ephedrine scaled

Ephedrine (เอฟิดรีน)

เอฟิดรีน (Ephedrine) เป็นยาในกลุ่มยาบรรเทาอาการคัดจมูก และยาที่ออกฤทธิ์ทำให้หลอดเลือดหดตัว Ephedrine เป็นสารในกลุ่มอัลคาลอยด์ ในอดีตมีการใช้ในตำรับยาแก้คัดจมูกและยาขยายหลอดลม

สรรพคุณและข้อบ่งใช้ของยา Ephedrine

  • ภาวะความดันโลหิตต่ำในระหว่างการผ่าตัด เมื่อให้ยาระงับความรู้สึกผ่านไขสันหลัง
  • ภาวะหลอดลมหดเกร็งเฉียบพลัน และการอุดกั้นของทางเดินหายใจ
  • ภาวะบวมน้ำจากระบบประสาท
  • อาการคัดจมูก ไซนัสอักเสบ

กลไกการออกฤทธิ์ยา Ephedrine

กลไกการออกฤทธิ์ของยาคือ กระตุ้นตัวรับอะดรีเนอร์จิกได้ทั้งชนิดอัลฟ่าและบีต้า เพิ่มการทำงานของนอร์อีพิเนปฟรีน เนื่องจากตัวรับไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างอะดรีนาลีน (Adrenaline) นอร์อิพิเนปฟรีน (Norepinephrine) และอีเฟดรีนได้ ทำให้เกิดการขยายตัวของหลอดลม หลอดเลือดส่วนปลายหดตัว และกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ในปัจจุบัน Ephedrine ไม่เป็นที่นิยมใช้เนื่องจากพบว่ามีอันตรายมากกว่าประโยชน์ที่ผู้ใช้ได้รับ และยังมียาทางเลือกอื่นที่ปลอดภัยและให้ประสิทธิภาพดีกว่าในการรักษาอาการดังกล่าว

ขนาดและวิธีการใช้ยา Ephedrine

Ephedrine มีขนาดและวิธีการใช้ตามข้อบ่งใช้ ดังนี้

  • ภาวะความดันโลหิตต่ำในระหว่างการผ่าตัด เมื่อให้ยาระงับความรู้สึกผ่านไขสันหลัง การใช้ยาในรูปแบบยาฉีด
    • ขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่ ยาในรูป Ephedrine hydrochloride ขนาด 3-6 มิลลิกรัม ให้ยาผ่านหลอดเลือดดำช้าๆ ทุก 3-4 นาที จนมีการตอบสนองของระดับความดันโลหิต ขนาดยาสูงสุดคือ 30 มิลลิกรัม
    • ขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่ ยาในรูป Ephedrine sulfate ขนาด 25-50 มิลลิกรัม ให้ยาผ่านการฉีดเข้าใต้ผิวหนัง หรือฉีดเข้ากล้ามเนื้อ หรือขนาด 5-25 มิลลิกรัม เมื่อให้ยาผ่านหลอดเลือดดำ อาจให้ยาซ้ำจนมีการตอบสนองของระดับความดันโลหิต ขนาดยาสูงสุดคือ 150 มิลลิกรัมต่อวัน
    • ขนาดการใช้ยาในเด็ก ขนาด 0.5 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัม ทุก 4-6 ชั่วโมง ให้ยาผ่านการฉีดเข้าใต้ผิวหนัง หรือฉีดเข้ากล้ามเนื้อ หรือ ขนาด 0.75 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัม วันละสี่ครั้ง ให้ยาผ่านการฉีดเข้าใต้ผิวหนัง หรือหลอดเลือดดำ
    • ขนาดการใช้ยาในผู้สูงอายุ ขนาดการใช้เดียวกันกับผู้ใหญ่
  • ภาวะหลอดลมหดเกร็งเฉียบพลัน และการอุดกั้นของทางเดินหายใจ
    • การใช้ยาในรูปแบบยาฉีด
      • ขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่ ยาในรูป Ephedrine sulfate ขนาด 12.5-25 มิลลิกรัม ให้ยาผ่านการฉีดเข้าใต้ผิวหนัง เข้ากล้าม หรือเข้าหลอดเลือดดำ อาจให้ยาซ้ำจนมีการตอบสนองของอาการ
    • การใช้ยาในรูปแบบยารับประทาน
      • ขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่ ยาในรูป Ephedrine hydrochloride ขนาด 15-60 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง
      • ขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่ ยาในรูป Ephedrine sulfate 12.5-25 มิลลิกรัม ทุก 4 ชั่วโมง ขนาดยาสูงสุด 150 มิลลิกรัมต่อวัน
      • ขนาดการใช้ยาในเด็กอายุ 1-5 ปี ยาในรูป Ephedrine hydrochloride ขนาด 15 มิลลิกรัม วันละสามครั้ง
      • ขนาดการใช้ยาในเด็กอายุ 6-12 ปี ยาในรูป Ephedrine hydrochloride ขนาด 30 มิลลิกรัม วันละสามครั้ง
      • ขนาดการใช้ยาในเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป ยาในรูป Ephedrine hydrochloride ใช้ขนาดยาเดียวกันกับผู้ใหญ่
      • ขนาดการใช้ยาในเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป ยาในรูป Ephedrine sulfate ใช้ขนาดยาเดียวกันกับผู้ใหญ่
      • ขนาดการใช้ยาในผู้สูงอายุ ยาในรูป Ephedrine hydrochloride และ Ephedrine sulfate ลดขนาดยาลงครึ่งหนึ่งของขนาดที่ใช้ในผู้ใหญ่
  • ภาวะบวมน้ำจากระบบประสาท การใช้ยาในรูปแบบยารับประทาน
    • ขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่ ยาในรูป Ephedrine hydrochloride ขนาด 30-60 มิลลิกรัม วันละสามครั้ง
  • อาการคัดจมูก ไซนัสอักเสบ การใช้ยาในรูปแบบหยอดทางจมูก
    • ขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่ ยาความเข้มข้น 1 % หยด 1-2 หยดลงในรูจมูกแต่ละข้าง วันละ 4 ครั้ง ใช้ยาต่อเนื่องนานสุด 7 วัน
    • ขนาดการใช้ยาในเด็กอายุ 12-17 ปี ใช้ขนาดยาเดียวกันกับผู้ใหญ่
    • ขนาดการใช้ยาในผู้สูงอายุ ใช้ขนาดยาเดียวกันกับผู้ใหญ่

