สรุปการรีวิว
ปิด
ปิด
- ปัจจัยที่ทำให้เราเกิดโรคเกี่ยวกับตับมีอยู่หลากหลายมาก ส่วนใหญ่เป็นพฤติกรรมการใช้ชีวิตครับ เช่น กินเหล้ามากเกินไป กินวิตามิน สารเคมี หรือสมุนไพรมากเกินไป การกินอาหารที่มีไขมันสูง
- ผลตรวจที่ได้รับมีทั้งค่าเอนไซม์เม็ดเลือดแดง ค่าการทำงานของไต ค่ากรดยูริก ค่าเอนไซม์ตับ และค่าสารอัลบูมิน ซึ่งผลตรวจทุกส่วนของผมผ่านเกณฑ์หมดทุกอัน และยังไม่มีความเสี่ยงโรคเกี่ยวกับตับเลย
- คุณหมอแนะนำให้ผมลองทำ Fasting หรือ IF ซึ่งจะมีช่วงเวลาที่ต้องอดอาหาร จึงเป็นเหมือนการเว้นเวลาให้ตับเราได้พักเบรกเพื่อสร้างน้ำดีเพิ่ม และขับเอาสารพิษที่สะสมอยู่ออกไปจากตับจนหมดนั่นเอง
- รีวิวนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ #HDreview ได้รับการสปอนเซอร์จากทาง HDmall.co.th และ Bangkok Anti-Aging Center
- ดูรายละเอียด ราคาตรวจสุขภาพตับ 9 รายการ ที่ Bangkok Anti-Aging Center
- ดูรายละเอียด โปรแกรมทั้งหมดจาก Bangkok Anti-Aging Center
- สอบถามแอดมินเพิ่มเติมเกี่ยวกับแพ็กเกจได้ที่ไลน์ @HDcoth
หลายคนคงรู้กันใช่มั้ยครับว่า “ตับ” เป็นอวัยวะที่ช่วยย่อยอาหารและขับสารพิษออกจากร่างกาย แต่เมื่อไหร่ที่เรากินอาหารที่ไม่มีประโยชน์หรือรับสารพิษเข้าร่างกายอยู่บ่อยๆ ตับก็จะทำงานหนักขึ้นจนสุขภาพทรุดโทรมลงได้
ตัวผมเองก็เป็นคนที่ดื่มสังสรรค์ค่อนข้างหนักครับ และยังชื่นชอบการกินของทอด พวกขนมหวานเป็นชีวิตจิตใจ ถึงจะออกกำลังกายเป็นประจำยังไง แต่ในพฤติกรรมการกินของผมไม่ค่อยจะใส่ใจสุขภาพเท่าไรครับ
ผมเลยตัดสินใจมองหาโอกาสเพื่อตรวจเช็กสุขภาพตับ และก็มาเจอกับโปรแกรม ตรวจสุขภาพตับที่ Bangkok Anti-Aging Center หรือ BAAC ผ่านทางหน้าเว็บไซต์ HDmall.co.th
เว็บนี้เขามีแพ็กเกจตรวจสุขภาพเชิงลึกหลายอย่างเลยครับ แต่ที่ผมเลือก Bangkok Anti-Aging Center เพราะเป็นคลินิกที่มีหลายสาขา และมีรายการตรวจพื้นฐานที่ตอบโจทย์ความต้องการของผมครับ
ในการตรวจตับนี้ ผมเลือกมาตรวจตับที่สาขาสุทธิสาร เพราะเป็นสาขาที่ใกล้บ้านผมมากที่สุด เดินทางสะดวก มีที่จอดรถกว้างขวาง
รีวิว ตรวจสุขภาพตับที่ Bangkok Anti-Aging Center
หลังจากผมจองคิวนัดหมายตรวจสุขภาพตับกับทางแอดมินของ HDmall.co.th ก็มีคูปองสำหรับใช้บริการส่งเข้ามาให้ผมทางอีเมล ในนั้นจะมีรายละเอียดข้อมูลเกี่ยวกับตัวผมและชื่อแพ็กเกจที่เราจะใช้งาน รวมถึงวันที่นัดไปใช้บริการตรวจอยู่
BAAC สาขาสุทธิสาร ตัวศูนย์ฯ จะต้องขับรถเข้าซอยมาแล้วจอดรถที่ลานจอดรถด้านหน้าก่อน จากนั้นก็เข้าไปยื่นคูปองกับเจ้าหน้าที่หน้าเคาน์เตอร์ได้เลย จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะให้กรอกข้อมูลประวัติส่วนตัวเล็กน้อย และเดินนำผมขึ้นชั้นสองเพื่อไปเจาะเลือดเก็บตัวอย่างครับ
ห้องเจาะเลือดก็เป็นห้องที่มีโซฟาตัวใหญ่ๆ ตั้งอยู่หลายๆ ตัวครับ เราก็นั่งจับจองกันได้เลยว่าจะเจาะเลือดที่โซฟาตัวไหนดี
หลังจากเจ้าหน้าที่เจาะเก็บตัวอย่างเลือดเสร็จ ผมก็กลับลงมาทำนัดสำหรับฟังผลตรวจกับคุณหมอกับเจ้าหน้าที่ด้านล่างอีกครั้ง โดยระยะเวลาในการรอผลตรวจเลือดจะอยู่ที่ประมาณ 1 สัปดาห์ครับ เสร็จแล้วก็กลับบ้านได้เลยครับ
ทำไมถึงควรตรวจสุขภาพตับ?
