั่นออกกำลังฝ่ามือและแขน โดยการกำลูกเทนนิส หรือลูกบอลเล็ก ๆ แล้วทำการเกร็ง และปล่อย ทำสลับไปมาประมาณ 400 ครั้งต่อวัน เพื่อให้เส้นฟอกเลือดมีความแข็งแรง
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
การผ่าตัดเส้นฟอกเลือดที่แขนชนิดเส้นเลือดจริง อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ ดังนี้
- ความเสี่ยงทั่วไปที่พบได้จากการผ่าตัด เช่น การติดเชื้อ แพ้ยาชา แพ้ยาสลบ อาการชา บวมช้ำ เลือดออก หรือเลือดคลั่ง
- เจ็บและปวดแผลบริเวณที่ผ่าตัด ซึ่งแพทย์จะจ่ายยาบรรเทาอาการปวดให้
- เส้นฟอกเลือดที่ต่อไว้อุดตันจากการที่มีก้อนเลือด
- มีอาการขาดเลือดไปเลี้ยงที่มือ เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้น้อยมาก