ช่องคลอดหย่อนยานอาจดูเป็นปัญหาในร่มผ้าที่ไม่จำเป็นต้องใส่ใจ แต่สำหรับผู้หญิงหลายคนก็จัดเป็นปัญหาบั่นทอนความมั่นใจได้เช่นกัน และอยากที่จะรักษาให้ผิวบริเวณนั้นกลับมากระชับอีกครั้ง หรือที่เรียกกันว่า “การรีแพร์”
หากใครยังไม่เข้าใจความหมาย และแนวทางการทำรีแพร์ รวมถึงวิธีการเตรียมตัวก่อนรับบริการทำรีแพร์ สามารถติดตามข้อมูลควรรู้ได้ในบทความนี้ของ HDmall.co.th ได้เลย
สารบัญ
- ช่องคลอดหลวมคืออะไร?
- การรีแพร์คืออะไร?
- ทำรีแพร์มีกี่วิธี?
- ทำรีแพร์ด้วยการยิงเลเซอร์
- ข้อดีของการทำรีแพร์โดยการยิงเลเซอร์
- ข้อเสียของการทำรีแพร์โดยการยิงเลเซอร์
- การทำรีแพร์โดยการยิงเลเซอร์เหมาะกับใคร?
- ความเสี่ยงในการทำรีแพร์ด้วยการยิงเลเซอร์
- การเตรียมตัวก่อนทำรีแพร์ด้วยการยิงเลเซอร์
- ขั้นตอนการทำรีแพร์โดยการยิงเลเซอร์
- การดูแลตนเองหลังทำรีแพร์ด้วยการยิงเลเซอร์
- ทำรีแพร์ด้วยเลเซอร์คงอยู่ถาวรหรือไม่?
- รีแพร์ด้วยการฉีดฟิลเลอร์
- การทำรีแพร์โดยการผ่าตัด
ช่องคลอดหลวมคืออะไร?
ช่องคลอดหลวม คือ ปัญหาผิวด้านในจนถึงปากช่องคลอดที่เกิดหย่อนยานจนมีเนื้อห้อยปลิ้นออกมา ร่วมกับมีความรู้สึกคล้ายกับช่องคลอดหลวม หรือรู้สึกว่ามีน้ำหนักถ่วงอยู่บริเวณจุดซ่อนเร้นจนทำให้รู้สึกไม่สบายตัวได้ โดยปัญหาช่องคลอดหลวมอาจเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น การคลอดบุตร อาการของโรคบางชนิดที่เกิดแรงดันต่อผิวอุ้งเชิงกราน การยกของหนัก ออกกำลังกายหนัก และอายุที่มากขึ้น
นอกจากนี้ปัญหาช่องคลอดหลวมยังมักมีอาการหรือผลกระทบอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น
- มีลมออกมาทางช่องคลอด
- ปัสสาวะเล็ดง่าย โดยเฉพาะเวลาไอ จาม ออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมที่ทำให้เกิดแรงดัน
- รู้สึกปัสสาวะไม่สุด ปวดปัสสาวะบ่อย
- รู้สึกไม่สบายตัวระหว่างมีเพศสัมพันธ์ หรือระหว่างใช้ชีวิตประจำวัน
การรีแพร์คืออะไร?
รีแพร์ (Repair) คือ คำเรียกวิธีรักษาปัญหาช่องคลอดหลวมให้กลับมาตึงกระชับอีกครั้ง และไม่มีเนื้อผิวที่ห้อยปลิ้นออกมาด้านนอก โดยการรีแพร์อาจให้ประโยชน์หลายส่วนนอกจากการรักษาช่องคลอดหลวม เช่น
- ผิวปากช่องคลอดกระชับขึ้น ไม่มีเนื้อยื่นหรือปลิ้นออกมา
- ทำให้รู้สึกสบายตัวระหว่างมีเพศสัมพันธ์และระหว่างใช้ชีวิตประจำวันมากขึ้น
- ทำให้ผิวช่องคลอดชุ่มชื้นสุขภาพดี สามารถผลิตสารคัดหลั่งที่จำเป็นได้อย่างเพียงพอ
- ลดโอกาสปัสสาวะเล็ด และสามารถปัสสาวะได้สุดจนหมดได้มากขึ้น
- ลดโอกาสเกิดตกขาวเยอะ และช่องคลอดมีกลิ่นอับ
อย่างไรก็ตาม ประโยชน์ด้านบนอาจไม่ได้เกิดขึ้นครบทุกข้อเสมอไป แต่เป็นผลพลอยได้จากการกระชับ ขึ้นอยู่กับแนวทางการรักษาและเครื่องมือที่ใช้ทำรีแพร์ในแต่ละสถานพยาบาลด้วย
ทำรีแพร์มีกี่วิธี?
รูปแบบการรีแพร์ที่นิยมทำกันในปัจจุบันแบ่งออกได้ 3 รูปแบบใหญ่ๆ ได้แก่
- รีแพร์ด้วยการยิงเลเซอร์
- รีแพร์ด้วยการฉีดฟิลเลอร์
- การทำรีแพร์โดยการผ่าตัด
ซึ่งแต่ละวิธีก็จะมีข้อดีข้อเสียที่ควรพิจารณาแตกต่างกัน โดยจะพูดถึงรายละเอียดของแต่ละวิธีต่อไป
ทำรีแพร์ด้วยการยิงเลเซอร์
การทำรีแพร์โดยการยิงเลเซอร์ เป็นวิธีปรับความหย่อนคล้อยของผิวโดยการสัมผัสหรือสอดอุปกรณ์เข้าไปในช่องคลอด จากนั้นจะค่อยๆ ปล่อยพลังงานออกมาปรับสภาพเนื้อเยื่อที่เสื่อมสภาพให้เกิดความกระชับขึ้น เครื่องยิงเลเซอร์ที่ใช้ทำรีแพร์ในปัจจุบันมีอยู่มากมาย ขึ้นอยู่กับแต่ละสถานพยาบาล เช่น
- เครื่อง Indiba เป็นเครื่องปล่อยพลังงานคลื่นวิทยุ (Radio Frequency: RF) เพื่อยกกระชับช่องคลอด
- เครื่อง Exilis เครื่องปล่อยคลื่นได้ถึง 2 ชนิด ได้แก่ คลื่นพลังงานอัลตราซาวด์ และคลื่นวิทยุความถี่สูง
- เครื่อง Fotona เป็นเครื่องปล่อยพลังงานเลเซอร์ Er: YAG เพื่อการยกกระชับผิวช่องคลอด
- เครื่อง Vaginal Lift พลังงานเลเซอร์ Fractional CO2 ซึ่งนิยมใช้กระชับผิวหย่อนคล้อยมานานอยู่
ข้อดีของการทำรีแพร์โดยการยิงเลเซอร์
การทำรีแพร์ผ่านการยิงเลเซอร์ถือเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมสูง เพราะนอกจากจะรักษาผิวที่หย่อนยานลงแล้ว ยังช่วยปรับความเสื่อมของสุขภาพช่องคลอดลึกถึงระดับเซลล์เล็กๆ ทำให้จุดเด่นของวิธีรักษานี้มีอยู่หลายอย่าง ได้แก่
- เสริมการผลัดเซลล์คอลลาเจนที่ผิวช่องคลอด ทำให้เนื่อเยื่อบริเวณนั้นยืดหยุ่นแต่ยังกระชับแน่นยิ่งขึ้น
- ลดการผลิตเซลล์สีเข้มซึ่งทำให้ผิวจุดซ่อนเร้นดูคล้ำหมอง
- บรรเทาอาการปัสสาวะเล็ดผ่านการปรับปรุงความเสื่อมของเซลล์ที่ระบบสืบพันธุ์
- เพิ่มความชุ่มชื้น ลดความแห้งตึงของผนังช่องคลอด
- กระตุ้นการไหลเวียนเลือดบริเวณปากช่องคลอด ลดโอกาสปวดท้องระหว่างมีประจำเดือนได้
- ลดปัญหาช่องคลอดมีกลิ่นอับ หรือกลิ่นไม่พึงประสงค์
- เพิ่มความสุขระหว่างมีเพศสัมพันธ์ เนื่องจากช่องคลอดมีการบีบรัดและมีการผลิตสารหล่อลื่นได้ดี
ข้อเสียของการทำรีแพร์โดยการยิงเลเซอร์
การทำรีแพร์โดยการยิงเลเซอร์ยังมีจุดด้อยอยู่บางส่วนที่คุณควรรู้เอาไว้ เพื่อใช้ประกอบการพิจารณารับบริการ
- ต้องทำหลายครั้ง โดยอาจอยู่ที่ 3-4 ครั้งขึ้นไปจึงจะเห็นผลลัพธ์
- อาจรู้สึกไม่คุ้นชิน จากการสอดหัวยิงพลังงานเข้าไปในช่องคลอดเล็กน้อย
- ราคาค่อนข้างสูง โดยการยิงเลเซอร์ส่วนมากจะมีราคามาตรฐานอยู่ที่หลักหมื่นขึ้นไป
การทำรีแพร์โดยการยิงเลเซอร์เหมาะกับใคร?
