มะเขือเทศเป็นผักผลไม้ที่นิยมรับประทานกันทั่วโลก เพราะอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายหลายชนิด โดยเฉพาะวิตามินซี วิตามินเอ ผู้คนนิยมนำมาประกอบอาหาร ตกแต่งจานอาหารให้สวยงาม หรือรับประทานเพื่อช่วยบำรุงสุขภาพ และป้องกันโรคบางชนิดได้
นอกจากนี้มะเขือเทศยังสามารถนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้อีกหลากหลาย เช่น น้ำผลไม้ เครื่องสำอาง และเป็นสารสกัดส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
สารบัญ
รู้จักมะเขือเทศ
มะเขือเทศ (Tomato) เป็นพืชล้มลุกที่มีลักษณะเป็นพุ่ม ผลดิบเป็นสีเขียว เมื่อสุกจะมีสีเหลือง ส้มหรือแดง ภายในผลมะเขือเทศจะมีน้ำเป็นส่วนประกอบหลักปริมาณมาก ให้รสชาติเปรี้ยวหวาน และมีด้วยกันหลากหลายสายพันธุ์
มะเขือเทศนั้นเป็นผักที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบเทือกเขาแอนดิสทางฝั่งของอเมริกาใต้ บริเวณประเทศเปรูและชีลี ต่อมาภายในเวลาไม่นานก็เริ่มแพร่เข้าสู่ทวีปต่างๆ ได้แก่ เอเชีย อเมริกา และยุโรป จนกระทั่งได้พัฒนากลายเป็นสายพันธุ์ต่างๆ มากมายจนสู่ปัจจุบัน
คุณค่าทางโภชนาการของมะเขือเทศ
ในมะเขือเทศ 100 กรัม ประกอบไปด้วย
- พลังงาน 18 กิโลแคลลอรี่
- คาร์โบไฮเดรต 3.9 กรัม
- โปรตีน 0.9 กรัม
- ไขมัน 0.2 กรัม
- น้ำตาล 2.6 กรัม
- เส้นใยไฟเบอร์ 1.2 กรัม
- น้ำ 94.5 กรัม
- วิตามินเอ 42 ไมโครกรัม
- เบตาแคโรทีน 449 ไมโครกรัม
- ลูทีนและซีแซนทีน 123 ไมโครกรัม
- วิตามินบี 1 0.037มิลลิกรัม
- วิตามินบี 3 0.594 มิลลิกรัม
- วิตามินบี 6 0.08 มิลลิกรัม
- วิตามินซี 14 มิลลิกรัม
- วิตามินอี 0.54 มิลลิกรัม
- วิตามินเค 7.9 ไมโครกรัม
- แมกนีเซียม 11 มิลลิกรัม
- แมงกานีส 0.114 มิลลิกรัม
- ฟอสฟอรัส 24 มิลลิกรัม
- โพแทสเซียม 237 มิลลิกรัม
- ไลโคปีน 2,573 ไมโครกรัม
ประโยชน์ของมะเขือเทศ
มะเขือเทศเป็นพืชที่พบว่ามีสารไลโคปีน (Lycopene) มาก ซึ่งสารชนิดนี้มักพบอยู่ในกลุ่มของผักผลไม้สีแดง เช่น แตงโม มะละกอ ฟักข้าว แครอท มีคุณสมบัติโดดเด่นในเรื่องของการป้องกันโรคมะเร็ง และยังช่วยบำรุงสุขภาพแทบทุกส่วนในร่างกายได้เป็นอย่างดี
นอกจากเด่นในเรื่องของการรักษาและป้องกันโรคบางชนิดแล้ว มะเขือเทศยังโดดเด่นในเรื่องของการบำรุงผิวพรรณอีกด้วย โดยประโยชน์ของมะเขือเทศ มีดังนี้
- ป้องกันมะเร็งชนิดต่างๆ ได้ โดยเฉพาะมะเร็งลำไส้ มะเร็งรังไข่ มะเร็งปอด มะเร็งต่อมลูกหมากและมะเร็งตับอ่อน และด้วยไฟเบอร์รวมถึงน้ำที่เป็นส่วนประกอบหลักของมะเขือเทศที่มีอยู่ปริมาณมาก จึงทำให้ระบบขับถ่ายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- กำจัดคอเรสเตอรอลหรือไขมันเลวในผนังเส้นเลือด ทำให้ลดการเกิดเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด
- ช่วยควบคุมน้ำตาลในเส้นเลือด ซึ่งเป็นผลดีกับผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน และยังช่วยลดอาการบวมน้ำตามร่างกายได้ แต่จะต้องรับประทานในปริมาณที่พอดีเท่านั้น
- เนื่องจากมีวิตามินเคสูงจึงมีส่วนช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน ทั้งยังช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง
- ป้องกันโรคลักปิดลักเปิด เนื่องจากมะเขือเทศมีวิตามินซีสูง จึงสามารถป้องกันเลือดออกตามไรฟันได้ผล
- ลดการเป็นเส้นเลือดตีบ โรคหัวใจวาย โรคหัวใจ และป้องกันการแข็งตัวของเส้นเลือด เพราะมะเขือเทศสามารถลดไขมันที่เกาะตามผนังของเส้นเลือดได้ จึงทำให้สามารถลดโอกาสเสี่ยงในการเป็นโรคดังกล่าว
- ป้องกันโรคอัลไซเมอร์ หรือโรคสมองเสื่อม
- แก้อาการท้องผูก ส่งผลทำให้ระบบขับถ่ายทำงานดี เพราะมีไฟเบอร์หรือใยอาหารสูง จึงช่วยให้ระบบของลำไส้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
- ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ดูมีสุขภาพดี ระบบเลือดไหลเวียนดี เพราะมีเบต้าแคโรทีน ซึ่งจะทำให้ผิวสดใส และยังช่วยลดริ้วรอยต่างๆ ให้จางลงได้
- ป้องกันผมหงอกได้ เพราะมะเขือเทศจะช่วยชะลอสีผมไม่ให้เปลี่ยนจนเร็วเกินไปเมื่อรับประทานเป็นประจำ
ไอเดียการใช้มะเขือเทศเพื่อสุขภาพ
มะเขือเทศนิยมนำมาประกอบเป็นอาหารเพื่อรับประทานกันทั่วโลก และนิยมนำผลสุก หรือน้ำมาพอก หรือทาเพื่อบำรุงผิวอีกด้วย เราไปดูกันเพิ่มเติมดีกว่าว่าไอเดียการนำมะเขือเทศมาใช้เพื่อสุขภาพมีอะไรบ้าง
- ป้องกันการเกิดสิว โดยการฝานมะเขือเทศให้เป็นชิ้นบางๆ จากนั้นให้นำมาวางแปะบนหน้า ทิ้งไว้ หรือจะคั้นเอาแต่น้ำนำมาล้างหน้าก็ได้ มะเขือเทศจะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าให้ออกไปได้เร็วขึ้น ช่วยลดการเกิดสิวได้หรืออาจใช้น้ำมะเขือเทศผสมกับน้ำมะนาวผสมกัน แล้วใช้สำลีชุบนำมาทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที จากนั้นล้างออกให้สะอาด
- ขัดผิวเพื่อความกระจ่างใส โดยการนำน้ำมะเขือเทศผสมกับผงขมิ้น จากนั้นนำมาขัดผิวก่อนอาบน้ำ มะเขือเทศจะช่วยทำให้ผิวที่หมองคล้ำค่อยๆ กระจ่างใสขึ้น เพราะมีกรดวิตามินซีจากธรรมชาติที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวด้วยนั่นเอง
- ถนอมสีผมให้คงความสวย นำมะเขือเทศมาคั้นเอาแต่น้ำ แล้วนำมาหมักผมก่อนสระทิ้งไว้สัก 15 นาที จะช่วยป้องกันไม่ให้สีผมเปลี่ยนแปลงจนเร็วเกินไป ช่วยให้สีผมเปล่งประกายสวยเงางามได้
- ทำเป็นสูตรสครับผิว ให้นำน้ำมะเขือเทศมาผสมกับข้าวโอ๊ต แล้วนำมาขัดตามบริเวณจุดด่างดำ ตามข้อพับหรือบริเวณผิวที่หยาบกร้าน จะช่วยทำให้ผิวใสรอยกร้านจะนุ่มนวลขึ้น
- ใช้ในการไล่แมลง โดยการเลือกเอาใบแก่ 3 กำมือ หั่นให้เป็นชิ้นเล็กๆ จากนั้นนำมาต้มให้เดือดราว 1 นาที พักไว้ให้เย็นนาน 2 ชั่วโมง ก่อนจะนำไปฉีดพ่นเพื่อไล่แมลง เพลี้ย ด้วง หนอน รวมทั้งป้องกันแบคทีเรีย เชื้อรา และไวรัสที่เป็นศัตรูพืชแทนการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชได้อย่างปลอดภัย ไม่ทำลายสุขภาพ
ไอเดียการกินมะเขือเทศเพื่อสุขภาพ
หากต้องการให้ร่างกายได้ไลโคปีนจากมะเขือเทศเต็มประสิทธิ์ภาพก็ควรนำมาปรุงให้สุกด้วยน้ำมันจะดีมาก เพราะความร้อนจะทำให้ไลโคปีนหลุดออกมาจากเนื้อเยื่อของมะเขือเทศ และละลายได้ดีในไขมัน จนร่างกายสามารถดูดซึมออกมาใช้ได้ง่าย
แต่ถ้าหากอยากให้มีผิวพรรณสวยใส ควรรับประทานมะเขือเทศแบบสดๆ เพราะร่างกายจะได้รับวิตามินซีได้แบบเต็มที่
- ผัดเปรี้ยวหวานกุ้งมะเขือเทศ เตรียมส่วนผสม ได้แก่ มะเขือเทศ หอมใหญ่ แตงกวา ต้นหอม พริก กระเทียม สัปปะรด กุ้งสด น้ำมัน ซอสปรุงรส ซีอิ้วขาว และน้ำตาลทราย วิธีการคือ เจียวกระเทียมให้หอม ใส่กุ้งลงไปผัด ตามด้วยหอมใหญ่ และผักพร้อมมะเขือเทศที่เตรียมไว้ ปรุงรสตามต้องการ เมื่อผัดผักจนสุกแล้ว ยกลงพร้อมเสิร์ฟ เมนูนี้รับรองอร่อยพร้อมได้คุณค่าของสารอาหารครบถ้วน
- ไก่คั่วกลิ้งมะเขือเทศ เตรียมส่วนผสมเมนูความอร่อยรสชาติจัดจ้าน ได้แก่ มะเขือเทศ ซีอิ๊วขาว อกไก่ พริกแกงคั่ว ใบมะกรูด น้ำตาล น้ำปลา และนมสด วิธีทำ นำไก่ผัดกับพริกแกงให้สุก ใส่นมสดลงไปพร้อมใส่มะเขือเทศและปรุงรสตามต้องการ ก่อนเสิร์ฟให้โรยหน้าด้วยใบมะกรูดเพื่อให้เพิ่มความหอมชวนรับประทาน
- ซุปมะเขือเทศหมูสับเตรียมมะเขือเทศ (ลูกใหญ่) หมูสับ ไข่ เกลือ น้ำซุป ต้นหอม น้ำมันพืชและน้ำตาล เริ่มการทำโดยผัดหมูสับและมะเขือเทศให้สุกก่อน จากนั้นปรุงรส ผัดจนมะเขือเทศสุกจนเป็นน้ำ เติมน้ำซุปและตีไข่ใส่ลงไป ใส่ต้นหอม เป็นอันเสร็จ เป็นเมนูที่ให้ไลโคปีนสูง ช่วยบำรุงสุขภาพและผิวพรรณได้เป็นอย่างดี
- ยำมะเขือเทศกุ้งสดเป็นอีกหนึ่งเมนูที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบรสชาติจัดจ้าน ไม่จำเจ พร้อมรับวิตามินซีจากมะเขือเทศแบบเต็มๆ ด้วยส่วนผสม กุ้งสด มะเขือเทศราชินี พริกขี้หนู ผักชี เม็ดมะม่วงหิมพานต์ น้ำตาลทราย ซีอิ๊วขาว มะนาว น้ำปลา และน้ำมันมะกอก วิธีทำ ลวกกุ้งให้สุกพอดี รุงน้ำยำรสชาติตามชอบ คนให้น้ำยำเข้ากันและน้ำตาลละลายหมด จากนั้นใส่กุ้งสดและเม็ดมะม่วงหิมพานต์ลงคลุกเคล้าให้ทั่ว โรยผักชีให้หอม เป็นอันเสร็จพร้อมเสิร์ฟ เมนูนี้กินลดน้ำหนักได้ดีทีเดียว เหมาะกับมื้อเย็นอย่างมาก
- น้ำมะเขือเทศปั่น เป็นการมิกซ์ระหว่างน้ำมะเขือเทศกับผลไม้ชนิดอื่นๆ เพื่อเพิ่มรสชาติความอร่อยเพิ่มเติม และยังได้สารวิตามินแร่ธาตุอีกเพียบวิธีการคือ 1.นำมะเขือเทศปั่นรวมกับสัปปะรดแล้วบีบมะนาวผสมน้ำต้มสุกเล็กน้อย คนให้เข้ากัน 2.มะเขือเทศปั่นรวมกับลิ้นจี่ ผสมน้ำต้มสุกเล็กน้อย โดยทั้ง 2 เมนู ไม่ต้องใส่เกลือ ส่วนผลไม้ที่ต้องการปั่น ควรนำไปแช่ให้เย็นก่อนนำมาปั่น รับรองสดชื่นคลายร้อน ดื่มแล้วหายเหนื่อยกันเลยทีเดียว
