การให้ความสำคัญกับสุขภาพทางเพศ โดยเฉพาะโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นสิ่งที่ควรทำ ไม่เว้นแม้แต่ความสัมพันธ์แบบกลุ่มหญิงรักหญิง ที่ดูเหมือนจะมีโอกาสต่ำในการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
แต่รู้หรือไม่? ว่ากลุ่มหญิงรักหญิงก็มีความเสี่ยงในการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ไม่น้อยกว่าความสัมพันธ์รูปแบบอื่นเลยทีเดียว หากไม่ได้มีการป้องกันที่ถูกต้องเหมาะสม
สาเหตุที่กลุ่มหญิงรักหญิงมีความเสี่ยงต่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เป็นเพราะการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่มีเชื้อ ไม่ว่าจะทางผิวหนัง น้ำลาย สารคัดหลั่งในช่องคลอด หรือแม้แต่เลือดประจำเดือน
ขณะเดียวกันในกลุ่มหญิงรักหญิงที่เคยมีความสัมพันธ์กับเพศชายมาก่อน และไม่มีการตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ก็มีโอกาสที่จะเชื้อจะแฝงตัวอยู่ในร่างกายโดยที่ไม่รู้ตัวก็ได้
สารบัญ
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่กลุ่มหญิงรักหญิงต้องระวังมีอะไรบ้าง?
สำหรับโรคติตต่อทางเพศสัมพันธ์ที่สามารถพบได้บ่อยในกลุ่มหญิงรักหญิง มีดังนี้
เชื้อ HIV
การติดเชื้อ HIV สามารถแพร่กระจายได้ในกลุ่มหญิงรักหญิงผ่านทางการมีเพศสัมพันธ์โดยการถูอวัยวะเพศเข้าด้วยกัน การมีเพศสัมพันธ์ทางปาก สัมผัสกับสารคัดหลั่ง หรือเลือดของผู้ติดเชื้อ
เมื่อรับเชื้อ HIV มาแล้วอาจแสดงอาการชัดเจน หรือไม่แสดงอาการนานนับ 10 ปีก็ได้ โดยอาการจะแสดงออกมาในลักษณะต่างๆ เช่น เหนื่อยล้าง่ายผิดปกติ รอบเดือนผิดแปลกไป มีการติดเชื้อบริเวณช่องคลอด และจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาอย่างเหมาะสมเพื่อไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายถึงชีวิต
โรคหูดหงอนไก่
โรคหูดหงอนไก่เกิดจากเชื้อ HPV สามารถติดได้ในกลุ่มหญิงรักหญิง ผ่านการมีเพศสัมพันธ์ เช่น การถูปากช่องคลอดเข้าด้วยกัน (Tribbing)
อาการของหูดหงอนไก่ในผู้หญิงจะมีอาการเป็นลักษณะติ่งเนื้อคล้ายดอกกะหล่ำ หรือหูดที่อวัยวะเพศ ไม่มีอาการเจ็บปวด สามารถรักษา หรือลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อได้โดยการตัด จี้ เลเซอร์ออกโดยแพทย์ผู้ชำนาญการ
ขณะเดียวกันเชื้อ HPV มีอยู่ด้วยกันหลายสายพันธุ์ หากติดเชื้อแล้วไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสม อนาคตอาจพัฒนาการเป็นเซลล์มะเร็ง และเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกในที่สุดได้ จึงจำเป็นต้องเข้ารับการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งปากมดลูก (Pap Smear) อย่างเป็นประจำ
โรคเริม
โรคเริม (Herpes) เป็นโรคติดเชื้อไวรัสผ่านการมีเพศสัมพันธ์ทางอวัยวะเพศหญิง ทวารหนัก ช่องปาก หรือแม้แต่การใช้เซ็กซ์ทอยร่วมกัน มีลักษณะเป็นแผลตุ่มน้ำใส พุพอง มีอาการแสบร้อน และหากหนองแตกอาจรู้สึกเจ็บแสบ ปวด บริเวณที่เป็นแผล อาการของโรคเริมสามารถบรรเทาได้ด้วยการทายาต้านไวรัส
เริมเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ หากอยู่ในช่วงที่ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายตก หรือสัมผัสกับแผลผู้ติดเชื้อก็มีโอกาสกลับมาเป็นโรคเริมได้อีก
โรคหนองใน
โรคหนองใน ทั้งหนองในแท้ และหนองในเทียม เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่สามารถเกิดขึ้นกับกลุ่มหญิงรักหญิงได้ เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียในบริเวณปากมดลูก ท่อปัสสาวะ ลำคอ รวมถึงลำไส้ตรงผ่านการใช้เซ็กส์ทอยร่วมกันในกลุ่มหญิงรักหญิง หรือการถูช่องคลอด (Tribbing)
อาการของโรคหนองในจะทำให้มีตกขาวผิดปกติ และหากไม่รักษาให้ถูกต้องอาจนำไปสู่การติดเชื้อในท่อนำไข่ และก่อให้เกิดภาวะมีบุตรยากในอนาคตได้
โรคซิฟิลิส
โรคซิฟิลิส (Syphilis) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่สามารถพบได้ในกลุ่มหญิงรักหญิง เป็นการติดเชื้อแบคทีเรียที่ในช่วงแรกอาจไม่แสดงอาการชัดเจน ไม่มีอาการเจ็บปวด โดยเชื้ออาจแฝงอยู่ในร่างกายนานนับปี หากไม่ได้รับการตรวจและรักษาจะส่งผลเสียต่ออวัยวะภายในและระบบประสาทให้เสียหายรุนแรงได้ในอนาคต
โรคพยาธิในช่องคลอด