ผ่านไป 7 วัน ผมก็กลับมาฟังผลตรวจเลือดกับคุณหมอที่ BAAC สาขาสุทธิสารเหมือนเดิมครับ พอแจ้งชื่อกับพนักงานที่เคาน์เตอร์ด้านล่าง ผมก็นั่งรอสักครู่แล้วก็ได้เข้าไปฟังผลตรวจสุขภาพตับกับคุณหมอครับ
สำหรับรายการตรวจสุขภาพตับที่ ที่เราจะมาฟังผลตรวจกันมีดังนี้ครับ
- G6PD - ตรวจภาวะพร่องเอนไซม์
- Creatinine - ตรวจการทำงานของไต
- Total Protein - ตรวจวัดระดับโปรตีนในเลือด
- Albumin - ตรวจวัดระดับโปรตีนอัลบูมิน
- Doctor Consultant - ตรวจวิเคราะห์ร่างกายโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
- Globulin - ตรวจวัดระดับโปรตีนโกลบูลิน
- AST (SGOT) - ตรวจวินิจฉัยภาวะโรคตับ
- ALT (SGPT) - ตรวจการทำงานของตับ
- Gamma-GT - ตรวจภาวะการอักเสบของตับ
อันดับแรกคุณหมอก็อธิบายเกี่ยวกับปัจจัยที่ทำให้เราเกิดโรคต่างๆ เกี่ยวกับตับก่อน ซึ่งมันมีอยู่หลากหลายโรคและอาการเลย ส่วนใหญ่ก็เป็นพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่พวกเราหลายๆ คนทำกันนี่แหละครับ
เช่น กินเหล้ามากเกินไป กินวิตามิน สารเคมี หรือสมุนไพรมากเกินไป การกินอาหารที่มีไขมันสูงบ่อยๆ เป็นประจำ
แต่ด้วยความที่ตับมันเป็นอวัยวะที่ค่อนข้างทนมาก เวลามันเจ็บป่วยอะไรก็มักจะไม่แสดงอาการรุนแรงออกมา ทำให้กว่าหลายคนจะรู้ตัวว่าเป็นโรคเกี่ยวกับตับ ก็แทบจะสายเกินแก้ไปแล้ว และอาจจะต้องตัดบางส่วนของตับออกไป แล้วรอการบริจาคอวัยวะเพื่อให้ได้ตับชิ้นใหม่มาใส่ในร่างกายแทน
เพราะแบบนี้เราก็ควรตรวจสุขภาพตับกันบ้างเป็นครั้งคราวครับ แต่ไม่ต้องตรวจบ่อยมากนะครับ ตรวจเหมือนสุขภาพประจำปีก็เพียงพอแล้วครับ
ผลตรวจสุขภาพตับ
ในส่วนของผลตรวจสุขภาพตับของผม แบ่งออกเป็น 3 ส่วนด้วยกันคือ
1. ผลตรวจเอนไซม์เม็ดเลือดแดง ซึ่งทำให้ผนังหลอดเลือดแข็งแรง ผลตรวจในส่วนนี้ก็ออกมาปกติดี ไม่อยู่ในเกณฑ์ที่น่าเป็นห่วงครับ
2. ผลตรวจการทำงานของไต คุณหมอได้แจ้งเกณฑ์ให้ฟังก่อนว่า ไตของเราจะต้องทำงานได้ประสิทธิภาพเกิน 90% นั่นจึงจะอยู่ในเกณฑ์ปกติครับ แต่ถ้าเกณฑ์ต่ำกว่า 60% ก็ถือว่ามีภาวะไตวายแล้วล่ะ และถ้าต่ำกว่า 15% ก็จัดอยู่ในเกณฑ์คนที่ต้องฟอกไต ซึ่งผลตรวจของผมอยู่ในเกณฑ์ 90% ปกติดีครับ
3. ผลตรวจกรดยูริก เพื่อคัดกรองความเสี่ยงโรคเก๊าครับ โรคนี้จะพบได้บ่อยในคนที่กินเบียร์เยอะๆ ชอบกินอาหารประเภทเครื่องในสัตว์ปีก หรือชอบจิบน้ำซุป น้ำต้มกระดูกหมูบ่อยๆ ความเสี่ยงก็จะอยู่ในเกณฑ์เกินกว่า 7 mg/dL แต่ของผมได้ 5.4 mg/dL ซึ่งถือว่าไม่มีความเสี่ยงโรคนี้ ก็โล่งใจไปได้อีกเปราะครับ 555+
4. ผลตรวจค่าเอนไซม์ของตับ โดยผลตรวจจะเป็นค่าเอนไซม์ที่สำคัญกับตับทั้งหมด 3 ตัวครับ ได้แก่
- ค่าเอนไซม์ AST ซึ่งไม่ควรเกิน 48 U/L แต่ผลตรวจของผมออกมาได้ 24 U/L ก็จัดอยู่ในเกณฑ์ปกติครับ
- ค่าเอนไซม์ ALT ซึ่งไม่ควรเกิน 48 U/L เหมือนกัน ผลตรวจตัวนี้ผมได้ 9 U/L ครับ ก็จัดว่าไม่เกิน และอยู่ในเกณฑ์ดีเหมือนกัน
- ค่าเอนไซม์ Gamma GT ไม่ควรเกิน 38 U/L ซึ่งผมได้อยู่ที่ 15 U/L ครับ ถือว่า ไม่เกินกว่าเกณฑ์เช่นกัน
5. ผลตรวจสารอัลบูมิน ซึ่งเป็นสารโปรตีนที่บ่งชี้ความเสี่ยงโรคตับแข็ง โดยตับของเราควรจะผลิตสารอัลบูมินออกมาอย่างน้อย 3.5 mg/dL แต่ตับของผมสามารถผลิตสารตัวนี้ได้ถึง 4.1 mg/dL งั้นก็ถือว่า ผ่านเกณฑ์เช่นกันครับ
โดยสรุปในส่วนของผลตรวจจากแพ็กเกจนี้ ทั้งค่าเซลล์ตับและการทำงานของตับผมยังแข็งแรงดีอยู่ครับ! ดีใจมากๆ เลย
วิธีการดูแลสุขภาพตับ
ถึงแม้ผลตรวจสุขภาพตับของผมจะออกมาอยู่ในเกณฑ์ดีทุกส่วน แต่ด้วยพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผมที่ไม่เอื้อต่อการมีสุขภาพตับแข็งแรง ผมเลยสอบถามคุณหมอก่อนกลับบ้านเกี่ยวกับแนวทางการดูแลสุขภาพตับเพิ่มเติมครับ
ซึ่งคุณหมอก็ได้แนะนำแนวทางการดูแลตนเองมา 2 ส่วนคือ
- ออกกำลังกาย เพราะการไม่ออกกำลังกายจะสามารถนำไปสู่ปัญหา “ไขมันแทรกตับ” ได้ครับ คุณหมอย้ำให้ผมฟังด้วยว่า มันไม่ใช่โรคนะ แต่มันเป็นตัวฟ้องตัวใหญ่ๆ เลยครับว่า คุณน่ะไม่ออกกำลังกาย ไขมันถึงได้ซึมลามเข้าไปถึงข้างในตับแล้ว!
- ทำ Fasting หรือ IF ซึ่งเป็นการกำหนดช่วงเวลาในการกินและอดอาหาร เช่น กิน 8 ชั่วโมงตอนกลางวัน แล้วอด 16 ชั่วโมงตอนกลางคืนจนถึงเช้า อันนี้เป็นความรู้ใหม่ที่น่าสนใจมากๆ ครับ
คุณหมออธิบายว่า ตับของเรามันก็เหมือนโรงงานแยกขยะ อะไรดีก็ส่งไปดูดซึมเข้าร่างกายหมด อะไรไม่ดีก็กักเก็บไว้กับตัว พอเรากินอาหารในทุกๆ วัน ตับมันก็ทำงานดูดซึมหนักขึ้น จนบางครั้งก็ไม่ได้กำจัดของเสียที่สะสมอยู่ข้างในออกมาจนหมด และกลายเป็นสารพิษสะสมอยู่ข้างในตับได้
การทำ Fasting หรือ IF ซึ่งจะมีช่วงเวลาที่ต้องอดอาหารจึงเป็นเหมือนการเว้นเวลาให้ตับเราได้พักเบรกเพื่อสร้างน้ำดีเพิ่ม และขับเอาสารพิษที่สะสมอยู่ออกไปจากตับจนหมด พอตับไม่มีของเสียสะสมคั่งค้างอยู่ข้างใน ก็เหมือนเป็นอวัยวะที่คลีนๆ สะอาดขึ้น และมีสุขภาพดีขึ้นนั่นเองครับ
ส่วนตัวผมเป็นคนที่ออกกำลังกายอยู่แล้วครับ แต่ไม่เคยทำ Fasting หรือ IF มาก่อนเลย ก็ต้องขอกลับไปวางแผนลองปรับเปลี่ยนเวลากินอาหารดูบ้างแล้วล่ะครับ
โดยสรุปแล้ว การตรวจสุขภาพตับในครั้งนี้ทำให้ผมได้รับความรู้ใหม่ๆ ในการดูแลตนเองเพิ่มเติมกลับบ้านไปหลายอย่างเลยครับ คุ้มค่าจริงๆ กับการใช้เวลารับบริการไม่นาน อย่างวันแรกที่เจาะเลือดก็ใช้เวลาอยู่แค่ราวๆ 30 นาทีเท่านั้นเอง ส่วนการฟังผลตรวจก็ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็เสร็จครับ
สำหรับตัวรายงานผลตรวจ ผมก็ขอทาง BAAC ให้ช่วยพิมพ์ผลตรวจอีกชุดให้ผมนำกลับบ้านไปด้วยครับ เผื่อจะได้นำไปใช้ในการดูแลหรือตรวจสุขภาพเพิมเติมในอนาคต
สุดท้ายก็ขอเชิญชวนเพื่อนๆ ที่มีพฤติกรรมการกินหรือดื่มหนักๆ อย่างต่อเนื่องมาตรวจสุขภาพตับกันที่ Bangkok Anti-Aging Center หรือ BAAC กันบ้างนะครับ คุณหมอใจดี เจ้าหน้าที่บริการไว ใช้เวลาตรวจไม่นานแต่ได้ผลตรวจละเอียดกลับบ้านมาด้วย อยากให้ลองมาตรวจกันครับ
ข้อมูล Bangkok Anti-Aging Center
ปิด
ปิด
- สาขาสุทธิสาร: อาคาร BAAC เดินทางด้วย MRT สถานีสุทธิสาร ทางออก 2-3 ต่อวินมอเตอร์ไซค์เข้ามาในซอยประมวลสุข ดูแผนที่
- สาขาสยาม: คลินิกอยู่ที่ โรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส ชั้น 8 เดินทางด้วย BTS สถานีสนามกีฬาแห่งชาติ ทางออก 5 ดูแผนที่
- สาขาบางนา: อาคาร BAAC อยู่ติดกับ SB Design บนถนนบางนาตราด กม.ที่ 4 ก่อนถึงทางแยกไปถนนศรีนครินทร์ ดูแผนที่
- ดูแพ็กเกจทั้งหมดจาก Bangkok Anti-Aging Center ที่นี่