ร่องแก้มลึก ร่องแก้มหย่อนคล้อย และริ้วรอยบริเวณร่องแก้มเวลายิ้มนั้น อาจสร้างปัญหาใหญ่ต่อความงามบนใบหน้า ทำให้ผิวหน้าดูสูงอายุ ไม่สดใส จนใครหลายคนขาดความมั่นใจ
หลายคนจึงตัดสินใจไป “เสริมร่องแก้ม” เพื่อเรียกคืนความมั่นใจกลับมา ซึ่งในปัจจุบันการเสริมร่องแก้มก็มีด้วยกันหลายวิธี ตั้งแต่การฉีดฟิลเลอร์ การฉีดไขมันร่องแก้ม และการเสริมร่องแก้มด้วยซิลิโคน
แล้วแต่ละวิธีมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันอย่างไร ขั้นตอนยุ่งยากไหม แบบไหนเหมาะกับใครบ้าง? ในบทความนี้ของ HDmall.co.th ได้สรุปข้อควรรู้ของวิธีต่างๆ แบบถามตอบเข้าใจง่ายไว้ให้แล้ว
สารบัญ
ร่องแก้มคืออะไร?
ร่องแก้ม (Cheek Groove) เป็นเส้นเฉียงบริเวณข้างแก้มเหนือปากยาวลงมาจนถึงบริเวณมุมปาก เวลายิ้ม แสดงสีหน้า กล้ามเนื้อหลายมัดบริเวณตรงกลางใบหน้าจะหดเกร็ง ยกมุมปากและแก้มของเราให้โหนกนูนขึ้น
โดยร่องแก้มอาจเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น อายุที่มากขึ้น กรรมพันธุ์ การสัมผัสแสงแดดเป็นประจำ พฤติกรรมการดูแลรักษาผิวหน้าของแต่ละคน เป็นต้น
เสริมร่องแก้มคืออะไร?
เสริมร่องแก้ม (The Lip-Cheek Groove) เป็นการเสริมให้ร่องแก้มตื้นขึ้น เพื่อช่วยยกกระชับใบหน้าให้กับผู้ที่มีปัญหาร่องแก้มลึก หย่อนคล้อย ทำให้ใบหน้าแลดูอ่อนเยาว์ อิ่มฟูขึ้น ลดริ้วรอยบริเวณร่องแก้ม มีความปลอดภัยสูง โดยจะต้องทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
เสริมร่องแก้มมีกี่แบบ?
ในการเสริมร่องแก้มที่นิยมทำกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันนั้น มี 3 รูปแบบด้วยกันดังต่อไปนี้
1. ฉีดฟิลเลอร์เสริมร่องแก้ม
เป็นการเสริมร่องแก้มด้วยการใช้สารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid: HA) ฉีดเข้าผิวหนังบริเวณร่องแก้ม เพื่อใช้แทนคอลลาเจนและไฮยาลูรอน ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญของโครงสร้างผิวตามธรรมชาติที่ร่างกายได้สูญเสียไป โดยทั่วไปแล้วหากมีปัญหาไม่มากใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 1-2 CC ก็เพียงพอแล้ว แต่บางกรณีที่มี ปัญหาร่องแก้มลึก จะต้องใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 3-4 CC และหลังฉีดสามารถอยู่ได้ประมาณ 1-2 ปี ก่อนที่จะสลายไปเอง อีกทั้งฟิลเลอร์ยังช่วยกักเก็บน้ำไว้ในชั้นใต้ผิวหนัง และทำให้ร่องแก้มตื้นขึ้น ผิวเต่งตึง ยืดหยุ่นได้อย่างเป็นธรรมชาติ
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์เสริมร่องแก้ม
- เห็นผลทันที
- ไม่ต้องผ่าตัดและไม่มีรอยแผล
- ไม่ต้องพักฟื้น
- ไม่ทำให้เกิดการแพ้
- ไม่มีสารตกค้างในร่างกาย
- ฉีดเติมใหม่ได้เรื่อยๆ ไม่เป็นอันตราย
ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์เสริมร่องแก้ม
- ฉีดแล้วอยู่ได้ประมาณ 1-2 ปี และอาจต้องเติมซ้ำ
- ราคาค่อนข้างสูง
ใครเหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์เสริมร่องแก้ม?
