รีวิวโปรแกรมตรวจสุขภาพ สำหรับผู้หญิง อายุ 30-39 ปี ที่ โรงพยาบาลพญาไท 3


รีวิวโปรแกรมตรวจสุขภาพ สำหรับผู้หญิง อายุ 30-39 ปี ที่ โรงพยาบาลพญาไท 3

สรุปการรีวิว

ขยาย

ปิด

  • พออายุเข้าสู่เลข 3 สุขภาพก็เริ่มอ่อนแอลง เดี๋ยวเป็นหวัด เดี๋ยวไม่สบาย เราเลยอยากไปตรวจสุขภาพและเริ่มหันมาดูแลสุขภาพของตัวเองแบบจริงจังค่ะ
  • เราเลือกใช้บริการโปรแกรมตรวจสุขภาพ สำหรับผู้หญิง อายุ 30-39 ปี ที่ โรงพยาบาลพญาไท 3 เพราะมีรายการตรวจครบครอบคลุม ได้ตรวจตั้งแต่ขั้นพื้นฐานไปจนถึงตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก
  • ขั้นตอนการตรวจไม่ยุ่งยาก แต่ละจุดมีป้ายบอกเลขลำดับจุดตรวจและชื่อห้องตรวจชัดเจน แถมยังมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลอยู่ตลอดด้วย
  • ผลตรวจที่ออกมา โดยรวมแล้วสุขภาพของเราก็ปกติดีทุกอย่างและอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก รวมถึงผลตรวจภายในอย่างพวกมดลูกก็แข็งแรงดีไม่มีปัญหาอะไรค่ะ
  • รีวิวนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ #HDreview ได้รับการสปอนเซอร์จากทาง HDmall.co.th และ โรงพยาบาลพญาไท 3

เลือกหัวข้อที่สนใจได้ที่นี่

  • การเตรียมตัวก่อนตรวจสุขภาพ
  • รีวิวโปรแกรมตรวจสุขภาพ สำหรับผู้หญิง อายุ 30-39 ปี ที่ โรงพยาบาลพญาไท 3
  • ขั้นตอนการตรวจคัดกรองเบื้องต้น
  • ขั้นตอนการเจาะเลือด
  • ขั้นตอนการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ EKG
  • ขั้นตอนการเอกซเรย์ปอด
  • ขั้นตอนการตรวจอัลตร้าซาวด์ช่องท้อง
  • ขั้นตอนการเก็บตัวอย่างปัสสาวะ
  • ขั้นตอนการตรวจภายใน
  • ผลการตรวจสุขภาพ
  • บรรยากาศของ โรงพยาบาลพญาไท 3
  • บทความที่ HDmall.co.th แนะนำ

  • ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง เป็นหวัดบ่อย เจ็บออดๆ แอดๆ นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนที่เราต้องตรวจสุขภาพประจำปีแล้วนะคะ

    ตอนนี้เราอายุเข้าเลข 3 แล้วค่ะ ก่อนหน้านี้ไม่เคยสนใจเรื่องการตรวจสุขภาพประจำปีเลย แต่พออายุมากขึ้น สุขภาพก็เริ่มอ่อนแอลง เดี๋ยวเป็นหวัด เดี๋ยวไม่สบาย เราเลยอยากดูแลสุขภาพของตัวเองแบบจริงจังค่ะ

    แต่ก่อนที่จะดูแลได้ เราก็ต้องรู้ก่อนว่าตอนนี้สุขภาพของตัวเองมีปัญหาอะไรบ้าง เราเลยลองหาข้อมูลโรงพยาบาลที่มีโปรแกรมตรวจสุขภาพเหมาะสำหรับผู้หญิงและวัยของเราดู จนได้มาเจอกับ โปรแกรมตรวจสุขภาพสำหรับผู้หญิง อายุ 30-39 ปี ที่ โรงพยาบาลพญาไท 3

    พอได้ลองอ่านรายการตรวจต่างๆ ดูแล้ว ก็รู้สึกว่าเป็นโปรแกรมที่เหมาะกับผู้หญิงวัยเลข 3 แบบเรามากๆ แถมยังได้ตรวจกับโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงและได้มาตรฐานอีก เราเลยตัดสินใจจองโปรแกรมนี้ทันทีค่ะ

    โรงพยาบาลพญาไท 3

    การเตรียมตัวก่อนตรวจสุขภาพ

    ก่อนวันนัดหมาย 1 วัน จะมีเจ้าหน้าที่พยาบาลโทรมายืนยันการตรวจสุขภาพ พร้อมกับให้ข้อมูลการเตรียมตัวก่อนตรวจสุขภาพ ดังนี้ค่ะ

    • งดอาหาร ก่อนเข้ารับการตรวจอย่างน้อย 8 ชั่วโมง และงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดก่อนตรวจสุขภาพอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
    • หลีกเลี่ยงตรวจสุขภาพช่วงมีประจำเดือน
    • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ประมาณ 6-8 ชั่วโมง
    • ควรสวมเสื้อผ้าหลวมๆ สบายตัว เพื่อความสะดวกในการตรวจ
    • สำหรับผู้หญิง หากกำลังตั้งครรภ์ หรือสงสัยว่าตั้งครรภ์ ควรแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบก่อนตรวจ

    หลังจากที่เตรียมตัวพร้อมแล้ว ก็สามารถเข้ามารับการตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลได้เลย

    รีวิวโปรแกรมตรวจสุขภาพ สำหรับผู้หญิง อายุ 30-39 ปี ที่ โรงพยาบาลพญาไท 3

    พอถึงวันนัดหมายก็เดินทางมาที่ โรงพยาบาลพญาไท 3 ได้เลยค่ะ สำหรับใครที่ขับรถส่วนตัวมา ที่โรงพยาบาลเค้าก็มีที่จอดรถให้บริการ ไม่ต้องกังวลเรื่องที่จอดรถเลยค่ะ

    ส่วนใครที่สะดวกเดินทางด้วยรถไฟฟ้า ก็สามารถมาได้ทั้งรถไฟฟ้า MRT ลงสถานีบางไผ่ (ทางออก 2) แล้วเดินต่อมาอีก 300 เมตร หรือจะนั่งรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีบางหว้า (ทางออก 5) แล้วต่อวินมอเตอร์ไซค์เข้ามาประมาณ 700 เมตรได้เลย

    เมื่อมาถึงโรงพยาบาล ก็สามารถขึ้นไปที่ชั้น 18 ได้เลยค่ะ พอขึ้นมาแล้วก็จะพบกับจุดลงทะเบียน แต่เนื่องจาเรานัดหมายล่วงหน้ามาแล้ว ก็เลยทำให้ประหยัดเวลาในการลงทะเบียน

    ตรวจสุขภาพที่ไหนดี?

    ขั้นตอนการตรวจคัดกรองเบื้องต้น

    พอขึ้นมาที่ศูนย์ตรวจสุขภาพ พี่พยาบาลก็จะพาเราไปตรวจคัดกรองเบื้องต้นก่อน นั่นก็คือ การชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง วัดความดัน พร้อมกับซักประวัติเกี่ยวกับโรคประจำตัว ยาที่กินเป็นประจำ และประวัติการผ่าตัดของเราค่ะ

    หลังจากตรวจคัดกรองเบื้องต้นเสร็จแล้ว พี่พยาบาลจะแนะนำโปรแกรมตรวจที่เราจองไว้ให้ฟังว่ามีรายการอะไรบ้าง?

    ซึ่งโปรแกรมที่เราจะตรวจกันก็เป็นโปรแกรมตรวจสุขภาพตามช่วง สำหรับผู้หญิง อายุ 30-39 ปีค่ะ ซึ่งจะมีรายการตรวจทั้งหมด 21 รายการ รวมอัลตร้าซาวด์ช่องท้องส่วนล่าง ตรวจภายใน ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก และตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ

    พอพี่พยาบาลซักประวัติคัดกรองเบื้องต้น และแนะนำรายการตรวจให้ฟังแล้ว ขั้นตอนต่อไปเราก็ไปเจาะเลือดกันต่อค่ะ

    ลงทะเบียนก่อนใช้บริการ

    ขั้นตอนการเจาะเลือด

    ขั้นตอนการเจาะเลือด พี่พยาบาลจะพามาที่ห้องสำหรับเจาะเลือดโดยเฉพาะค่ะ ซึ่งห้องเจาะเลือดของที่นี่ก็มีการแบ่งออกเป็นโซนๆ ให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวมากๆ

    โดยขั้นตอนแรก เจ้าหน้าที่เจาะเลือดจะให้เราวางแขนไว้บนเบาะรองก่อน จากนั้นก็นำสายมารัดไว้ที่บริเวณต้นแขนเหนือข้อพับและเริ่มทำการเจาะเลือดเลย

    ขั้นตอนการเจาะเลือด

    หลังจากเจาะเลือดเสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่จะนำสำลีมาให้กดไว้บริเวณที่เจาะเลือดเพื่อไม่ให้เกิดรอยช้ำ จากนั้นก็ให้เราไปเปลี่ยนเป็นชุดคลุมของทางโรงพยาบาลพร้อมกับถอดเครื่องประดับในตัวออกเพื่อเตรียมตัวตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจในขั้นตอนต่อไปค่ะ

    ขั้นตอนการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ EKG

    ขั้นตอนการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ หรือ EKG (Electrocardiogram) เป็นการใช้คลื่นไฟฟ้าในการตรวจอัตราการเต้นของหัวใจว่ามีความผิดปกติหรือเปล่า มีจังหวะการเต้นเป็นยังไง และอัตราการเต้นผิดปกติหรือไม่ ซึ่งค่าต่างๆ จะแสดงผลออกมาเป็นเส้นกราฟค่ะ

    ขั้นตอนการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ EKG

    บริเวณที่ติดอุปกรณ์จะเป็นตามจุดชีพจรต่างๆ มีปลายนิ้วมือ ปลายนิ้วเท้า และข้อเท้าค่ะ ใช้เวลานอนรอไม่นาน เครื่องก็แสดงผลออกมาเป็นกราฟการเต้นของหัวใจแล้ว

    พอตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจเสร็จ ขั้นตอนต่อไปเราก็ไปเอกซเรย์ปอดกันต่อเลยค่ะ

    ขั้นตอนการเอกซเรย์ปอด

    สำหรับขั้นตอนการเอซเรย์ปอด จะเป็นการตรวจเพื่อดูความผิดปกติของปอด โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับปอดหรือระบบทางเดินหายใจ รวมถึงอวัยวะที่ใกล้เคียงบริเวณนี้ โดยจะใช้เครื่องฉายรังสีเอกซ์ฉายผ่านทรวงอกค่ะ

    ก่อนตรวจเราก็ต้องมัดผมให้เรียบร้อยก่อน จากนั้นเจ้าหน้าที่รังสีเทคนิคจะให้เราแนบลำตัวกับเครื่องพร้อมกับช่วยจัดท่าทางให้เรียบร้อย

    ขั้นตอนการเอกซเรย์ปอด

    พอจัดท่าทางพร้อมตรวจแล้ว เจ้าหน้าที่รังสีเทคนิคจะบอกให้เราหายใจเข้าออกเป็นจังหวะ ตอนหายใจเข้าก็สูดเข้าไปให้ลึกๆ แล้วค้างลมหายใจไว้แป๊บนึง เพื่อให้เจ้าหน้าที่รังสีเทคนิคกดถ่ายฟิล์มเอกซเรย์ จากนั้นก็ค่อยหายใจออกค่ะ

    โดยรวมใช้เวลาไม่ถึง 5 นาทีก็เสร็จแล้วค่ะ ต่อไปเราก็ไปตรวจอัลตร้าซาวด์ช่องท้องกันต่อเลย

    ขั้นตอนการตรวจอัลตร้าซาวด์ช่องท้อง

    สำหรับการตรวจอัลตร้าซาวด์ช่องท้อง คุณหมอจะตรวจดูทั้งช่องท้องส่วนบนและส่วนล่างเลยค่ะ เพื่อเป็นการตรวจเช็กอวัยวะภายในช่องท้องและค้นหาความผิดปกติ

    โดยการตรวจอัลตร้าซาวด์ช่องท้องส่วนบน จะเป็นการตรวจหาความผิดปกติของ ตับ ตับอ่อน (เห็นได้บางส่วน) ม้าม ถุงน้ำดี ท่อน้ำดีส่วนต้น ไต และหลอดเลือดแดงใหญ่

    ส่วนการตรวจอัลตร้าซาวนด์ช่องท้องส่วนล่าง จะเป็นการตรวจดูอวัยวะที่อยู่ต่ำกว่าสะดือ เช่น กระเพาะปัสสาวะ และสำหรับผู้หญิง อวัยวะที่สำคัญที่ควรตรวจเป็นพิเศษก็จะเป็นมดลูกและรังไข่ค่ะ

    ขั้นตอนการตรวจอัลตราซาวด์ช่องท้อง

    ซึ่งก่อนตรวจอัลตราซาวด์ พี่พยาบาลจะแนะนำให้เราดื่มน้ำเยอะๆ จนรู้สึกปวดปัสสาวะก่อน เพื่อให้กระเพาะปัสสาวะดันรังไข่ขึ้นมา ตอนตรวจจะได้เห็นชัดขึ้นนั่นเอง

    พอเราดื่มน้ำเยอะจนรู้สึกปวดปัสสาวะแล้ว ก็มาเริ่มตรวจอัลตราซาวด์ช่องท้องกันเลยค่ะ โดยขั้นตอนการตรวจ คุณหมอจะให้นอนลงบนเตียง จากนั้นก็ทาเจลเย็นๆ บริเวณหน้าท้อง และใช้เครื่องตรวจกดที่หน้าท้องของเราเบาๆ พร้อมกับเคลื่อนหัวตรวจไปมาเพื่อดูอวัยวะในช่องท้องค่ะ

    ระหว่างที่ตรวจ คุณหมอก็จะคอยอธิบายไปด้วยว่าลักษณะอวัยวะภายในช่องท้องของเราเป็นยังไงบ้าง มีตรงไหนผิดปกติมั้ย โดยรวมใช้เวลาไม่เกิน 15 นาทีก็เสร็จแล้วค่ะ จากนั้นก็ไปเก็บตัวอย่างปัสสาวะต่อเลย

    ขั้นตอนการเก็บตัวอย่างปัสสาวะ

    ขั้นตอนการเก็บตัวอย่างปัสสาวะ พี่พยาบาลจะให้กระปุกเก็บตัวอย่างมา ซึ่งบนกระปุกจะมีสติ๊กเกอร์แปะชื่อของเราเอาไว้ด้วยค่ะ

    โดยก่อนเก็บปัสสาวะ พี่พยาบาลจะแนะนำให้เราเลือกเก็บปัสสาวะเฉพาะช่วงกลางและทิ้งปัสสาวะช่วงแรกกับช่วงท้ายไป หลังจากได้รับกระปุกพร้อมกับคำแนะนำในการเก็บปัสสาวะแล้ว เราก็เข้าไปเก็บปัสสาวะกันเลยค่ะ

    หลังจากเก็บปัสสาวะเสร็จเรียบร้อย ก็นำกระปุกมาส่งคืนให้พี่พยาบาล จากนั้นก็ไปตรวจภายในกันต่อเลย

    ขั้นตอนการตรวจภายใน

    สำหรับขั้นตอนการตรวจภายใน ตอนแรกเราก็เขินๆ นิดนึงค่ะ แต่โชคดีมากที่ได้คุณหมอเป็นผู้หญิงและเป็นสูตินรีแพทย์โดยเฉพาะ ทำให้เราเบาใจไปเปลาะหนึ่งเลย

    ซึ่งการตรวจภายในของเราในครั้งนี้ ก็เป็นการตรวจด้วยวิธี Thin-prep ค่ะ ซึ่งจะเป็นการเก็บตัวอย่างเซลล์เพื่อหาเชื้อ HPV ดูเซลล์ที่ผิดปกติที่อาจเปลี่ยนแปลงเป็นเซลล์มะเร็งได้ และดูไวรัส HPV สาเหตุของโรคต่างๆ ที่เกี่ยวกับเพศสัมพันธ์

    โดยขั้นตอนการตรวจ คุณหมอจะให้เราขึ้นขาหยั่ง จากนั้นก็ทำการเก็บตัวอย่างเซลล์เยื่อบุผิวบริเวณปากมดลูก

    ความรู้สึกตอนตรวจ ก็จะรู้สึกจุกๆ นิดนึงค่ะ แต่ไม่ถึงกับเจ็บจนทนไม่ได้ พอเก็บตัวอย่างเสร็จแล้ว เราก็ได้มีการปรึกษาเรื่องการดูแลสุขภาพภายในเพิ่มเติมด้วยนิดหน่อย เช่น เรื่องประจำเดือน การมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งทั้งหมดนี้เราสามารถคุยแบบเปิดอกได้อย่างสบายใจเลยค่ะ

    ขั้นตอนการตรวจภายใน

    โดยรวมเราใช้เวลาในการตรวจสุขภาพทั้งหมดประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งค่ะ ถือว่าไม่นานเลย พอตรวจครบหมดแล้วก็มานั่งรอฟังผลตรวจกับคุณหมอประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ

    ผลการตรวจสุขภาพ

    สำหรับที่นี่ เราก็สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Health Up ของทางโรงพยาบาลมาไว้เพื่อดูคิวและอ่านผลตรวจย้อนหลังได้ด้วยนะคะ เวลาที่ถึงคิวฟังผลตรวจกับคุณหมอ แอปฯ ก็จะเด้งแจ้งเตือนขึ้นมา เรียกได้ว่าสะดวกสบาย ทันสมัยสุดๆ ไปเลยค่ะ

    ซึ่งผลตรวจของเราที่ออกมา โดยรวมค่าทุกอย่างก็ปกติและอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากค่ะ รวมถึงผลตรวจภายใน พวกมดลูกก็แข็งแรงดีไม่มีปัญหาอะไร

    ส่วนปัญหาที่เรากังวลตอนแรกว่า ช่วงหลังรู้สึกว่าตัวเองป่วยบ่อยขึ้น สาเหตุนี้เกิดจากอะไร? คุณหมอก็บอกว่าอาจจะเกิดจากการที่เราพักผ่อนน้อย ทำให้ร่างกายไม่ได้รับการฟื้นฟู ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอและเป็นหวัดง่าย

    คุณหมอเลยแนะนำให้เรานอนพักผ่อนให้เพียงพอ เลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกาย และควรมาตรวจเช็กสุขภาพเป็นประจำทุกปีค่ะ

    บรรยากาศของ โรงพยาบาลพญาไท 3

    บรรยากาศของ โรงพยาบาลพญาไท 3 ด้านในก็บรรยากาศดีมาก มีร้านอาหารเยอะ มีพื้นที่รับรองเพียงพอต่อผู้เข้ามาใช้บริการ ทำให้เราไม่รู้สึกแออัดเลย

    บรรยากาศของ โรงพยาบาลพญาไท 3รีวิวโรงพยาบาลพญาไท 3

    นอกจากนี้ ระหว่างทางที่เดินไปยังจุดตรวจต่างๆ ก็มีป้ายบอกเลขลำดับจุดตรวจและชื่อห้องตรวจชัดเจน แถมยังมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลอยู่ทุกจุดด้วย เพราะฉะนั้นใครที่กลัวว่าเข้ามาแล้วจะงงก็ไม่ต้องกังวลเลยค่ะ

    ใครที่มีความคิดว่าไม่ตรวจก็ไม่เจอ แบบนี้เป็นความคิดที่ผิดนะคะ!!! ยิ่งเราอายุมาก ก็ยิ่งต้องตรวจสุขภาพสม่ำเสมอ แนะนำสาวๆ วัยเลข 3 ให้มาใช้บริาการโปรแกรมตรวจสุขภาพสำหรับผู้หญิง อายุ 30-39 ปี ที่ โรงพยาบาลพญาไท 3 เลยค่ะ ตรวจครบครอบคลุมในโปรแกรมเดียว

    ผู้ใช้บริการโปรแกรมตรวจสุขภาพ สำหรับผู้หญิง อายุ 30-39 ปี ที่ โรงพยาบาลพญาไท 3

    และถ้าจะให้คุ้มสุดๆ ก็อย่าลืมเข้าไปจองแพ็กเกจผ่านเว็บไซต์ HDmall.co.th ด้วยนะคะ ในนี้เค้ามีโปรโมชั่นราคาพิเศษร่วมกับ โรงพยาบาลพญาไท 3 เพียบเลย


    บทความที่ HDmall.co.th แนะนำ

    @‌hdcoth line chat