เทคนิคการเสริมหน้าอกที่ได้ยินกันบ่อยๆ ก็คือการเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนและเสริมหน้าอกด้วยไขมันจากส่วนอื่นของร่างกาย ในบทความนี้ HDmall ศูนย์รวมบริการสุขภาพ ทำฟัน และความงามที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย จะพามาดูข้อมูลเบื้องต้นว่า ทั้ง 2 แบบนี้แตกต่างกันอย่างไร
1. เสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน
การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน (Silicone) หรือบางคนอาจเรียกว่าเต้านมเทียม (Breast implants) ผลิตจากวัตถุดิบทางเคมีเผื่อใส่ในร่างกายโดยเฉพาะ อาจประกอบไปด้วย
- ซิลิโคน (Silicon)
- ออกซิเจน (Oxygen)
- คาร์บอน (Carbon)
- ไฮร์โดรเจน (Hydrogen)
ซิลิโคนเสริมหน้าอกต้องผลิตขึ้นในห้องปฏิบัติการ มักมีลักษณะเป็นก้อนกลมๆ ยืดหยุ่นสูง มีความนิ่ม และคืนตัวได้รวดเร็วเมื่อสัมผัส วัสดุนี้ใช้สำหรับใส่เข้าไปในหน้าอกเพื่อให้ขนาดดูใหญ่หรือสมดุลขึ้นนั่นเอง
กดอ่านเรื่องการเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนต่อ
ซิลิโคนแบบน้ำเกลือ กับ ซิลิโคนแบบเจล ต่างกันอย่างไร?
ซิลิโคนที่นิยมใช้ในการเสริมหน้าอกมี 2 ประเภท ดังนี้
- ซิลิโคนน้ำเกลือ (Saline implants) เป็นถุงซิลิโคนที่ด้านในบรรจุน้ำเกลือให้ถุงพองขึ้นตามขนาดที่ต้องการ ก่อนนำมาใส่ไว้ในหน้าอก ซึ่งค่อนข้างปลอดภัยเพราะร่างกายสามารถดูดซึมน้ำเกลือได้ในกรณีที่ซิลิโคนเกิดการรั่ว
- ซิลิโคนแบบเจล (Silicone gel implants) เป็นซิลิโคนที่ทำมาแบบสำเร็จรูปแล้ว มีความยืดหยุ่นสูง มีโอกาสที่จะรั่วซึมน้อยกว่าซิลิโคนน้ำเกลือ แต่ข้อเสียคือ หากเกิดการรั่วซึมจะรู้ตัวช้า เพราะดูจากภายนอกไม่ค่อยเห็นว่าซิลิโคนกำลังเกิดความผิดปกติ ต้องอาศัยการตรวจด้วยเครื่องสแกนเอ็มอาร์ไอ (Magnetic resonance imaging: MRI) ทุก 2-3 ปี
โดยสรุปแล้ว การจะเลือกซิลิโคนทั้ง 2 แบบ ต้องอาศัยการพิจารณาจากความต้องการ ระยะเวลา ปัจจัยด้านสุขภาพ และค่าใช้จ่ายในการเสริมหน้าอกร่วมด้วย
2. เสริมหน้าอกด้วยการฉีดไขมันจากส่วนอื่น
การเสริมหน้าอกด้วยการฉีดไขมัน คือการที่แพทย์นำไขมันออกมาจากอวัยวะส่วนอื่นของตัวผู้เสริมหน้าอกเอง จากนั้นนำมาทำความสะอาด แล้วฉีดกลับเข้าไปยังหน้าอกเพื่อเพิ่มขนาด
วิธีการฉีดไขมันนั้นมีใช้กันหลากหลายรูปแบบแล้ว ทั้งการเสริมโหนกแก้ม เสริมคิ้ว เสริมริมฝีปาก แต่การนำไขมันมาเสริมหน้าอกนั้นต้องใช้ไขมันมากกว่าการเสริมที่ส่วนอื่น
โดยไขมันส่วนที่นิยมนำมาใช้ฉีดเสริมหน้าอกบ่อยๆ ได้แก่
- ไขมันส่วนต้นขา
- ไขมันส่วนเอว
- ไขมันส่วนหน้าท้อง
หลายคนต้องการใช้วิธีการฉีดไขมันเพราะรู้สึกว่าเป็นธรรมชาติมากกว่าซิลิโคน ทำให้หมดปัญหาเรื่องการเกิดพังผืดเกาะซิลิโคน รวมถึงยังช่วยลดสัดส่วนไขมันในบริเวณที่ไม่ต้องการอีกด้วย
นอกจากนี้ การฉีดไขมันนั้นเป็นการผ่าตัดเล็ก ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้นมาก ไม่มีแผลเป็นบริเวณหน้าอก เพราะใช้เพียงเข็มฉีดไขมันเข้าไปเท่านั้น
แต่อย่างไรก็ตาม การฉีดไขมันจากส่วนอื่นมาเสริมหน้าอกนั้นมีโอกาสที่เซลล์ไขมันจะละลายหายไปได้ถึง 50% จึงไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่ากับการเสริมหน้าอกแบบซิลิโคน เหมาะกับเฉพาะคนที่ต้องการเสริมหน้าอกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
หากยังคงไม่แน่ใจว่าควรเลือกการเสริมหน้าอกแบบไหนดี สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ > รวมข้อมูลเสริมหน้าอกแบบละเอียดยิบ