- ผู้ที่มีปัญหาร่องแก้มลึก มีริ้วรอย และหย่อนคล้อยจากอายุที่มากขึ้น
- ผู้ที่รู้สึกขาดความมั่นใจ จากการมีร่องแก้มลึก
- ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้ดูเด็กลง โดยไม่ต้องผ่าตัด
- ผู้ที่ต้องการเห็นผลรวดเร็ว และไม่ต้องการเสียเวลาพักฟื้น
ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์เสริมร่องแก้ม
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญพิจารณาปัญหาที่ต้องแก้ไขและให้คำแนะนำผู้รับบริการ จากนั้นกำหนดตำแหน่งที่จะฉีดฟิลเลอร์และปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะสม ซึ่งมีขั้นตอนดังต่อไปนี้
- เตรียมความพร้อมด้วยการทำความสะอาดใบหน้าตรงจุดที่จะฉีด
- แพทย์จะต้องแกะกล่องฟิลเลอร์ให้ดูก่อนฉีด ตรวจสอบให้มั่นใจว่าเป็นของแท้
- แพทย์ฉีดฟิลเลอร์ตรงตำแหน่งที่กำหนดไว้
- ประคบเย็น เพื่อลดความเจ็บจากเข็ม ส่วนในเนื้อฟิลเลอร์บางชนิดจะมียาชาผสมอยู่แล้ว
- แพทย์ให้คำแนะนำการดูแลตัวเองหลังฉีดเสร็จ สามารถกลับบ้านได้ โดยไม่ต้องพักฟื้น
การดูแลตัวเองหลังการฉีดฟิลเลอร์เสริมร่องแก้ม
การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์เสริมร่องแก้ม มีดังนี้
- งดออกกำลังกายที่ต้องใช้แรง ตากแดด หรือการแตะ แกะ เกาและกดนวดในจุดที่ฉีดภายใน 2 วันแรก เพราะอาจทำให้เกิดรอยแดง บวม บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์
- หลีกเลี่ยงการขยับผิวในจุดที่ฉีดภายใน 3 วันแรก เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนได้
- หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำ และนอนให้ศีรษะสูงกว่าร่างกายประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อช่วยลดอาการบวม
- งดดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 2 สัปดาห์
- งดอาหารรสจัด ของดิบ และของแสลงตามแพทย์แนะนำ อย่างน้อย 2 สัปดาห์
- งดเลเซอร์ อบไอน้ำ หรืออบซาวด์หน้า ที่ใช้ความร้อน อย่างน้อย 4 สัปดาห์
- ประคบเย็น เพื่อบรรเทาอาการบวม เจ็บ คัน ตึง หรือรอยฟกช้ำ
- รับประทานยาแก้ปวดและยาลดบวมเมื่อมีอาการ หรือตามแพทย์สั่ง
- งดเลเซอร์ร้อนที่ลงผิวชั้นลึกทุกชนิดอย่างน้อย 1 เดือน
- พบแพทย์ตามนัด และหากมีอาการผิดปกติให้ไปพบแพทย์ทันที ก่อนเวลานัดได้
ผลข้างเคียงของการฉีดฟิลเลอร์เสริมร่องแก้ม
หลังจากฉีดฟิลเลอร์เสริมร่องแก้มแล้ว ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจะมีต่อไปดังนี้
- รอยแดงจากเข็ม และหายไปเองได้ประมาณ 2-3 วัน
- อาการบวม และจะหายบวมไปเองได้ประมาณ 1-2 สัปดาห์
2. ฉีดไขมันเสริมร่องแก้ม
เป็นการเสริมร่องแก้มด้วยการใช้ไขมันส่วนเกินของร่างกายตัวเอง ฉีดเข้าไปเติมเต็มใต้ผิวหนังบริเวณร่องแก้ม ซึ่งไขมันที่ใช้ฉีดสามารถใช้ในปริมาณที่ไม่จำกัด แต่ต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์ผู้ชี่ยวชาญด้วย โดยหลังฉีดจะอยู่ได้ประมาณ 2-5 ปี และอาจอยู่ได้นานกว่านี้ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเอง
ข้อดีของการฉีดไขมันเสริมร่องแก้ม
- แผลเล็ก ไม่มีแผลเป็นหลังการผ่าตัด
- ใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน
- เสียเลือดน้อย มีอาการบวมช้ำไม่มาก
- ลดไขมันส่วนเกินของร่างกายได้ด้วย
- มีสัมผัสนุ่มนวล เรียบเนียน ยืดหยุ่นอย่างเป็นธรรมชาติ
- ไม่มีสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย ลดโอกาสเกิดอาการแพ้
- ช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ ทำให้ผิวสุขภาพดีและช่วยทำให้ผิวแข็งแรงยิ่งขึ้น
- ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน และเร่งซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพได้ดี ผิวพรรณดูสดใสและชุ่มชื่น
ข้อเสียของการฉีดไขมันเสริมร่องแก้ม
- มีแผลเขียวช้ำจากบริเวณที่นำไขมันออกมา
- มีโอกาสเสี่ยงที่ไขมันจะไม่ติดบนหน้า
- ฉีดแล้วอยูได้ประมาณ 2-5 ปี และอาจจะต้องเติมซ้ำ
ใครเหมาะกับการฉีดไขมันเสริมร่องแก้ม?