โรคพยาธิในช่องคลอด หรือ Trichomoniasis เรียกสั้นๆ ว่า Trich เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากการติดเชื้อโปรโตซัว มีอาการที่เห็นได้ชัดคือ ตกขาวมีลักษณะเป็นฟอง รู้สึกเจ็บแสบขัดเมื่อปัสสาวะ เจ็บช่องคลอด หรือช่องคลอดอาจมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ ซึ่งสามารถรักษาให้อาการดีขึ้นได้ด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะ
อาการโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ของกลุ่มหญิงรักหญิง
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางโรคอาจไม่แสดงอาการให้เห็นได้ชัด ทำให้หลายคนไม่รู้ตัวว่าเป็นอยู่ และเผลอมีเพศสัมพันธ์กับผู้อื่นจนกลายเป็นการแพร่เชื้อโดยไม่รู้ตัวได้ แต่ถ้าสังเกตอาการของตัวเอง หรือคู่นอนหญิงรักหญิงแล้วมีอาการดังนี้ ควรละเว้นการมีเพศสัมพันธ์ และจูงมือกันพาไปหาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการรักษาอย่างถูกต้องทันที
- อาการคันระคายเคืองบริเวณอวัยวะเพศ เช่น หัวหน่าว ขาหนีบ แคม หรือแม้แต่ในช่องคลอด
- มีตุ่ม ผื่น บริเวณอวัยวะเพศ อาจมีอาการเจ็บปวดร่วมด้วย หรือไม่มีก็ได้
- รู้สึกเจ็บปวด แสบขัด ขณะปัสสาวะ
- มีแผลพุพอง ตุ่มน้ำใสขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ หรือริมฝีปาก
- มีอาการปวดท้องน้อยผิดปกติ
- มีตกขาวผิดปกติ เช่น ปริมาณมากเกินไป สีตกขาวเปลี่ยน มีกลิ่นคาว
- มีของเหลว สารคัดหลั่งที่ไม่ใช่ตกขาวไหลออกจากช่องคลอด
การตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในกลุ่มหญิงรักหญิงมีวิธีอะไรบ้าง?
การตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในกลุ่มหญิงรักหญิง สามารถทำได้ที่สถานพยาบาล หรือโรงพยาบาลชั้นนำทั่วไป โดยแพทย์จะทำการซักประวัติสุขภาพร่างกาย และสุขภาพทางเพศอย่างละเอียด
หากซักประวัติแล้วพบความเสี่ยง หรือมีแนวโน้มที่จะติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แพทย์จะเก็บตัวอย่างเลือด สารคัดหลั่ง หรือของเหลวอื่นๆ ในร่างกายเพื่อนำไปตรวจหาสาเหตุและวินิจฉัยโรคอีกครั้งว่าคุณกำลังเผชิญกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดไหนอยู่ หรือจะมีแนวทางในการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมอย่างไรต่อไป เช่น
- นำเลือดไปตรวจเพื่อหาเชื้อ HIV โรคซิฟิลิสแฝง
- นำปัสสาวะไปตรวจเพื่อหาเชื้อแบคทีเรียที่อาจเป็นสาเหตุของโรคหนองในแท้ โรคหนองในเทียม
- ใช้สารคัดหลั่งภายในช่องคลอด ทวารหนักไปตรวจเพื่อหารอยโรคจากการติดเชื้อแบคทีเรีย หรือโปรโตซัว
วิธีการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ของกลุ่มหญิงรักหญิง
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ของกลุ่มหญิงรักหญิงนอกจากจะสามารถรักษาได้ด้วยการปฏิบัติตัว หรือกินยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัดแล้ว ระหว่างนี้ก็สามารถป้องกันตัวเองให้ห่างไกลจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ ดังนี้
- ก่อนและหลังมีเพศสัมพันธ์บริเวณช่องคลอด ควรล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง
- หากมีการร่วมเพศทางปาก (Anilingus) ไม่ว่าจะกับช่องคลอดก็ดี หรือทางทวารหนักก็ดี ควรใช้แผ่นยางอนามัย (Dental Dam) เพื่อป้องกันการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- หากมีเพศสัมพันธ์ด้วยการใช้มือ นิ้วมือ แนะนำสวมใส่ถุงมือยาง พร้อมใช้สารหล่อลื่นสูตรน้ำ หรือสูตรซิลิโคนร่วมด้วย
- หากมีการใช้เซ็กซ์ทอยร่วมกัน ไม่ว่าจะใช้ภายใน หรือภายนอกช่องคลอดก็ตาม ควรสวมใส่ถุงยางอนามัย หรือควรทำความสะอาดก่อนและหลังใช้งานทุกครั้ง
- หลีกเลี่ยงพฤติกรรมทางเพศที่ไม่ปลอดภัย เช่น มีคู่นอนหลายคนทั้งชายและหญิง
- หมั่นตรวจภายใน ตรวจคัดกรองโรคมะเร็งปากมดลูก (Pap Smear) รวมถึงตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างน้อยทุก ๆ 6-12 เดือน
กลุ่มหญิงรักหญิงมีความเสี่ยงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ไม่น้อยกว่าความสัมพันธ์ในรูปแบบอื่นๆ จึงจำเป็นอย่างมากที่จะต้องใส่ใจและคำนึงถึงความเสี่ยงในการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายและชีวิตในอนาคต