ตรวจมะเร็งต่อมลูกหมาก พบก่อน รักษาได้ หายขาด

ผู้ชายที่อายุ 50 ปีขึ้นไปหลายคน อาจเริ่มมีปัญหาปัสสาวะขัด ปัสสาวะไม่พุ่ง ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะไม่สุด หรือบางรายถึงขั้นปัสสาวะไม่ออก ซึ่งอาการต่างๆ เหล่านี้ อาจเป็นอาการของภาวะต่อมลูกหมากโตที่พบได้บ่อย หรืออาจเป็นสัญญาณของโรคร้ายแรงอย่างมะเร็งต่อมลูกหมากก็ได้

ดังนั้นเมื่อเริ่มมีอาการดังกล่าว จึงไม่ควรคิดเองเออเองว่าตนเป็นโรคอะไร แต่ควรเข้ารับการตรวจจากแพทย์เพื่อให้ทราบผลที่แน่ชัด เพราะหากพบสัญญาณของโรคมะเร็งต่อมลูกหมากตั้งแต่ในระยะแรกๆ แพทย์ก็จะสามารถวางแผนการรักษาให้หายได้

มะเร็งต่อมลูกหมากคืออะไร?

มะเร็งต่อมลูกหมาก (Prostate Cancer) เกิดจากเซลล์หรือเนื้อเยื่อของต่อมลูกหมากแบ่งตัวผิดปกติจนเป็นเนื้องอกและแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น เช่น ต่อมน้ำเหลือง กระแสเลือด เป็นต้น มักจะพบในชายอายุ 50 ปีขึ้นไป ในระยะแรกโรคจะไม่แสดงอาการใดๆ จนเซลล์มะเร็งลุกลามแล้วจึงแสดงอาการ

อาการของมะเร็งต่อมลูกหมาก

  • ปวดปัสสาวะบ่อย โดยเฉพาะในตอนกลางคืน
  • ปัสสาวะไม่พุ่ง หรือปัสสาวะไม่หมด
  • รู้สึกปวดเวลาปัสสาวะ หรือปวดเวลาที่หลั่งเมื่อถึงจุดสุดยอด
  • อวัยวะเพศไม่ค่อยแข็งตัว
  • มีเลือดปนในน้ำเชื้อ หรือปัสสาวะ

ใครควรตรวจมะเร็งต่อมลูกหมาก?

มะเร็งต่อมลูกหมากเป็นโรคที่เกิดกับผู้ชาย ปัจจุบันยังไม่มีใครทราบสาเหตุที่แท้จริงของโรคนี้ จากการศึกษาวิจัยที่ผ่านมาพบว่าผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อไปนี้มีโอกาสเป็นมะเร็งมากกว่าผู้ชายทั่วไป ได้แก่

  • ผู้ชายที่อายุมากกว่า 50 ปี
  • ผู้ชายที่มีคนในครอบครัวเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากมีโอกาสเสี่ยงมากขึ้น เช่น พ่อ พี่ชาย น้องชาย มีประวัติเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก
  • ผู้ชายที่สูบบุหรี่เป็นประจำ
  • ผู้ชายที่ชอบรับประทานอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ที่มีไขมันสูง
  • ผู้ชายที่เวลาปัสสาวะรู้สึกติดขัด น้ำปัสสาวะออกไม่สะดวก
  • ผู้ชายที่เวลาถ่ายอุจจาระ จะมีปัสสาวะออกมาบ่อยและมากกว่าปกติ
  • ผู้ชายที่ปัสสาวะไม่สุด
  • ผู้ชายที่ลักษณะสีของปัสสาวะที่ถูกขับออกมามีเลือดหรืออสุจิปนในน้ำปัสสาวะ
  • ผู้ชายที่ขณะปัสสาวะรู้สึกแสบ
  • ผู้ชายที่มีอาการปวดหลังหรือปวดสะโพกตลอดเวลา
  • ผู้ชายที่มีอาการปวดบริเวณท้องน้อยมากเวลาหลั่งน้ำอสุจิ

หากพบว่าตนเองมีอาการหนึ่งในอาการเหล่านี้ ควรเข้ารับการตรวจกับแพทย์เฉพาะทางให้เร็วที่สุด เพื่อตรวจวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากหรือไม่

วิธีการตรวจมะเร็งต่อมลูกหมาก

โดยทั่วไปการตรวจมะเร็งต่อมลูกหมากมี 5 วิธี ดังนี้

1. การตรวจมะเร็งต่อมลูกหมากทางทวารหนัก (Digital Rectal Examination: DRE)

การตรวจมะเร็งต่อมลูกหมากทางทวารหนัก เป็นการตรวจต่อมลูกหมากผ่านผนังของทวารหนัก เพื่อหาว่ามีก้อนหรือลักษณะผิดปกติของต่อมลูกหมากหรือไม่ วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายและทราบผลได้เร็ว เพราะสามารถสัมผัสได้ถึงความผิดปกติของต่อมลูกหมากขณะแพทย์ทำหัตถการ

การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการตรวจมะเร็งต่อมลูกหมากทางทวารหนัก

เนื่องจากเป็นวิธีการตรวจที่ง่ายและไม่อันตราย ดังนั้นผู้เข้ารับการตรวจแค่นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงก่อนรับการตรวจ

ขั้นตอนการตรวจมะเร็งต่อมลูกหมากทางทวารหนัก

การตรวจมะเร็งต่อมลูกหมากทางทวารหนักมีขั้นตอนดังนี้

  1. ผู้เข้ารับการตรวจนอนบนเตียงในท่าตะแคง โค้งงอตัว
  2. แพทย์สวมใส่ถุงมือยาง ทาเจลหรือสารหล่อลื่นบนนิ้วชี้แล้วสอดนิ้วคลำปากทางเข้าไปในช่องทวารหนัก
  3. หากพบเจอก้อนลักษณะของแข็งมีรอยขรุขระ ผิวไม่เรียบ บวมขึ้นจนยื่นไปเบียดผนังลำไส้ใหญ่ มีความเป็นไปได้สูงที่เกิดภาวะมะเร็งในต่อมลูกหมาก
  4. หลังการตรวจเสร็จสิ้นลง ผู้เข้ารับการตรวจสามารถกลับบ้าน ทำกิจกรรมอื่นๆ ได้ตามปกติ

2. การเจาะเลือดเพื่อตรวจสารบ่งชี้มะเร็งต่อมลูกหมาก (Prostatic Specific Antigen Test: PSA)

Prostatic Spec ific Antigen หรือ PSA เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่ผลิตขึ้นจากเซลล์ของต่อมลูกหมาก และสามารถตรวจพบได้จากการเจาะเลือด หากค่า PSA ในเลือดสูงกว่าปกติ อาจบ่งชี้ถึงความผิดปกติเกี่ยวกับต่อมลูกหมากได้

โดยปกติค่า PSA จะอยู่ระหว่าง 0-4 ng/mL แต่หากค่า PSA ในเลือดมากกว่า 4 ng/mL อาจบ่งชี้ถึงมะเร็งต่อมลูกหมากได้ ทั้งนี้ ค่า PSA ที่มากกว่าปกตินี้อาจเกิดจากความผิดปกติอื่นๆ นอกจากมะเร็งต่อมลูกหมากได้เช่นกัน เช่น ต่อมลูกหมากโต หรือต่อมลูกหมากอักเสบ เป็นต้น

ดังนั้นการเจาะเลือดตรวจสารบ่งชี้ PSA เพียงอย่างเดียวจึงไม่สามารถใช้ยืนยันโรคมะเร็งต่อมลูกหมากได้ แต่แพทย์จะใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาร่วมกับการตรวจวิธีอื่นๆ ต่อไป

การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการเจาะเลือดเพื่อตรวจสารบ่งชี้มะเร็งต่อมลูกหมาก

เพื่อให้ผลการตรวจสารบ่งชี้เป็นไปด้วยความแม่นยำที่สุด ผู้เข้ารับบริการอาจต้องเตรียมตัวดังต่อไปนี้

  • งดยาบางชนิดที่อาจส่งผลกระทบต่อค่า PSA เช่น กลุ่มยายับยั้งฮอร์โมนเพศ (Antiandrogen) และกลุ่มยายับยั้งการโตของต่อมลูกหมาก ดังนั้นหากรับประทานยาหรืออาหารเสริมใดๆ ควรแจ้งแพทย์ก่อนรับบริการทุกครั้ง
  • งดกิจกรรมทางเพศ (ห้ามหลั่งอสุจิ) ก่อนเจาะเลือดตรวจ PSA ไม่น้อยกว่า 48 ชั่วโมง
  • งดกิจกรรมที่กระทบกระเทือนต่อต่อมลูกหมากอย่างน้อย 48 ชั่วโมง เช่น การขี่จักรยานวิบาก การขี่จักรยานยนต์ข้ามผาดโผน เป็นต้น
  • หากมีการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ ต้องรออย่างน้อย 6 สัปดาห์หลังการรักษาการติดเชื้อแล้ว
  • ไม่จำเป็นต้องงดอาหารมาก่อนแต่อย่างใด

ขั้นตอนการเจาะเลือดเพื่อตรวจสารบ่งชี้มะเร็งต่อมลูกหมาก

การเจาะเลือดเพื่อตรวจสารบ่งชี้มะเร็งต่อมลูกหมากเป็นวิธีที่ง่ายและไม่ซับซ้อน มีขั้นตอนดังต่อไปนี้

  1. แพทย์หรือพยาบาลทำความสะอาดบริเวณปลายนิ้วหรือแขนที่ต้องการเจาะเลือด
  2. แพทย์หรือพยาบาลเจาะเลือดเพื่อเก็บตัวอย่างเล็กน้อย
  3. นำเลือดตัวอย่างไปทดสอบกับแอนติเจนจำเพาะต่อม
  4. แพทย์หรือพยาบาลทำความสะอาดแผลและปิดด้วยผ้าปิดด้วยพลาสเตอร์
  5. หลังจากจบการเจาะเลือดแล้ว แพทย์จะให้ผู้รับบริการพัก 15-30 นาที แล้วเตรียมตัวรอฟังผล

หลังการตรวจเสร็จสิ้นลง ผู้เข้ารับการตรวจสามารถกลับบ้าน ทำกิจกรรมอื่นๆ ได้ตามปกติ

3. การตรวจโดยวิธีอัลตราซาวด์ผ่านเข้าทางทวารหนัก (Transrectal Ultrasound: TRUS)

การตรวจอัลตราซาวด์ต่อมลูกหมากผ่านทวารหนัก คือการใช้หัวตรวจอัลตราซาวด์สอดเข้าทางทวารหนัก แล้วปล่อยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูงเพื่อสร้างภาพต่อมลูกหมากออกมาผ่านจอคอมพิวเตอร์ แพทย์มักตรวจด้วยวิธีนี้ในกรณีที่สงสัยหรือคลำพบว่ามีก้อนเนื้อผิดปกติ

การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการตรวจโดยวิธีอัลตราซาวด์ผ่านเข้าทางทวารหนัก

  • งดอาหาร และน้ำอย่างน้อย 6 ชั่วโมง
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง

ขั้นตอนการตรวจอัลตราซาวด์ทางทวารหนัก

  1. ผู้เข้ารับการตรวจเปลี่ยนชุดสำหรับการตรวจผ่านเครื่องอัลตราซาวด์
  2. ผู้เข้ารับการตรวจนอนบนเตียงแล้วกางขาออกเพื่อให้แพทย์สอดหัวอุปกรณ์ตรวจมะเร็งต่อมลูกหมากขนาดเล็กเข้าไปในปากช่องทวารหนัก
  3. เมื่อแพทย์สอดความยาวของเครื่องไปในบริเวณที่ใกล้เคียงกับต่อมลูกหมาก แพทย์จะกดเครื่องให้คลื่นเสียงความถี่สูงไปกระทบกับต่อมลูกหมาก และสะท้อนออกมาเป็นภาพด้วยคอมพิวเตอร์ และแสดงผลในจอแบบเรียลไทม์
  4. หากพบก้อนเนื้อหรือสิ่งผิดปกติ ก็สามารถตัดชิ้นเนื้อด้วยเข็มขนาดเล็กออกมาเพื่อทำการตรวจวินิจฉัยชิ้นเนื้อต่อได้ด้วยโดยไม่ต้องวางยาสลบ
  5. รอรับฟังผลจากแพทย์

หลังการตรวจเสร็จสิ้นลง ผู้เข้ารับการตรวจสามารถกลับบ้านและทำกิจกรรมอื่นๆ ได้ตามปกติ

4. การตรวจมะเร็งต่อมลูกหมากด้วยคลื่น MRI (Magnetic Resonance Imaging)

Magnetic Resonance Imaging หรือ MRI คือ เครื่องมือที่ใช้ตรวจหาความผิดปกติของร่างกาย โดยใช้สนามแม่เหล็กสร้างภาพที่มีความละเอียดสูง ช่วยให้แพทย์วินิจฉัยโรคได้ละเอียดยิ่งขึ้น สามารถใช้ได้กับอวัยวะหลายส่วนในร่างกาย เช่น MRI สมอง MRI กระดูกสันหลัง เป็นต้น

การตรวจมะเร็งต่อมลูกหมากด้วยคลื่น MRI จะตรวจเจาะจงไปที่ต่อมลูกหมาก และแพทย์อาจใช้การตรวจแบบอัลตร้าซาวน์ร่วมด้วยเพื่อผลตรวจที่แม่นยำ

การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการตรวจมะเร็งต่อมลูกหมากด้วยคลื่น MRI

  • ไม่สวมใส่อุปกรณ์ที่มีโลหะเป็นส่วนประกอบ เช่น อุปกรณ์ช่วยฟัง ฟันปลอม นาฬิกา ต่างหู กิ๊บติดผม
  • ในกรณีตรวจด้วยคลื่น MRI อย่างเดียวต้องงดอาหารอย่างน้อย 8-12 ชั่วโมง (ดื่มน้ำเปล่าได้ในปริมาณที่ไม่มากกว่าปกติ)
  • ในกรณีที่มีการตรวจอัลตราซาวด์ร่วมด้วยต้องงดอาหาร และน้ำอย่างน้อย 6 ชั่วโมง
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง

ขั้นตอนการตรวจด้วยคลื่น MRI

  1. ผู้เข้ารับการตรวจเปลี่ยนชุดสำหรับการตรวจผ่านเครื่อง MRI
  2. ผู้เข้ารับการตรวจนอนลงบนเครื่องที่มีลักษณะเป็นถาดขนาดยาวตรงกลางของเครื่อง MRI
  3. เจ้าหน้าที่พยาบาลฉีดสีเข้าร่างกาย เพื่อการตรวจเฉพาะส่วนที่เป็นต่อมลูกหมาก
  4. เจ้าหน้าที่จะช่วยจัดท่าทางของศีรษะ ลำตัว และแขนให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง
  5. แพทย์นำเครื่องจับสัญญาณคลื่นแม่เหล็กมาวางบนร่างกาย ก่อนที่ถาดจะค่อยๆ เลื่อนเข้าไปในตัวเครื่องที่มีลักษณะคล้ายอุโมงค์
  6. รอตัวเครื่อง MRI ส่งคลื่นวิทยุไปยังระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อถ่ายภาพข้อมูลจากการตรวจร่างกายผู้ป่วยแล้วใช้สารทึบรังสี (Contrast Media) เพื่อให้เห็นเซลล์ก้อนมะเร็งในต่อมลูกหมากได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
  7. รอรับฟังผลจากแพทย์

