Theophylline (ทีโอฟิลลีน)

ทีโอฟิลลีน (Theophylline) เป็นยาในยารักษาโรคหืดและปอดอุดกั้นเรื้อรัง เป็นสารในกลุ่มแซนทีน (xanthine) ในธรรมชาติพบสารนี้ในชา และโกโก้ กลไกการออกฤทธิ์ของยา คือ ยามีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ฟอสโฟไดเอสเตอเรส (phosphodiesterase) แบบแข่งขัน ส่งผลให้เกิดการสร้าง cyclic adenine monophosphate (cAMP) มากยิ่งขึ้นในเนื้อเยื่อ ทำให้หลอดลมขยายตัว ยามีฤทธิ์ขับปัสสาวะ กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางและกระตุ้นหัวใจ เพิ่มการหลั่งของกรดในกระเพาะอาหาร

มีคำถามเกี่ยวกับ ทีโอฟิลลีน? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

รูปแบบยาที่มีวางจำหน่ายในประเทศไทย ได้แก่

  • รูปแบบยาเม็ด ขนาด 125 มิลลิกรัม
  • รูปแบบแคปซูล ขนาด 200 และ 400 มิลลิกรัม
  • รูปแบบยาเม็ดออกฤทธิ์เนิ่น (ยาที่ออกฤทธิ์นานกว่าปกติ) ขนาด 200 และ 250 มิลลิกรัม

สรรพคุณของยา Theophylline

  1. ขยายหลอดลม คลายกล้ามเนื้อรอบหลอดลม ช่วยให้หายใจสะดวกขึ้น
  2. ลดการอักเสบ ลดอาการบวมและระคายเคืองในทางเดินหายใจ
  3. กระตุ้นการหายใจ กระตุ้นศูนย์ควบคุมการหายใจในสมอง
  4. เพิ่มประสิทธิภาพกล้ามเนื้อหายใจ ช่วยให้กล้ามเนื้อระบบหายใจทำงานดีขึ้น
  5. รักษาโรคอื่นๆ เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับและภาวะหัวใจล้มเหลว

ขนาดและวิธีการใช้ยา Theophyline

  • ขนาดการให้ยาในผู้ป่วยขึ้นอยู่กับกระบวนการแมทาบอลึซึมของยาในผู้ป่วยแต่ละกลุ่มที่มีความแตกต่างกัน ขนาดการใช้ยาโดยทั่วไปในผู้ป่วยคือ
  • ภาวะหลอดลมหดเกร็ง ในผู้ป่วยที่มีการอุดกั้นของทางเดินหายใจ โรคหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง การใช้ยาในรูปแบบยารับประทาน
    • ขนาดการใช้ยาในเด็กน้ำหนักตัวน้อยกว่า 45 กิโลกรัม
      • ขนาดยาเริ่มต้น ขนาด 12-14 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัมต่อวัน แบ่งให้ยาทุก 4-6 ชั่วโมง ขนาดยาสูงสุดคือ 300 มิลลิกรัมต่อวัน
      • หลังจาก 3 วัน หากอาการไม่ดีขึ้น ให้เพิ่มขนาดยาเป็น 16 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัมต่อวัน แบ่งให้ยาทุก 4-6 ชั่วโมง ขนาดยาสูงสุดคือ 400 มิลลิกรัมต่อวัน
      • หลังจากเพิ่มขนาดยาแล้ว 3 วัน หากอาการไม่ดีขึ้น และจำเป็นต้องมีการเพิ่มขนาดยา ให้เพิ่มขนาดยาเป็น 20 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัมต่อวัน แบ่งให้ยาทุก 4-6 ชั่วโมง ขนาดยาสูงสุดคือ 600 มิลลิกรัมต่อวัน
    • ขนาดการใช้ยาในเด็กน้ำหนักตัวมากกว่า 45 กิโลกรัม และในผู้ใหญ่
      • ขนาดยาเริ่มต้น ขนาด 300 มิลลิกรัมต่อวัน แบ่งให้ยาทุก 6-8 ชั่วโมง
      • หลังจาก 3 วัน หากอาการไม่ดีขึ้น ให้เพิ่มขนาดยาเป็น 400 มิลลิกรัมต่อวัน แบ่งให้ยาทุก 6-8 ชั่วโมง
      • หลังจากเพิ่มขนาดยาแล้ว 3 วัน หากอาการไม่ดีขึ้น และจำเป็นต้องมีการเพิ่มขนาดยาให้เพิ่มขนาดยาเป็น 600 มิลลิกรัมต่อวัน แบ่งให้ยาทุก 6-8 ชั่วโมง