- ผู้ที่มีปัญหาแก้มตอบ ซึ่งทำให้เกิดร่องแก้มลึก
- ผู้ที่มีปัญหาร่องแก้มลึก มีริ้วรอย และหย่อนคล้อยจากอายุที่มากขึ้น
- ผู้ที่อยากลดไขมันส่วนเกิน และมีความต้องการลดริ้วรอยบริเวณร่องแก้ม
- ผู้ที่ต้องการเสริมร่องแก้ม แต่กังวลเรื่องความปลอดภัยจากสิ่งแปลกปลอม
ขั้นตอนการฉีดไขมันเสริมร่องแก้ม
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะอธิบายแผนการฉีดไขมันเสริมร่องแก้มให้กับผู้รับบริการ และนัดวันทำ โดยขั้นตอนการฉีดไขมันร่องแก้มมีดังต่อไปนี้
- แพทย์ดูดไขมันส่วนเกินจากบริเวณที่วางแผนไว้
- นำไขมันที่ได้มาปั่นแยกเซลล์ไขมันให้ได้ไขมันที่มีคุณภาพ และไขมันที่มีชีวิต
- ทำความสะอาดใบหน้า ฆ่าเชื้อที่ใบหน้าและฉีดยาชา
- ในบางกรณีแพทย์อาจพิจารณาวางยาสลบ เพื่อคลายความกังวลให้กับผู้รับบริการ
- แพทย์นำไขมันคุณภาพที่คัดแยก มาฉีดเข้าไปที่ใบหน้าบริเวณร่องแก้ม
- แพทย์ให้คำแนะนำการดูแลตัวเองหลังฉีดเสร็จ สามารถกลับบ้านได้ โดยไม่ต้องพักฟื้น
การดูแลตัวเองหลังการฉีดไขมันเสริมร่องแก้ม
การดูแลรักษาแผลหลังจากฉีดไขมันเสริมร่องแก้มเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์และดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัดดังต่อไปนี้
- รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งให้ครบ
- ทำความสะอาดแผลผ่าตัดทุกวัน จนกว่าจะตัดไหม
- งดนวดหน้า ทาครีม โลชั่น ภายใน 24 ชั่วโมงแรก
- ประคบเย็นด้วยเจลประคบในช่วง 2-3 วันแรกหลังผ่าตัด เพื่อลดอาการบวม
- นอนหมอนให้ศีรษะสูงกว่าร่างกายในช่วง 3 วันแรกหลังผ่าตัด
- งดรับประทานวิตามิน อาหารเสริม ยาบำรุง และยาต้านเกร็ดเลือดทุกชนิดต่อเนื่องอีกอย่างน้อย 1 สัปดาห์
- งดสัมผัสหน้าที่รุนแรงๆ หรือนวดหน้า ในช่วง 7-10 วันหลังผ่าตัด เพื่อไม่ให้ไขมันที่ฉีดสลายตัว
- หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด อาหารร้อน ของหมักดอง อย่างน้อย 2 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงไม่ให้ใบหน้าอยู่ในอุณหภูมิเย็นจัดหรือร้อนจัดประมาณ 1 เดือนหลังผ่าตัด เพราะไขมันที่ฉีดเข้าไปอาจสลายตัวไปได้
- งดสูบบุหรี่ และงดดื่มแอลกอฮอล์ประมาณ 1 เดือน หลังฉีดไขมัน
- งดการออกกำลังกายหนัก จนกว่าแผลจะหายเป็นปกติ
- พบแพทย์ตามนัด และหากมีอาการผิดปกติให้ไปพบแพทย์ทันทีโดยไม่ต้องรอถึงเวลานัดได้
ผลข้างเคียงของการฉีดไขมันเสริมร่องแก้ม