หลังการตรวจเสร็จสิ้นลง ผู้เข้ารับการตรวจสามารถกลับบ้าน ทำกิจกรรมอื่นๆ ได้ตามปกติ

5. การตรวจมะเร็งต่อมลูกหมากด้วยเพท/ซีที (PET/CT)

การตรวจมะเร็งต่อมลูกหมากด้วย เพท/ซีที (PET/CT) คือการตรวจหาแอนติเจนต่อมลูกหมากผ่านเครื่องสร้างภาพเสมือน เป็นการรวมเอาเครื่องสร้างภาพสองแบบที่แตกต่างกันมาทำงานร่วมกัน คือ

  • Positron Emission Tomography (PET) คือการเอกซ์เรย์ด้วยโพสิตรอน ทำโดยฉีดสารกัมมันตรังสีรังในปริมาณเล็กน้อยเข้าไปในกระแสเลือด PET Scan จะตรวจจับรังสีที่เกิดจากไอโซโทปรังสีแล้วสร้างภาพขึ้นบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ร่วมกับเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์
  • Computed tomography (CT) คือการใช้รังสีเอกซ์ตรวจและสร้างภาพของส่วนร่างกาย โดยจะแสดงให้เห็นอวัยวะของร่างกาย กระดูก และเนื้อเยื่อได้ละเอียดกว่าการใช้รังสีเอกซ์ตามปกติ โดยการตรวจด้วย CT Scan จะฉีดสารเพื่อยกระดับความคมชัดของภาพทางหลอดเลือดดำเพื่อช่วยให้ภาพความคมชัดขึ้น

ทั้ง 2 วิธีดังกล่าวจะทำงานร่วมกันโดย PET Scan จะสร้างภาพเป็นรหัสสีที่แสดงระดับที่แตกต่างกันของเซลล์ที่ผิดปกติ ส่วน CT Scan แสดงตำแหน่งที่แม่นยำของอวัยวะของร่างกาย และสามารถแสดงให้เห็นการเจริญเติบโตของอวัยวะที่ผิดปกติ

เมื่อวางภาพที่ได้จากการสแกนของ CT ลงบนภาพที่ได้จากการแสกนของ PET แพทย์ก็สามารถชี้ชัดลงไปได้ ถึงตำแหน่งที่แน่นอนของเซลล์ที่ผิดปกติ

การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการตรวจมะเร็งต่อมลูกหมากด้วยเพท/ซีที (PET/CT)

  • แจ้งประวัติการแพ้ยาและนำยาทั้งหมดที่กินประจำให้แพทย์พิจารณาก่อนเข้ารับการตรวจ
  • งดรับประทานอาหารก่อนการตรวจอย่างน้อย 6 ชั่วโมง (สามารถดื่มน้ำเปล่าและทานยาที่ทานอยู่ประจำได้ตามปกติ)
  • งดการให้สารละลายในเลือดหรือสารอาหารที่มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบอย่างน้อย 6 ชั่วโมงก่อนการตรวจ
  • ผู้เป็นโรคเบาหวานสามารถรับประทานอาหารอ่อนๆ ก่อนการตรวจประมาณ 4 ชั่วโมง
  • งดการสูบบุหรี่ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบก่อนวันตรวจ
  • ไม่ควรออกกำลังกายหนักๆ ก่อนวันตรวจ
  • ไม่ควรใส่เครื่องประดับมาในวันตรวจ
  • ไม่ควรพาเด็กหรือสตรีมีครรภ์ไปด้วยในวันตรวจ เพราะผู้เข้ารับการตรวจจะได้รับการฉีดกัมตภาพรังสี อาจเป็นอันตรายต่อเด็กหรือสตรีมีครรภ์

ขั้นตอนการตรวจมะเร็งต่อมลูกหมากด้วยด้วยเพท/ซีที (PET/CT)

