Clotrimazole (โคลไตรมาโซล)

ยาโคลไตรมาโซล (Clotrimazole) เป็นยาในกลุ่มยาต้านเชื้อรา ใช้สำหรับรักษาการติดเชื้อรากลุ่มแคนดิด้าในช่องคลอด การติดเชื้อแคนดิด้าในช่องปาก ผื่นผ้าอ้อมโรคเกลื้อน และการติดเชื้อกลาก ได้แก่ ฮ่องกงฟุต และสังคัง

คนส่วนใหญ่จะรู้จักในรูปแบบครีมทา ซึ่งยา Clotrimazole มีหลายประเภท ทั้งวิธีรับประทาน เจล โลชั่น แป้ง ยาทา ยาอม ยาหยอดหู ยาเหน็บช่องคลอด ขึ้นกับการรักษา

ยาโคลไตรมาโซลอาจมีการผสมรวมกับสารกลุ่มกลูโคคอร์ติคอยด์ (glucocorticoid) อย่างเช่น เบต้าเมธาโซน (betamethasone) ซึ่งมีวางจำหน่ายในรูปแบบยาครีมในการรักษาโรคกลาก โรคสังคัง และโรคฮ่องกงฟุต

สรรพคุณของยา Clotrimazole

  • ข้อบ่งใช้สำหรับติดเชื้อแคนดีด้าในช่องปากและลำคอ
  • ข้อบ่งใช้สำหรับติดเชื้อราที่หูชั้นนอก
  • ข้อบ่งใช้สำหรับติดเชื้อราที่ผิวหนัง
  • ข้อบ่งใช้สำหรับติดเชื้อแคนดีด้าในช่องคลอด

กลไกการออกฤทธิ์ของยา Clotrimazole

กลไกการออกฤทธิ์ของยาคือ โคลไตรมาโซล เป็นยาปฏิชีวนะที่มีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อรากว้าง โคลไตรมาโซลจับกับฟอสโฟลิพิด (phospholipid) บนเยื่อหุ้มเซลล์ รบกวนกระบวนการเลือกผ่านสารเข้าออกของผนังเซลล์ของเชื้อรา ทำให้เกิดการรั่วออกขององค์ประกอบสำคัญภายในเซลล์

ข้อบ่งใช้ของยา Clotrimazole

ข้อบ่งใช้สำหรับติดเชื้อแคนดีด้าในช่องปากและลำคอ

  • ขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่ ยาในรูปแบบยาอม โดยยาอมหนึ่งเม็ดประกอบด้วยโคลไตรมาโซล ขนาด 10 มิลลิกรัม อมยาอมหนึ่งเม็ด วันละห้าครั้งเป็นเวลา 14 วัน

ข้อบ่งใช้สำหรับป้องกันการติดเชื้อในผู้ป่วยที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน

  • ขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่ ยาในรูปแบบยาอม ให้อมหนึ่งเม็ด วันละสามครั้งตลอดช่วงที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน

ข้อบ่งใช้สำหรับติดเชื้อราที่หูชั้นนอก ยาในรูปแบบยาหยอดหู

  • ขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่ หยอดยาหยอดหูความเข้มข้น 1% ลงบริเวณที่มีการติดเชื้อรา

ข้อบ่งใช้สำหรับติดเชื้อราที่ผิวหนัง ยาในรูปแบบยาทาผิวหนัง

  • ขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่ ป้ายยาความเข้มข้น 1% วันละสองถึงสามครั้ง เป็นเวลาสองถึงสี่สัปดาห์ อาจใช้ยาในรูปแบบผงแป้งความเข้มข้น 1% โรยเพื่อป้องกันการติดเชื้อราซ้ำ

ข้อบ่งใช้สำหรับติดเชื้อแคนดีด้าในช่องคลอด

  • ขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่ ยาชนิดเม็ดสอดช่องคลอด สอดยาขนาด 100 มิลลิกรัม วันละครั้ง เป็นเวลาหกวัน หรือขนาด 200 มิลลิกรัม วันละครั้ง เป็นเวลาสามวัน หรือขนาด 500 มิลลิกรัม ใช้ครั้งเดียว หรือใช้ในรูปแบบยาครีมสำหรับป้าย ความเข้มข้น 1 2 หรือ 10% ป้ายบริเวณที่มีการติดเชื้อรา

ข้อปฏิบัติเมื่อลืมรับประทานยา Clotrimazole

หากลืมรับประทานยาตามเวลาปกติที่รับประทาน ถ้าปกติรับประทาน 1 เม็ด ให้รับประทานยาทันทีที่นึกได้จำนวน 1 เม็ดโดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เม็ดแทนเม็ดที่ลืมรับประทาน ในกรณีลืมรับประทานยาใกล้กับเวลารับประทานถัดไป ให้รับประทานยาในมื้อถัดไปในขนาด 1 เม็ด โดยข้ามยาในมื้อที่ลืมไปและไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เม็ด

ข้อควรระวังของการใช้ยา Clotrimazole

  • ห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่แพ้ยาโคลไตรมาโซล
  • หลีกเลี่ยงไม่ให้อยากสัมผัสกับดวงตาเหมือนกรณีใช้ยาในรูปแบบยาทา
  • ระวังการใช้ยานี้ไม่เด็กอายุต่ำกว่าสามปี
  • ระวังการใช้ยานี้ในสตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตร

ผลข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา Clotrimazole

ยานี้อาจก่อให้เกิดอาการอันไม่พึงประสงค์ ได้แก่ เมื่อใช้ยาในรูปแบบยาทาผิวหนัง อาจก่อให้เกิดผื่นแดง อาการระคายเคือง อาการแพ้ยา ผิวหนังอักเสบชนิดผื่นสัมผัส เมื่อใช้ยาในรูปแบบยารับประทาน ยาอาจรบกวนการทำงานของระบบทางเดินอาหาร ปัสสาวะขัด ภาวะซึมเศร้า การเพิ่มขึ้นของระดับเอนไซม์ตับ

ข้อมูลการใช้ยา Clotrimazole ในสตรีมีครรภ์และสตรีให้นมบุตร

  • สำหรับการใช้ยาในสตรีมีครรภ์ ยารับประทาน ตัวยาจัดอยู่ในกลุ่ม category C คือ ควรระมัดระวังการใช้ยาในสตรีมีครรภ์
  • สำหรับสตรีให้นมบุตร ควรระวังการใช้ยาและยาทาภายนอก จัดอยู่ในกลุ่มcategory B คือ ยาค่อนข้างมีความปลอดภัยในการใช้ยาในสตรีมีครรภ์

ประเภทของยาตามองค์การอาหารและยา ประเทศไทย

  1. ยาจัดอยู่ในกลุ่มยาใช้ภายนอก
  2. ยาสำหรับรับประทานจัดอยู่ในกลุ่มยาอันตราย จำหน่ายเฉพาะในร้านขายยาแผนปัจจุบันที่มีเภสัชกรชั้นหนึ่งเป็นผู้จ่ายยาเท่านั้น

ข้อมูลการเก็บรักษายา Clotrimazole

  • เก็บที่อุณหภูมิต่ำกว่า 30 องศาเซลเซียส

สิ่งที่ควรแจ้งแพทย์ เภสัชกร และพยาบาลในการสั่งใช้ยา

แพทย์และเภสัชกรสามารถให้ข้อมูลการใช้ยาอย่างปลอดภัย ผู้ป่วยควรแจ้งข้อมูลเหล่านี้แก่แพทย์หรือเภสัชกรเพื่อประโยชน์ต่อผู้ป่วยและลดความเสี่ยงในการเกิดอันตรายจากการใช้ยา

  • แจ้งข้อมูลการใช้ยารักษาโรคประจำตัว ยาที่เพิ่งรับประทานก่อนหน้านี้ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่รับประทาน (รวมถึงวิตามิน และสมุนไพร) ในกรณีมียาประจำตัวจำนวนมาก ให้พกยาเพื่อให้แพทย์หรือเภสัชกรช่วยตรวจสอบก่อนสั่งจ่ายยาใหม่ ไม่ให้เกิดอันตรกิริยาระหว่างยาที่จะได้รับใหม่และยาที่เดิมที่ผู้ป่วยใช้อยู่
  • แจ้งประวัติการแพ้ยา หรืออาการแพ้ที่เกิดขึ้นเมื่อใช้ยา ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หรือแพ้อาหารชนิดใดอยู่ (เนื่องจากยาบางชนิดมีส่วนประกอบของไข่ขาว นม ยีสต์) อาการที่เกิดขึ้น เช่น อาการบวม เกิดผื่น หายใจลำบาก หรือให้นำบัตรแพ้ยา พกติดตัวและแสดงบัตรนี้แก่แพทย์และเภสัชกรก่อนเข้าใช้บริการสุขภาพทุกครั้ง
  • แจ้งข้อมูลในกรณีที่มีการตั้งครรภ์ หรือมีแผนที่จะตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร เนื่องจากยาบางชนิดส่งผลอันตรายต่อเด็กในครรภ์ หรือสามารถขับออกทางน้ำนมได้
  • แจ้งข้อมูลที่จะส่งผลต่อการรับประทานยา เช่น มีปัญหาการกลืนลำบาก มีปัญหาด้านการมองเห็นหรืออ่านฉลากยา วิธีการรับประทานยา เพื่อแพทย์หรือเภสัชกรจะได้ช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้อง
Scroll to Top