หลังการฉีดไขมันเสริมร่องแก้ม จะมีผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นน้อยมาก เนื่องจากใช้ไขมันที่นำมาจากร่างกายของผู้รับบริการเอง จึงไม่ทำให้เกิดอาการแพ้โดยอาการที่เกิดขึ้นสามารถหายได้เอง ดังนี้
- รอยช้ำ อาการนี้จะหายไปเองภายใน 3-7 วัน
- อาการปวดบวม จะหายไปเองภายใน 3-7 วัน
- ร่างกายตรงตำแหน่งที่ดูดไขมัน จะมีอาการช้ำเล็กน้อย และจะหายไปภายใน 3-4 วัน
3. เสริมร่องแก้มด้วยซิลิโคน
เป็นการผ่าตัดเสริมร่องแก้มด้วยการใช้ซิลิโคนที่ออกแบบเฉพาะสำหรับเสริมร่องแก้ม ซึ่งเป็นการผ่าตัดเล็กด้านในปากบริเวณใกล้เหงือกด้านบนที่อยู่ใต้ร่องแก้ม ข้างละขนาด 0.5-1 เซนติเมตร และใส่แผ่นซิลิโคนเข้าไปทั้ง 2 ข้าง เพื่อช่วยหนุนดันไม่ให้ผิวหนังเกิดเป็นร่องลึก ทำให้ร่องแก้มให้ตื้นขึ้น ไม่มีแผลภายนอกให้เห็น
ข้อดีของการเสริมร่องแก้มด้วยซิลิโคน
- ร่องแก้มเต็ม ดูตื้นขึ้น และอยู่ได้อย่างถาวร
- เจ็บตัวน้อย แผลผ่าตัดเล็ก ไม่ต้องพักฟื้น
- แผลซ่อนอยู่ด้านในช่องปาก ไม่มีแผลภายนอกให้เห็น
- สามารถทำหัตถการอื่นร่วมได้ เช่น ฉีดไขมันเติมร่องแก้ม
ข้อเสียของการเสริมร่องแก้มด้วยซิลิโคน
- ช่วยแก้ไขได้เฉพาะบริเวณร่องแก้ม ไม่รวมร่องมุมปาก
- หากมีร่องแก้มลึกต้องใส่ซิลิโคนที่มีความหนามาก หลังผ่าตัดช่วงแรกอาจรู้สึกตึงริมฝีปากบนมาก
ใครเหมาะกับการเสริมร่องแก้มด้วยซิลิโคน?
- ผู้ที่มีปัญหาร่องแก้มลึก มีริ้วรอย และต้องการผลลัพธ์แบบถาวร
- ผู้ที่มีปัญหาโหนกแก้มสูง จนเห็นร่องแก้มลึกชัด
- ผู้ที่มีปัญหากรามบนยื่น ปากยื่น จนเห็นร่องแก้มชัด
- ผู้ที่มีปัญหากระดูกใต้ปีกจมูกทรุดตัว
- ผู้ที่ไม่ต้องการฉีดฟิลเลอร์หรือไขมันเข้าร่างกาย
ขั้นตอนการผ่าตัดเสริมร่องแก้มด้วยซิลิโคน
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะแนะนำเกี่ยวกับซิลิโคนที่ใช้ กำหนดตำแหน่งเป็นเครื่องหมายไว้ก่อนการผ่าตัด จะมีการตรวจวัดความดัน โดยการเสริมร่องแก้มด้วยซิลิโคนมีขั้นตอนดังต่อไปนี้
- แพทย์จัดท่าที่เหมาะสมให้กับผู้รับบริการ และให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัวระหว่างการผ่าตัด
- แพทย์ฉีดสารละลายผสมยาชารอบจมูก และปากบน
- ในบางกรณีแพทย์อาจพิจารณาวางยาสลบ เพื่อคลายความกังวลให้กับผู้รับบริการ
- แพทย์กรีดเปิดปากแผลที่ผ่าตัดให้มีความยาวประมาณ 0.5-1 ซม. รอบเหงือกบน เพื่อสร้างช่องว่างด้านข้างของจมูก
- แพทย์ใส่แท่งซิลิโคนที่เตรียมไว้
- แพทย์เย็บปิดแผลโดยใช้ไหมละลาย
- ปิดพลาสเตอร์ เพื่อช่วยป้องกันการขยับของซิลิโคน
- หลังผ่าตัดนอนพักฟื้นแล้ว สามารถกลับบ้านได้
การดูแลตัวเองหลังเสริมร่องแก้มด้วยซิลิโคน
การดูแลรักษาแผลหลังจากเสริมร่องแก้มด้วยซิลิโคนเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะมีส่วนทำให้ได้ผลลัพธ์ใกล้เคียงตามที่ปรึกษากับแพทย์และป้องกันการติดเชื้อได้ โดยมีข้อควรปฏิบัติดังนี้
- รับประทานยาตามแพทย์สั่ง
- ประคบน้ำเย็นที่บริเวณร่องแก้มภายใน 2 วันแรกหลังการผ่าตัด เพื่อบรรเทาอาการบวมและช่วยห้ามเลือด
- นอนยกศีรษะสูงกว่าร่างกายอย่างน้อย 1 สัปดาห์ หลังผ่าตัด
- งดการทำงานหรือการออกกำลังกายหนักประมาณ 1 สัปดาห์ หลังผ่าตัด
- งดเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ประมาณ 1 สัปดาห์ หลังผ่าตัด
- งดอาหารหมักดอง อาหารทะเล อาหารรสจัดเผ็ดร้อนประมาณ 2 สัปดาห์ หลังผ่าตัด
- งดสูบบุหรี่ประมาณ 2 สัปดาห์ หลังผ่าตัด
- บ้วนปากบ่อยๆ ด้วยน้ำเกลือ หรือน้ำยาบ้วนปาก และสามารถล้างหน้า แปรงฟัน ได้ตามปกติ
- งดทานยาอาหารเสริม วิตามินต่างๆ หรือยาที่ทำให้เลือดไหลเวียนดี ประมาณ 3 เดือนหลังผ่าตัด
- พบแพทย์ตามนัด และหากมีอาการผิดปกติให้ไปพบแพทย์ทันทีโดยไม่ต้องรอถึงเวลานัด
ผลข้างเคียงของการเสริมร่องแก้มด้วยซิลิโคน
การเสริมร่องแก้มด้วยซิลิโคนนั้น มีความเสี่ยงและมีผลข้างเคียงที่น้อยมาก ส่วนใหญ่ที่เกิดกับผู้รับบริการ คือ อาการตึงบริเวณแผลผ่าตัดและยิ้มลำบาก ซึ่งอาการนี้จะค่อยๆ หายไปเอง ภายในประมาณ 1-2 สัปดาห์ หลังผ่าตัด โดยอาการทั่วไปที่อาจพบได้ มีดังนี้
- เกิดอาการชาที่ริมฝีปาก โดยอาจเป็นได้ตั้งแต่ 3 เดือนถึง1 ปี เนื่องจากเป็นการผ่าตัดในช่องปากที่อาจโดนเส้นประสาทได้ โดยที่อาการนี้จะค่อยๆ หายไปเองได้
- มีอาการเลือดออก ปวด บวม ช้ำ หลังการผ่าตัด
- กรณีซิลิโคนเลื่อนออกจากตำแหน่ง หากมีการกระทบกระเทือนที่บริเวณใบหน้า ให้ไปพบแพทย์ทันที
- กรณีเกิดการติดเชื้อที่แผลหลังการผ่าตัด ซึ่งอาจเกิดจากรักษาความสะอาดไม่เพียงพอ ให้ไปพบแพทย์ทันที
การเตรียมตัวก่อนเสริมร่องแก้ม
การเตรียมตัวก่อนเสริมร่องแก้มในแต่ละวิธี อาจมีความแตกต่างกันออกไป ผู้ที่สนใจเสริมร่องแก้มจึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมสำหรับแต่ละกรณี แต่โดยทั่วไป คำแนะนำที่อาจพบได้ดังต่อไปนี้
- หากมีโรคประจำตัว ยาที่ต้องรับประทานประจำ หรือมีประวัติการแพ้ยา ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนรับบริการ
- หากมีแผลหรือสิวที่บริเวณร่องแก้มหรือด้านข้างของจมูก ควรรอให้สิวหรือแผลหายก่อนรับบริการ
- งดรับประทานยาในกลุ่มยาที่ต้านเกล็ดเลือด และยาละลายลิ่มเลือดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ก่อนรับบริการ
