ampicillin scaled

Ampicillin (แอมพิซิลิน)

แอมพิซิลิน (Ampicillin) เป็นยาปฏิชีวนะในกลุ่มเพนิซิลลิน (penicillins) ใช้ในการรักษาการติดเชื้อแบคทีเรียหลายประเภท

สรรพคุณของยา Ampicillin

  • ข้อบ่งใช้สำหรับเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
  • ข้อบ่งใช้สำหรับป้องกันการติดเชื้อ group B Streptoccocalในเด็กแรกเกิดระหว่างคลอด
  • ข้อบ่งใช้สำหรับติดเชื้อที่ถุงน้ำดีถุงลมอักเสบเยื่อบุหัวใจอักเสบกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ ติดเชื้อ listeria หูชั้นกลางอักเสบ ติดเชื้อ streptococcal ก่อนคลอด เยื่อบุช่องท้องอักเสบ
  • ข้อบ่งใช้สำหรับโรคไข้ไทฟอยด์และพาราไทฟอยด์
  • ข้อบ่งใช้สำหรับรักษาการติดเชื้อโกนอเรีย ชนิดไม่มีภาวะแทรกซ้อน
  • ข้อบ่งใช้สำหรับรักษาการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
  • ข้อบ่งใช้สำหรับรักษาการติดเชื้อ ยาในรูปแบบยาฉีดเข้าหลอดเลือด

กลไกการออกฤทธิ์ของยา Ampicillin

กลไกการออกฤทธิ์ของยา คือ แอมพิซิลินมีฤทธิ์ยับยั้งการสังเคราะห์ผนังเซลล์ของแบคทีเรีย โดยเข้าจับกับ penicillin-binding protein (PBPs) ที่จะยับยั้งกระบวนการทรานส์เปปทิเดชันในขั้นตอนสุดท้ายของการสังเคราะห์เปปทิโดไกลแคนของผนังเซลล์ของแบคทีเรีย เป็นผลให้ยับยั้งชีวสังเคราะห์ของผนังเซลล์แบคทีเรียและหยุดการประกอบโครงสร้างของผนังเซลล์แบคทีเรียจะถูกย่อยสลายโดยเอนไซม์ออโตไลซิน (autolysin) และมูเรอิน ไฮโดรเลส (murein hydrolase)

ข้อบ่งใช้ของยา Ampicillin

ข้อบ่งใช้สำหรับเยื่อหุ้มสมองอักเสบยาในรูปแบบยาฉีดเข้าหลอดเลือดดำ

  • ขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่ 2 กรัมทุก 6 ชั่วโมงขนาดการใช้ยาในเด็ก 150 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมต่อวันโดยแบ่งให้ยา

ข้อบ่งใช้สำหรับป้องกันการติดเชื้อ group B Streptoccocal ในเด็กแรกเกิดระหว่างคลอด

  • ขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่เริ่มต้นขนาด 2 กรัมให้ยาทางหลอดเลือดดำจากนั้นตามด้วยขนาด 1 กรัมทุก 4 ชั่วโมงจนกระทั่งคลอด

ข้อบ่งใช้สำหรับติดเชื้อที่ถุงน้ำดีถุงลมอักเสบเยื่อบุหัวใจอักเสบกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ ติดเชื้อ listeria หูชั้นกลางอักเสบ ติดเชื้อ streptococcal ก่อนคลอด เยื่อบุช่องท้องอักเสบ

    • ขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่ ขนาด 0.25-1 กรัม ทุกหกชั่วโมง
    • ขนาดการใช้ยาในเด็ก อายุน้อยกว่า 10 ปี ขนาดยาครึ่งหนึ่งของขนาดที่ใช้ในผู้ใหญ่

ข้อบ่งใช้สำหรับโรคไข้ไทฟอยด์และพาราไทฟอยด์

  • ขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่ ขนาด 1-2 กรัม ทุกหกชั่วโมง เป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ในกรณีเป็นการติดเชื้อชนิดเฉียบพลัน และ 4-12 สัปดาห์ในกรณีเป็นพาหะของเชื้อ

ข้อบ่งใช้สำหรับรักษาการติดเชื้อโกนอเรีย ชนิดไม่มีภาวะแทรกซ้อน

  • ขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่ขนาด 2 กรัมร่วมกับ 1 กรัมของยา probenacid แบบครั้งเดียว แนะนำให้ใช้ยาซ้ำในผู้ป่วยสตรี

ข้อบ่งใช้สำหรับรักษาการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ

  • ขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่ ขนาด 500 มิลลิกรัม ทุก 8 ชั่วโมง

ข้อบ่งใช้สำหรับรักษาการติดเชื้อ ยาในรูปแบบยาฉีดเข้าหลอดเลือด

  • ขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่ ขนาด 500 มิลลิกรัม ทุก 6 ชั่วโมง ขนาดการใช้ยาในเด็กอายุน้อยกว่า 10 ปีใช้ขนาดยาครึ่งหนึ่งของขนาดที่ใช้ในผู้ใหญ่

ข้อปฏิบัติเมื่อลืมรับประทานยา Ampicillin

  • หากลืมรับประทานยาตามเวลาปกติที่รับประทาน ถ้าปกติรับประทาน 1 เม็ด ให้รับประทานยาทันทีที่นึกได้จำนวน 1 เม็ดโดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เม็ดแทนเม็ดที่ลืมรับประทาน
  • ในกรณีลืมรับประทานยาใกล้กับเวลารับประทานถัดไป ให้รับประทานยาในมื้อถัดไปในขนาด 1 เม็ด โดยข้ามยาในมื้อที่ลืมไปและไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เม็ด

ข้อควรระวังของการใช้ยา Ampicillin

  • ไม่ใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่แพ้ยาแอมพิซิลลิน หรือยาเพนนิซิลลิน (penicillin) อื่น
  • ระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่มีประวัติแพ้ยากลุ่มบีต้า-แลกแทม (beta-lactam)
  • ระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยโรคไต
  • ระวังการใช้ยานี้ในสตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตร

ผลข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา Ampicillin

ยานี้อาจก่อให้เกิดอาการอันไม่พึงประสงค์ ได้แก่ อาการขึ้นไส้ อาเจียน ท้องเสีย เกิดผื่นแดง เจ็บปาก ลิ้นเป็นสีดำ

อาการแพ้ยาแบบ Steven-Johnson การเกิดพิษต่อผิวหนัง อาการบวม เป็นไข้ ปวดข้อ ภาวะโลหิตจางเนื่องจากเม็ดเลือดแดงแตก ภาวะเกร็ดเลือดต่ำ ภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ ความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด เลือดแข็งตัวช้าลง พิษต่อระบบประสาทส่วนกลาง เช่น อาการชัก เกิดพิษต่อไต ไตอักเสบ ตับอักเสบ ดีซ่านชนิดที่มีการสะสมของคลอเรสเตอรอล การเพิ่มขึ้นของเอนไซม์ตับ

อาการอันไม่พึงประสงค์ที่รุนแรง ได้แก่ การแพ้ยาแบบ Anaphylaxis อาการท้องเสียจากการติดเชื้อ Clostridium difficile

ข้อมูลการใช้ยา Ampicillin ในสตรีมีครรภ์และสตรีให้นมบุตร

สำหรับการใช้ยาในสตรีมีครรภ์ ตัวยาจัดอยู่ในกลุ่ม category B คือยาค่อนข้างมีความปลอดภัยในการใช้ยาในสตรีมีครรภ์

ประเภทของยาตามองค์การอาหารและยา ประเทศไทย

ยาจัดอยู่ในกลุ่มยาอันตราย จำหน่ายเฉพาะในร้านขายยาแผนปัจจุบันที่มีเภสัชกรชั้นหนึ่งเป็นผู้จ่ายยาเท่านั้น

สิ่งที่ควรแจ้งแพทย์ เภสัชกร และพยาบาลในการสั่งใช้ยา

แพทย์และเภสัชกรสามารถให้ข้อมูลการใช้ยาอย่างปลอดภัย ผู้ป่วยควรแจ้งข้อมูลเหล่านี้แก่แพทย์หรือเภสัชกรเพื่อประโยชน์ต่อผู้ป่วยและลดความเสี่ยงในการเกิดอันตรายจากการใช้ยา

  • แจ้งข้อมูลการใช้ยารักษาโรคประจำตัว ยาที่เพิ่งรับประทานก่อนหน้านี้ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่รับประทาน (รวมถึงวิตามิน และสมุนไพร) ในกรณีมียาประจำตัวจำนวนมาก ให้พกยาเพื่อให้แพทย์หรือเภสัชกรช่วยตรวจสอบก่อนสั่งจ่ายยาใหม่ ไม่ให้เกิดอันตรกิริยาระหว่างยาที่จะได้รับใหม่และยาที่เดิมที่ผู้ป่วยใช้อยู่
  • แจ้งประวัติการแพ้ยา หรืออาการแพ้ที่เกิดขึ้นเมื่อใช้ยา ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หรือแพ้อาหารชนิดใดอยู่ (เนื่องจากยาบางชนิดมีส่วนประกอบของไข่ขาว นม ยีสต์) อาการที่เกิดขึ้น เช่น อาการบวม เกิดผื่น หายใจลำบาก หรือให้นำบัตรแพ้ยา พกติดตัวและแสดงบัตรนี้แก่แพทย์และเภสัชกรก่อนเข้าใช้บริการสุขภาพทุกครั้ง
  • แจ้งข้อมูลในกรณีที่มีการตั้งครรภ์ หรือมีแผนที่จะตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร เนื่องจากยาบางชนิดส่งผลอันตรายต่อเด็กในครรภ์ หรือสามารถขับออกทางน้ำนมได้
  • แจ้งข้อมูลที่จะส่งผลต่อการรับประทานยา เช่น มีปัญหาการกลืนลำบาก มีปัญหาด้านการมองเห็นหรืออ่านฉลากยา วิธีการรับประทานยา เพื่อแพทย์หรือเภสัชกรจะได้ช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้อง

Scroll to Top