ข้อควรระวัง
- ในมะเขือเทศมีสารฮีสตามีน ซึ่งเป็นสารก่อภูมิแพ้ หากรับประทานในปริมาณมาก ก็จะทำให้เกิดการแพ้มะเขือเทศได้ง่าย โดยเฉพาะคนที่มีอาการแพ้ง่ายและรุนแรง แต่ในบางรายอาจจะมีอาการแพ้ที่ผิวหนังเท่านั้น เช่น ลมพิษ ผื่นผิวหนัง และกลาก
- ไม่ควรรับประทานมะเขือเทศแบบไม่ผ่านการทำความสะอาด เพราะมะเขือเทศเป็นแหล่งสารอาหารของเชื้อซานโมเนล่า ที่เป็นสาเหตุของการเกิดอาการท้องเสีย
- ผู้ที่ป่วยเป็นโรค IBS ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานมะเขือเทศ เพราะเมล็ดของมะเขือเทศมีผลทำให้ลำไส้ทำงานปิดปกติ ก่อให้เกิดอาการท้องอืด และในช่วงท้องเสียก็ควรหลีกเลี่ยงเช่นกัน
- มะเขือเทศมีปริมาณโซเดียมสูง เพราะเพียงซุปมะเขือเทศ 1 ถ้วย ก็ให้โซเดียมได้สูงถึงประมาณ 700-1,200 มิลลิกรัม ดังนั้นจึงไม่ควรรับประทานมากเกินไป เพราะอาจจะทำให้เกิดอาการบวมน้ำได้
- ถ้ารับประทานมากเกินไป จะเกิดภาวะไลโคปีนมากเกินไปในร่างกาย เรียกว่า lycopenodermia ซึ่งส่งผลทำให้ผิวเปลี่ยนสี ในบางรายอาจจะเป็นสีส้มหรือสีเหลือง แต่สำหรับผู้ชายก็จะเกิดความเสี่ยงเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก โดยอาจจะเริ่มจากการเจ็บในขณะปัสสาวะ หรือปวด
- การรับประทานมะเขือเทศอาจก่อให้เกิดอาการปวดข้อ และเริ่มมีอาการบวม เพราะร่างกายจะระบายสารฮิสตามีนเข้าสู่เนื้อเยื่อในร่างกาย นอกจากนี้ภายในมะเขือเทศยังมีปริมาณของกรดยูริคสูง โดยกระตุ้นทำให้เกิดโรคเกาต์ได้
- หลีกเลี่ยงการรับประทานใบมะเขือเทศ เพราะมีฤทธิ์เป็นพิษโดยจะทำให้เกิดการระคายหลอดอาหาร อาเจียน วิงเวียน ปวดศีรษะ บางรายอาจจะรุนแรงจนถึงเสียชีวิต
- น้ำมะเขือเทศไม่ควรดื่มเกินวันละ 2 แก้ว เพราะวิตามินซีที่มีปริมาณสูงอาจทำให้เป็นโรคนิ่วได้
- ผู้ที่ป่วยเป็นโรคไตไม่ควรดื่ม หรือรับประทานมะเขือเทศในรูปใดๆ อย่างเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานดิบหรือสุก เพราะมีสารโพแทสเซียมสูง ทำร่างกายของผู้ป่วยทำงานหนักเพื่อขับโพแทสเซียมออกจากร่างกาย และหากขับออกมาได้ไม่หมด อาจทำให้ร่างกายทรุดลงได้
- ผู้ที่ป่วยเป็นกรดไหลย้อนก็ควรหลีกเลี่ยงเช่นกัน เพราะมะเขือเทสมีกรดอ่อนๆ อาจส่งผลให้โรคกำเริบหนักขึ้นได้
มะเขือเทศจัดได้ว่าเป็นพืชที่มีประโยชน์มาก โดยในส่วนของผลสุก สามารถแปรรูปเป็นผลไม้แช่อิ่มเพื่อให้สามารถเก็บไว้รับประทานได้นานๆ นับว่ามีประโยชน์ และสรรพคุณทางยาหลายด้าน นำมาปรนนิบัติด้านความสวยความงามก็ได้ผล และนำมาใช้ทำอาหารก็ได้อย่างหลากหลายเมนู ประโยชน์มากมายขนาดนี้ ไม่กินมะเขือเทศนับว่าพลาด