ข้อควรระวังในการใช้ Ephedrine ได้แก่

  • ไม่แนะนำให้ใช้ยารูปแบบหยดทางจมูกในเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี
  • ห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วยหลอดเลือดหัวใจตีบ หัวใจขาดเลือด ความดันโลหิตสูง
  • ห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วยไทรอยด์เป็นพิษ
  • ห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วยโรคเบาหวาน
  • ห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วยต่อมลูกหมากโต
  • ห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วยต้อหินมุมปิด
  • ห้ามใช้ยาในรูปแบบยาหยอดทางจมูกต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน
  • ห้ามใช้ยาในรูปแบบยาหยอดทางจมูกในผู้ป่วยที่เพิ่งได้รับการผ่าตัดจมูก หรือไซนัส
  • ห้ามใช้ยานี้ในสตรีให้นมบุตร
  • ห้ามใช้ยานี้ในผู้ที่ได้รับยากลุ่ม MAOI (Mono Amine Oxidase Inhibitor – ยากลุ่มหนึ่งของยารักษาโรคซึมเศร้า) หรือเพิ่งหยุดการใช้ยากลุ่ม MAOI ยังไม่เกิน 2 สัปดาห์ (ยากลุ่ม MAOI ได้แก่ Rasagiline, Selegiline, Isocarboxazid, Phenelzine และ Tranylcypromine)
  • ห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่ได้รับยากลุ่มกระตุ้นระบบซิมพาเทติก ยาบีต้าบล็อกเกอร์ และผู้ป่วยดมยาสลบ
  • ควรระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่มีอาการ Vasomotor (ได้แก่ อาการร้อนวูบวาบ เหงื่ออกมาก ในสตรีหมดประจำเดือน)
  • ควระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่มีประวัติโรคลมชัก
  • ควรระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยไตบกพร่อง
  • ควรระวังการใช้ยาในผู้ป่วยสูงอายุ และสตรีมีครรภ์

ผลข้างเคียงของการใช้ Ephedrine

  • ผลข้างเคียงที่พบได้ มีดังนี้
    • ยาในรูปแบบรับประทาน ได้แก่ วิตกกังวล ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ คลื่นไส้
    • ยาในรูปแบบยาฉีด ได้แก่ หัวใจเต้นผิดจังหวะ อ่อนแรง สับสน ซึมเศร้า หายใจลำบาก เหงื่อออกมาก ไม่อยู่นิ่ง หัวใจเต้นเร็ว อาเจียน
    • ยาในรูปแบบยาหยอดจมูก ได้แก่ ส่งผลต่อหัวใจ ระบบไหลเวียนโลหิต เสพติดการใช้ยา ปากแห้ง
  • ผลข้างเคียงที่รุนแรง ได้แก่ หลอดเลือดหัวใจตีบ กล้ามเนื้อหัวใจตาย อาการชัก ผลข้างเคียงต่อระบบประสาท กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ นิ่วในไต

ข้อควรทราบอื่นๆของยา Ephedrine

  • ยาถูกจัดอยู่ในกลุ่ม category C ตามดัชนีความปลอดภัยการใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์ (Pregnancy Safety Index) ควรใช้ยานี้เฉพาะเมื่อแพทย์มีความเห็นว่า ผู้ป่วยจะได้รับประโยชน์จากยามากกว่าความเสี่ยงรุนแรงที่จะเกิดขึ้นต่อทารกในครรภ์
  • ในผู้ป่วยสตรีมีครรภ์ ไม่แนะนำให้ใช้ยานี้ทั้ง 3 รูปแบบ โดยเฉพาะยาในรูปแบบยาฉีด เนื่องจากยามีความเสี่ยงเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจจนเสียชีวิตได้
  • การใช้ยาในรูปแบบยาฉีด ควรมีการติดตามระดับความดันโลหิต และอัตราการเต้นของหัวใจ
  • การใช้ยาในรูปแบบยาฉีด ห้ามใช้ร่วมกับยากลุ่มเกลือประจุลบ และการให้ยาผ่าน Y-site ห้ามให้ร่วมกับ Thiopental
  • การใช้ยาในรูปแบบยารับประทาน สามารถรับประทานก่อนหรือหลังอาหารก็ได้
  • การใช้ยาในรูปแบบยาหยอดจมูก ไม่ควรใช้ติดต่อกันนานเกิน 7 วัน
  • ยานี้แนะนำให้เก็บรักษาที่อุณหภูมิไม่เกิน 20-25 องศาเซลเซียส เก็บให้พ้นจากแสง และความชื้น

Scroll to Top