ข้อควรระวังในการใช้ Theophylline 

  • ห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่มีการแพ้ยา Theophylline และยาในกลุ่มอนุพันธ์ของแซนทีน (Xanthine)
  • ห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วยพอร์ฟิเรีย (porphyria) ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่เกิดขึ้นจากการที่ร่างกายสร้างสารพอร์ไฟรินมากเกินไป ซึ่งพอร์ไฟรินเป็นสารที่เกี่ยวข้องการกับทำงานของเม็ดเลือดแดง สารพอร์ไฟรินที่มากเกินไปส่งผลต่อความผิดปกติของร่างกายทั้งในรูปแบบเฉียบพลัน คือส่งผลต่อระบบประสาท และรูปแบบส่งผลต่อผิวหนัง อาการแสดงส่งผลต่อหลายระบบ เช่น ส่งผลต่อระบบเลือด ความดันโลหิต ส่งผลต่อระบบประสาท เช่น อาการวิตกกังวล เห็นภาพหลอน ระบบกล้ามเนื้อ มีอาการปวดกล้ามเนื้อ อ่อนแรง อัมพาต ระบบหายใจ เช่น หายใจลำบาก เป็นต้น
  • ควรระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยแผลในกระเพาะอาหาร
  • ควรระวังการใช้ยานี้ในที่มีความผิดปกติของระบบต่อมไร้ท่อ ได้แก่ ฮอร์โมนไทรอยด์สูงกว่าปกติ โรคเบาหวาน
  • ควรระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยโรคต้อหิน
  • ควรระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยโรคลมชัก เนื่องจากเป็นผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง ยาสามารถกระตุ้นให้เกิดการชักได้
  • ควรระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด ได้แก่ ความดันโลหิตสูง หัวใจวาย หัวใจเต้นผิดจังหวะ
  • ควรระวังการใช้ยาในผู้ป่วยที่มีภาวะคอร์พูลโมเนล (Cor pulmonale) หรือภาวะที่หัวใจห้องขวาล้มเหลวซึ่งเป็นผลจากโรคที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของปอดหรือหลอดเลือดปอด เนื่องจากเป็นผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง
  • ควระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่มีประวัติการสูบบุหรี่ เนื่องจากเป็นผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง
  • ควรระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยสูงอายุ เด็ก สตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตร

ผลข้างเคียงของการใช้ Theophylline 

  • คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ไม่อยากอาหาร ถ่ายท้อง ปวดศีรษะ ตื่นตัว วิตกกังวล นอนไม่หลับ สับสน อาการชัก ปัสสาวะบ่อย ภาวะขาดน้ำ หายใจเร็ว
  • อาการที่เกี่ยวข้องกับหัวใจ ได้แก่ หัวใจเต้นเร็ว เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ ระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลว ความดันโลหิตต่ำ หัวใจห้องล่างเต้นผิดจังหวะ
  • ผลข้างเคียงที่รุนแรงถึงชีวิต ได้แก่ อาการชัก หัวใจเต้นผิดจังหวะ ความดันโลหิตต่ำรุนแรง หัวใจหยุดเต้น

ข้อควรทราบอื่นๆของยา Theophylline

  • ยาถูกจัดอยู่ในกลุ่ม category C ตามดัชนีความปลอดภัยการใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์ (Pregnancy Safety Index) ควรใช้ยานี้เฉพาะเมื่อแพทย์มีความเห็นว่า ผู้ป่วยจะได้รับประโยชน์จากยามากกว่าความเสี่ยงรุนแรงที่จะเกิดขึ้นต่อทารกในครรภ์
  • เนื่องจากขนาดการให้ยาขึ้นอยู่กับการแมทาบอลิซึมของผู้ป่วยในกลุ่มต่างๆ ในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงต่อไปนี้ ทำให้การทำลายของ Theophylline เกิดได้น้อยกว่าปกติ ทำให้ระดับยา Theophylline อยู่ในกระแสเลือดได้นานขึ้น อาจเกิดพิษและผลข้างเคียงรุนแรงถึงชีวิตได้
  • เด็กแรกเกิด เด็กอายุน้อยกว่ 1 ปี และในผู้สูงอายุมากกว่า 60 ปี
  • ผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจวาย
  • ผู้ป่วยที่มีภาวะคอร์พูโมเนล (Cor pulmonale) หรือภาวะที่หัวใจห้องขวาล้มเหลวซึ่งเป็นผลจากโรคที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของปอดหรือหลอดเลือดปอด
  • ผู้ป่วยที่มีไข้มากกว่า 24 ชั่วโมง
  • ผู้ป่วยภาวะฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำกว่าปกติ (hypothyroidism)
  • ผู้ป่วยโรคตับ ได้แก่ ตับแข็ง และตับอักเสบ
  • ผู้ป่วยภาวะ Sepsis (ภาวะที่ร่างการตอบสนองต่อการติดเชื้อ โดยตอบสนองเป็นการอักเสบทั่วร่างกาย) ที่มีการทำลายของอวัยวะ และผู้ป่วยภาวะช็อก
  • ผู้ป่วยที่มีประวัติการใช้บุหรี่มาก่อนหน้า

การใช้ยา Theophylline ในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงจึงควรมีการตรวจระดับ Theophylline ในกระแสเลือด อาจมีการพิจารณาลดขนาดยาในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยง

มีคำถามเกี่ยวกับ ทีโอฟิลลีน? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

  • ยานี้ควรรับประทานก่อนอาหาร 1-2 ชั่วโมง เนื่องจากอาหารทำให้การดูดซึมของยาเกิดช้าลง
  • การดื่มแอลกอฮอล์ร่วมกับยานี้ส่งผลให้การขับของยาเกิดได้มากขึ้น ควรหลีกเลี่ยงการใช้แอลกอฮอล์ในระหว่างที่มีการใช้ยา
  • ยานี้แนะนำให้เก็บรักษาที่อุณหภูมิไม่เกิน 30 องศาเซลเซียส เก็บให้พ้นจากแสงแดด และความชื้น

หากคุณติดตั้ง LINE บนคอมพิวเตอร์ของคุณแล้ว ระบบจะเปิดบัญชีทางการ LINE ของ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ โดยอัตโนมัติ

หากคุณยังไม่ได้ติดตั้ง LINE บนเดสก์ท็อป โปรดสแกน QR โค้ดด้วย LINE บนโทรศัพท์มือถือของคุณเพื่อเริ่มแชทกับ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