การทำรีแพร์โดยการยิงเลเซอร์จะเหมาะสมกับกลุ่มผู้เข้ารับบริการต่อไปนี้
- ผู้ที่มีเวลากลับมาพบแพทย์เพื่อยิงเลเซอร์ซ้ำอย่างสม่ำเสมอ
- ผู้ที่กลัวเจ็บ เพราะการทำรีแพร์ด้วยการยิงเลเซอร์แทบไม่ให้ความรู้สึกเจ็บเลย
- ผู้ที่มีเวลารอคอยต่อผลลัพธ์ เพราะอาจไม่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงทันทีเหมือนอื่น
- ผู้ที่มีปัญหาช่องคลอดหลวมเล็กน้อย ไม่รุนแรงจนปัสสาวะเล็ดง่าย หรืออั้นปัสสาวะไม่ได้เลย
ความเสี่ยงในการทำรีแพร์ด้วยการยิงเลเซอร์
หากอุปกรณ์ที่ใช้ปล่อยพลังงานไม่ได้ทำความสะอาดก่อนเข้าไปสัมผัสหรือสอดใส่ช่องคลอด อาจนำมาซึ่งปัญหาการติดเชื้อที่ผิวหนังได้
นอกจากนี้ตัวอุปกรณ์ยิงเลเซอร์ยังต้องได้มาตรฐาน มีการรับรองทางการแพทย์และสาธารณสุขเท่านั้น มิฉะนั้นคลื่นพลังงานที่ปล่อยเข้าไปอาจทำลายการทำงานของระบบสืบพันธุ์และสุขภาพองค์รวมของคุณได้
การเตรียมตัวก่อนทำรีแพร์ด้วยการยิงเลเซอร์
เพื่อสุขภาพอนามัยของระบบสืบพันธุ์ที่พร้อมต่อการรับพลังงานเลเซอร์ ผู้เข้ารับบริการจึงควรปฏิบัติดังต่อไปนี้
- หากกำลังตั้งครรภ์ ให้เลื่อนวันนัดบริการออกไปก่อนจนกว่าจะคลอดบุตร
- รับบริการช่วงก่อนหรือหลังประจำเดือนหมดไปแล้วประมาณ 7 วัน หากประจำเดือนมาในวันรับริการให้เลื่อนวันนัดออกไปก่อนจนกว่าประจำเดือนจะหมด
- หากเป็นโรคผิวหนัง ภาวะติดเชื้อที่ผิวหนัง โรคเริม โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ทุกชนิด ให้เลื่อนวันรับบริการออกไปจนกว่าจะรักษาจนหายดี
- รักษาความสะอาดจุดซ่อนเร้นให้สะอาด อย่าปล่อยให้ชื้นเปียกและควรแห้งสะอาดอยู่เสมอ
- งดบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนรับบริการ
- สอบถามทางสถานพยาบาลเกี่ยวกับการโกนหรือกำจัดขนจุดซ่อนเร้นก่อนรับบริการ
- ทางสถานพยาบาลอาจแนะนำให้ตรวจสุขภาพ ตรวจภายใน โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ทำแบบทดสอบการตอบสนองทางเพศในสตรี (Female Sexual Function Index: FSFI) ก่อนรับบริการ
ขั้นตอนการทำรีแพร์โดยการยิงเลเซอร์
ระยะเวลาทำรีแพร์โดยการยิงเลเซอร์จะอยู่ที่ 30 นาทีขึ้นไป ขึ้นอยู่กับขั้นตอนในการให้บริการของแต่ละสถานพยาบาล ซึ่งมักจะมีกระบวนการหลักๆ ดังต่อไปนี้
- ผู้เข้ารับบริการตรวจสุขภาพหรือตรวจภายในตามที่สถานพยาบาลแนะนำ
- ปรึกษากับแพทย์เกี่ยวกับปัญหาความหย่อนคล้อยของช่องคลอด
- ผู้เข้ารับบริการเปลี่ยนเสื้อผ้าและถอดกางเกงชั้นใน จากนั้นขึ้นไปนั่งบนเตียงนอนของสถานพยาบาล
- เจ้าหน้าที่ทำความสะอาดผิวจุดซ่อนเร้น และอาจทาครีมหรือเจลสร้างความหล่อลื่นร่วมด้วย
- เจ้าหน้าที่สอดหัวปล่อยพลังงานจากเครื่องยิงเลเซอร์เข้าช่องคลอด จากนั้นจะแช่หรือหมุนอุปกรณ์เพื่อรักษาได้ตรงจุด ระหว่างนี้อาจสอดหัวปล่อยพลังงานลึกขึ้น หรือนำออกมาบริเวณปากช่องคลอดด้วย
- เมื่อยิงเลเซอร์เสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่จะทำความสะอาดผิว จากนั้นผู้เข้ารับบริการสามารถเดินทางกลับบ้านได้
การดูแลตนเองหลังทำรีแพร์ด้วยการยิงเลเซอร์
โดยปกติผู้เข้ารับบริการสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันทีหลังรับบริการ แต่ก็อาจมีข้อควรระวังบางอย่างที่ต้องปฏิบัติตาม เช่น
- งดมีเพศสัมพันธ์หลังรับบริการประมาณ 3-7 วัน
- งดใช้ผลิตภัณธ์ทำความสะอาดหรือดับกลิ่นจุดซ่อนเร้นประมาณ 1 สัปดาห์หลังรับบริการ
- อาจใส่ผ้าอนามัยแบบบางประมาณ 1-3 วันแรก เพราะอาจมีสารคัดหลั่งไหลออกจากช่องคลอดเล็กน้อย
- ดื่มน้ำมากๆ วันละ 3-4 ลิตร เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายขับสารคัดหลั่งที่เป็นของเสียออกทางช่องคลอด
ทำรีแพร์ด้วยเลเซอร์คงอยู่ถาวรหรือไม่?
การทำรีแพร์ด้วยเลเซอร์จะอยู่ได้ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น ส่วนมากมักอยู่ที่ประมาณ 1 ปี หรือน้อยกว่า ตามแต่ลักษณะพฤติกรรมการใช้ชีวิต หลังจากนั้นผู้เข้ารับบริการต้องกลับมาทำยิงเลเซอร์ซ้ำอีกเพื่อปรับสภาพผิวอีกครั้ง
รีแพร์ด้วยการฉีดฟิลเลอร์
ฟิลเลอร์ (Filler) คือ สารสังเคราะห์ของสารไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ตามธรรมชาติในเนื้อผิวมนุษย์ทุกคน ทำหน้าที่สร้างความเต่งตึงให้ผิวดูมีมิติ อิ่มเอิม ไม่เหี่ยวย่น และสามารถนำมาฉีดบริเวณจุดซ่อนเร้นเพื่อแก้ไขความหย่อนยานได้เช่นกัน
ข้อดีของการทำรีแพร์โดยการฉีดฟิลเลอร์
จุดเด่นที่น่าสนใจของการใช้สารฟิลเลอร์เข้ามาปรับสภาพให้กับผิวช่องคลอด ได้แก่
- เห็นผลได้ทันทีหลังทำ โดยจะสังเกตเห็นผิวจุดซ่อนเร้นดูอิ่มฟูแน่นมากขึ้น
- มีฟิลเลอร์หลายแบรนด์ให้เลือก ซึ่งก็จะแตกต่างกันไปทั้งการยึดเกาะของเนื้อฟิลเลอร์ ความเหลว ความข้นจาง และความยืดหยุ่น แต่โดยปกติแพทย์จะเป็นผู้เลือกและแนะนำแบรนด์ฟิลเลอร์ที่เหมาะสมให้
- ฉีดเติมได้หลายบริเวณ อาจไม่ใช่เพียงส่วนของผิวช่องคลอดอย่างเดียว แต่อาจฉีดเติมบริเวณเนินจุดซ่อนเร้น หรือบริเวณโดยรอบช่องคลอดได้ด้วยเช่นกัน
ข้อเสียของการทำรีแพร์โดยการฉีดฟิลเลอร์
จุดด้อยของการทำรีแพร์ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ ได้แก่
- ผลลัพธ์อยู่เพียงชั่วคราว เพราะฟิลเลอร์เป็นสารที่สลายหายไปได้ตามกระบวนการธรรมชาติ รวมถึงมีเนื้อเหลว หากถูกเสียดสีหรือสัมผัสมากๆ ก็จะลดการเกาะตัวออกจากกัน
- อาจรู้สึกเจ็บ เพราะเป็นการรีแพร์ผ่านการใช้เข็มฉีดยา และผิวจุดซ่อนเร้นเป็นผิวที่ค่อนข้างบอบบางมาก แต่ผู้ให้บริการมักมีการทายาชาหรือประคบเย็นให้ก่อนเพื่อบรรเทาอาการ
- ไม่ได้ช่วยบำรุงสภาพระบบสืบพันธุ์ แต่ผลลัพธ์จะช่วยในเรื่องความเต่งตึงของผิวและเสริมความชุ่มชื้นเท่านั้น
ทำรีแพร์โดยการฉีดฟิลเลอร์เหมาะกับใคร?
- ผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์อย่างรวดเร็วหลังรักษา
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ด้านความเต่งตึงและกระชับของช่องคลอดเท่านั้น
- ผู้ที่ต้องการทำรีแพร์เพียงชั่วคราวเท่านั้น
ความเสี่ยงในการทำรีแพร์โดยการฉีดฟิลเลอร์
แพทย์ผู้ฉีดจะมีการปั้นแต่งเนื้อผิวที่มีฟิลเลอร์เข้าไปให้สวยงามระหว่างรับบริการด้วย หากผู้เข้ารับบริการไปฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ ผิวช่องคลอดที่เปลี่ยนไปหลังฉีดอาจดูไม่เต่งตึง หรือมีมิติอย่างที่ต้องการได้
อีกข้อควรระวังที่สำคัญมากก็คือ สารฟิลเลอร์ปลอมที่อาจเป็นสารอันตรายได้ เช่น ผิวเน่า ผิวอักเสบ ผิวมีก้อนฟิลเลอร์ปลอมค้างอยู่ จึงควรเลือกรับบริการกับสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานเท่านั้น
การเตรียมตัวก่อนทำรีแพร์โดยการฉีดฟิลเลอร์
ข้อปฏิบัติก่อนไปรับบริการทำรีแพร์นั้นคล้ายการไปฉีดฟิลเลอร์ส่วนอื่น โดยมีสิ่งที่ควรทำดังต่อไปนี้
- สอบถามแพทย์เกี่ยวกับการงดยาประจำตัว อาหารเสริม สมุนไพรเสริมสุขภาพก่อนรับบริการ
- รักษาความสะอาดผิวบริเวณจุดซ่อนเร้นให้สะอาดและแห้งอย่างสม่ำเสมอก่อนรับบริการ
- หากกำลังเป็นโรคผิวหนังทุกชนิด หรือภาวะผิวหนังติดเชื้อ ให้รักษาให้หายก่อนไปรับบริการ
- หากเป็นผู้ป่วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ทุกชนิด ต้องรักษาให้หายเสียก่อนไปรับบริการเท่านั้น
- รับบริการก่อนหรือหลังประจำเดือนหมดแล้วประมาณ 7 วัน หากประจำเดือนมาในวันรับบริการ ให้เลื่อนนัดออกไปก่อน
- ทางสถานพยาบาลอาจให้ตรวจสุขภาพ ตรวจภายใน หรือตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ก่อนรับบริการ
- สอบถามทางสถานพยาบาลเกี่ยวกับการโกนขนอวัยวะเพศก่อนมารับบริการ
ขั้นตอนการทำรีแพร์ด้วยการฉีดฟิลเลอร์
ขั้นตอนการทำรีแพร์โดยการฉีดฟิลเลอร์จะมีกระบวนการหลักๆ ดังต่อไปนี้
- ผู้เข้ารับบริการปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับปัญหาความหย่อนยานของช่องคลอด
- ผู้เข้ารับบริการเปลี่ยนชุดและถอดกางเกงชั้นในออก
- เจ้าหน้าที่จะทำความสะอาดผิวและอาจโกนขนอวัยวะเพศบางส่วนออก
- เจ้าหน้าที่ให้ยาชา ซึ่งอาจเป็นรูปแบบการทา ฉีด หรือประคบเย็น หรืออาจทำร่วมกันทั้ง 3 อย่าง
- แพทย์เริ่มฉีดฟิลเลอร์ที่ผิวจุดซ่อนเร้นตามความเหมาะสม และอาจใช้มือจับหรือปั้นผิวให้ได้รูปด้วย
- ในระหว่างฉีดและปั้นผิว แพทย์อาจให้ผู้เข้ารับบริการส่องกระจกดูการเปลี่ยนแปลงไปพร้อมๆ กัน
- หลังจากฉีดเสร็จ เจ้าหน้าที่จะทำความสะอาดผิวอีกครั้ง ก่อนให้เปลี่ยนชุดแล้วเดินทางกลับบ้านได้
การดูแลตนเองหลังทำรีแพร์โดยการฉีดฟิลเลอร์
เพื่อให้ผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์อยู่ได้นานและปลอดภัย ผู้เข้ารับบริการควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้
- งดการใช้มือไปจับ กด คลึง หรือบีบผิวช่องคลอด เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์กระจายตัวออก
- ดูแลผิวช่องคลอดให้สะอาดอย่างสม่ำเสมอ
- ดื่มน้ำมากๆ เพื่อให้สารฟิลเลอร์อยู่ในผิวช่องคลอดได้นานขึ้นกว่าเดิม
- หากรู้สึกวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน ช่องคลอดเกิดก้อนนิ่มผิดปกติ ให้รีบกลับมาพบแพทย์ทันที
การทำรีแพร์โดยการผ่าตัด
แนวทางสุดท้ายของการทำรีแพร์เพื่อเปลี่ยนแปลงผิวช่องคลอดที่หย่อนยานก็คือ การผ่าตัด ซึ่งจัดเป็นการผ่าตัดเล็ก ไม่จำเป็นต้องพักฟื้นที่โรงพยาบาล และช่วยปรับสภาพความหย่อนยานของช่องคลอดได้กึ่งถาวรเลยทีเดียว
ข้อดีของการทำรีแพร์โดยการผ่าตัด
การทำรีแพร์โดยการผ่าตัดจัดเป็นการทำหัตถการที่ได้รับความนิยมมานาน โดยมีจุดเด่นดังต่อไปนี้
- ผลลัพธ์เห็นได้เร็ว อยู่ได้นานแทบจะตลอดชีวิต เหมาะกับผู้ที่ต้องการทำรีแพร์แบบครั้งเดียวจบและเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังผ่าตัด
- เป็นการผ่าตัดเล็ก ไม่ต้องนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาล แต่อาจขึ้นอยู่กับคำแนะนำของแพทย์อีกครั้ง
ข้อเสียของการทำรีแพร์โดยการผ่าตัด
ถึงแม้การผ่าตัดจะเป็นแนวทางการทำรีแพร์แบบครั้งเดียวจบ แต่ก็ยังมีความละเอียดอ่อนบางอย่างที่ควรรู้ เช่น
- มีโอกาสที่ช่องคลอดจะหย่อนยานได้อีก ถึงแม้จะเป็นการรักษากึ่งถาวร แต่ชีวิตประจำวัน อายุ และความเสื่อมของร่างกายในทุกคน จึงอาจทำให้ช่องคลอดหลวมได้อีก
- ยังต้องดูแลแผลอย่างระมัดระวัง โดยต้องดูแลความสะอาด ระวังการอักเสบติดเชื้อของแผล
- ราคาสูง โดยค่าผ่าตัดทำรีแพร์มักจะอยู่ที่อย่างต่ำ 20,000 บาทขึ้นไป
การทำรีแพร์โดยการผ่าตัดเหมาะกับใคร?
กลุ่มผู้ที่เหมาะต่อการทำรีแพร์โดยใช้วิธีผ่าตัด ได้แก่
- ผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ของการทำรีแพร์ในระยะยาวหลายปี
- ผู้ที่สามารถมีเวลาฟื้นฟูแผลหลังผ่าตัดได้
- ผู้ที่เคยผ่านการทำรีแพร์ด้วยวิธีอื่นแต่ยังรู้สึกไม่พอใจ หรืออยากให้ช่องคลอดกระชับขึ้นมากกว่าที่เคยทำมา
ความเสี่ยงของการทำรีแพร์โดยการผ่าตัด
แม้จะใช้การผ่าตัดเข้ามาช่วยรักษา แต่ช่องคลอดก็อาจไม่ได้กระชับแน่นเท่ากับช่วงที่เป็นวัยรุ่นหรือก่อนมีเพศสัมพันธ์ รวมถึงช่องคลอดที่เคยผ่านการทำรีแพร์มาแล้วอาจมีความลึกของปากช่องคลอดเปลี่ยนไป และเนื้อเยื่อพังผืดที่อาจกระทบอวัยวะข้างเคียงหลังการผ่าตัด ทำให้ไม่สามารถผ่าตัดซ้ำได้อีกในอนาคต หากต้องการผ่าตัดรีแพร์ซ้ำก็จำเป็นต้องปรึกษาและตรวจร่างกายกับแพทย์ก่อน
นอกจากนี้ การผ่าตัดทำรีแพร์ต้องระมัดระวังและดูแลสุขอนามัยเป็นอย่างดี เพื่อลดโอกาสติดเชื้อหรืออักเสบจนเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การบาดเจ็บที่กระเพาะปัสสาวะหรือท่อไต ภาวะติดเชื้อที่กระเพาะปัสสาวะ
การเตรียมตัวก่อนทำรีแพร์โดยการผ่าตัด
เพื่อให้สุขภาพและร่างกายพร้อมต่อการผ่าตัด ผู้เข้ารับบริการต้องปฏิบัติตัวดังต่อไปนี้ก่อนรับการผ่าตัด
- กำหนดวันผ่าตัดในช่วงที่ประจำเดือนหมดประมาณ 1 สัปดาห์
- สถานพยาบาลอาจให้ตรวจสุขภาพ ความเสี่ยงมะเร็งปากมดลูก หรือการตรวจอื่นๆ ก่อนผ่าตัด
- งดน้ำและอาหารอย่างน้อย 6 ชั่วโมงล่วงหน้าก่อนผ่าตัด
- ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการงดยาประจำตัว อาหารเสริม สมุนไพร ยาที่เกี่ยวกับระบบเลือด
- สถานพยาบาลอาจให้โกนขนที่ลับก่อนรับบริการ หรือหากไม่แน่ใจให้สอบถามล่วงหน้าก่อนวันผ่าตัด
- อาบน้ำให้สะอาดก่อนมารับบริการ
- เตรียมกางเกงชั้นในที่ใส่สบาย ไม่หลวมและไม่คับเกินไป เพื่อใส่หลังผ่าตัด
- พาญาติหรือคนสนิทมาด้วย เพื่อให้ช่วยดูแลอำนวยความสะดวก เนื่องจากในหลายสถานพยาบาลจะมีการให้ยานอนหลับหรือยาสลบก่อนผ่าตัด ซึ่งอาจทำให้ผู้เข้ารับบริการรู้สึกง่วงซึมหลังผ่าตัดเสร็จได้
- ควรลางานล่วงหน้าประมาณ 1-3 วันเพื่อให้มีเวลาพักฟื้นหลังผ่าตัดเล็กน้อย
ขั้นตอนการทำรีแพร์โดยการผ่าตัด
แนวทางการผ่าตัดอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละสถานพยาบาล แต่กระบวนการพื้นฐานอาจมีดังต่อไปนี้
- แพทย์ให้ยานอนหลับแบบอ่อนๆ หรือยาสลบ และยาชากับผู้เข้ารับบริการ
- แพทย์กรีดเปิดผิวที่ผนังช่องคลอด ตั้งแต่ปากช่องคลอดไปจนถึงช่องคลอดส่วนยอดด้านใน
- แพทย์เลาะแยกผิวช่องคลอดออกจากชั้นเนื้อเยื่อ และเย็บเนื้อเยื่อส่วนที่เสื่อมสภาพด้วยไหมละลาย
- หากพบผิวเนื่อเยื่อที่ห้อยย้อยออกมามาก แพทย์อาจพิจารณาตัดทิ้งแล้วเย็บปิดผิวส่วนนั้นใหม่ด้วย
- แพทย์ส่องกล้องตรวจดูความเรียบร้อยและความเสี่ยงจากการผ่าตัดบริเวณกระเพาะปัสสาวะและท่อไต
- แพทย์อาจใส่ผ้าก๊อซเพื่อดูดซับเลือดและลดโอกาสแผลฟกช้ำหลังผ่าตัดไว้ในช่องคลอด อาจใส่ร่วมกับสายสวนปัสสาวะด้วยประมาณ 3-48 ชั่วโมงแรก จากนั้นจะนำออกให้
การดูแลตนเองหลังทำรีแพร์โดยการผ่าตัด
เพื่อไม่ให้แผลกระทบกระเทือน หรือเกิดภาวะแทรกซ้อน ผู้เข้ารับบริการควรดูแลตนเองตามคำแนะนำดังต่อไปนี้
- งดออกกำลังกาย หรือกิจกรรมที่ต้องออกแรง การยกของหนัก 4 สัปดาห์
- งดมีเพศสัมพันธ์ 2 เดือน
- เคลื่อนไหวร่างกายให้น้อย โดยเฉพาะการเดินหรือวิ่ง เพือป้องกันแผลอักเสบหรือฉีกขาด
- งดบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่แบบระยะยาว
- ทำความสะอาดแผลด้วยน้ำสะอาดในช่วงเช้ากับเย็นทุกวัน รวมถึงหลังปัสสาวะและอุจจาระทุกครั้ง
- พักผ่อนให้เพียงพอทุกคืน
- สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติทุกอย่าง แต่ให้ดื่มน้ำมากๆ ด้วย
- มาพบแพทย์เพื่อตรวจความเรียบร้อยของแผลสม่ำเสมอ
ทำรีแพร์โดยการผ่าตัดทำให้เกิดรอยแผลเป็นหรือไม่?
เนื่องจากจุดซ่อนเร้นและช่องคลอดเป็นบริเวณที่มักมีการไหลเวียนเลือดได้ดีอยู่เสมอ จึงทำให้โอกาสเกิดรอยแผลเป็นได้ค่อนข้างน้อยหรือแทบไม่มีเลย