- งดทานสมุนไพร วิตามิน และอาหารเสริมต่างๆ เช่น วิตามินอี วิตามินเอ น้ำมันตับปลา เมล็ดองุ่น ใบแปะก๊วย โสม ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนรับบริการ
- งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่ประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนรับบริการ
- ทำความสะอาดร่างกาย เช่น อาบน้ำ สระผม ล้างหน้า แปรงฟัน และบ้วนปากให้เรียบร้อย ในวันรับบริการ
- สวมเสื้อผ้าที่เป็นกระดุมหน้า ที่ใส่สบายและหลวม เพื่อจะได้ถอดใส่ง่าย และไม่สวมเสื้อผ้าที่มีโลหะนำไฟฟ้าในวันรับบริการ
- งดใช้เครื่องสำอางบริเวณใบหน้า และงดใส่คอนแทคเลนส์ รีเทนเนอร์ ฟันปลอม เครื่องประดับทุกชนิด ในวันรับบริการ
- งดใช้ยาผลัดเซลล์ผิว การดึงหรือโกนขนบริเวณที่จะฉีด และงดการยิงเลเซอร์และนวดหน้าอย่างน้อย 3 วัน ก่อนรับบริการ ในกรณีเสริมร่องแก้มด้วยการฉีดฟิลเลอร์
- หากมีการทาเล็บและต่อเล็บ ให้ทำความสะอาดล้างสีเล็บและถอดเล็บต่อออก ก่อนวันผ่าตัด ในกรณีเสริมร่องแก้มด้วยการฉีดไขมัน
- เตรียมวันหยุด เพื่อพักฟื้นที่บ้านหลังผ่าตัดประมาณ 3-5 วัน ในกรณีเสริมร่องแก้มด้วยการฉีดไขมัน
- งดรับประทานอาหารและงดดื่มน้ำ อย่างน้อย 8 ชั่วโมง ก่อนรับบริการ ในกรณีเสริมร่องแก้มด้วยซิลิโคนและการฉีดไขมัน
- พาเพื่อนหรือญาติมาด้วยในวันผ่าตัด เพื่อช่วยดูแลและพากลับบ้าน ในกรณีเสริมร่องแก้มด้วยซิลิโคนและการฉีดไขมัน
ใครไม่เหมาะกับการเสริมร่องแก้ม?
- หญิงตั้งครรภ์ และกำลังให้นมบุตร
- ผู้ที่มีภาวะอักเสบติดเชื้อที่ผิวหนังบริเวณที่จะเสริมร่องแก้ม
- ผู้ที่เคยมีประวัติแพ้ยาชา
- ผู้ที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติ (Bleeding Disorders) ทำให้เลือดไหลไม่หยุด ซึ่งในกรณีนี้จะขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์
- ผู้ที่เคยได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่า แพ้ส่วนประกอบของฟิลเลอร์ ในกรณีฉีดฟิลเลอร์เสริมร่องแก้ม
- ผู้ที่มีหุ่นลีน (Lean) หรือคนที่มีหุ่นดูเฟิร์มกระชับ ร่างกายปราศจากไขมันส่วนเกิน ในกรณีเสริมร่องแก้มด้วยการฉีดไขมัน
โดยสรุปแล้ว การเสริมร่องแก้มเป็นการยกกระชับร่องแก้มที่ทำให้ใบหน้าดูเต็มอิ่มสวย อ่อนเยาว์ และมีความปลอดภัยสูง สามารถลดปัญหาร่องแก้มลึกและริ้วรอยได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม เมื่อตัดสินใจทำไม่ว่าด้วยวิธีใด ผู้รับบริการต้องเลือกทำกับโรงพยาบาลหรือสถานสถานเสริมความงามที่ได้มาตรฐานเท่านั้น