  1. ผู้เข้ารับการตรวจเปลี่ยนชุดสำหรับตรวจของโรงพยาบาล
  2. เจ้าหน้าที่พยาบาลฉีดสารกัมมันตภาพรังสี Ga-68 PSMA (Gallium-68 prostate-specific membrane antigen) ซึ่งสารสำหรับตรวจหามะเร็งต่อมลูกหมากโดยเฉพาะ และยาขับปัสสาวะเข้าทางหลอดเลือดดํา หลังฉีดผู้รับบริการควรนอนพักนิ่งๆ ในห้องที่จัด เป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อให้สาร Ga-68 PSMA เข้าไปจับบริเวณของรอยโรคที่มีความผิดปกติ เมื่อผู้เข้ารับการตรวจเข้าเครื่องสแกนเครื่องจะสามารถจับภาพรอยโรคได้
  3. เมื่อครบ 1 ชั่วโมงหลังฉีดสารเภสัชรังสี ผู้เข้ารับการตรวจต้องปัสสาวะให้เรียบร้อยก่อนเข้าห้องตรวจ
  4. ผู้เข้ารับการตรวจเข้าห้องตรวจและนอนบนเครื่องสแกนคอมพิวเตอร์เพท/ซีที (PET/CT) ใช้เวลาในห้องตรวจประมาณ 30 นาที ระหว่างการตรวจแพทย์และพยาบาลจะดูแลผู้เข้ารับการตรวจผ่านทางจอรับภาพโดยกล้องวงจรปิด ผู้เข้ารับการตรวจสามารถติดต่อกับแพทย์และพยาบาลที่ควบคุมเครื่องได้ผ่านทางไมโครโฟนที่ติดอยู่กับเครื่อง
  5. เมื่อทําการตรวจเสร็จ ผู้เข้ารับการตรวจควรปัสสาวะอีกครั้งเพื่อขับสารกัมมันตภาพรังสีออกจากร่างกาย

การดูแลตัวเองหลังเข้ารับการตรวจมะเร็งต่อมลูกหมากด้วยเพท/ซีที (PET/CT)

  • ในช่วง 6 ชั่วโมง หลังการตรวจผู้เข้ารับการตรวจควรดื่มนํ้ามากๆ และปัสสาวะบ่อยๆ เพื่อช่วยลดปริมาณกัมมันตภาพรังสีที่อยู่ในร่างกาย
  • กัมมันตภาพรังสีอยู่ในร่างกายของผู้เข้ารับการตรวจจะสลายหมดภายในวันที่ตรวจ
  • หลีกเลี่ยงไม่อยู่ใกล้เด็กและสตรีตั้งครรภ์อย่างน้อย 12 ชั่วโมง

การตรวจด้วยวิธี เพท/ซีที (PET/CT) เป็นการตรวจที่มีความปลอดภัยสูงและยังไม่มีรายงานพบผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากการตรวจนี้เลย

ควรตรวจมะเร็งต่อมลูกหมากตอนอายุเท่าไร?

ผู้ชายทุกคนที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไปควรเข้ารับการตรวจเพื่อคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมาก

ควรตรวจมะเร็งต่อมลูกหมากบ่อยแค่ไหน?

เมื่อมีอายุ 40 ปีขึ้นไป ควรเข้ารับการตรวจมะเร็งต่อมลูกหมาก พร้อมปรึกษากับแพทย์ว่าควรตรวจบ่อยแค่ไหนจึงจะเหมาะสมกับแต่ละคน แต่เมื่ออายุ 50 ปีขึ้นไป แพทย์มักแนะนำให้ตรวจมะเร็งต่อมลูกหมากอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

มะเร็งต่อมลูกหมากเป็นโรคร้ายที่มักตรวจพบกับผู้ชายที่อายุ 60 ปีขึ้นไป โดยอาจเริ่มมีความผิดปกติตั้งแต่อายุ 40 ปีขึ้นไปโดยไม่รู้ตัว เพราะผู้ชายช่วงอายุนี้ส่วนใหญ่มักมีอาการต่อมลูกหมากโต ซึ่งมีอาการคล้ายกับมะเร็งต่อมลูกหมาก โดยหากพบความผิดปกติหรือเชื้อมะเร็งต่อมลูกหมากก่อนสามารถรักษาได้ทันท่วงที และมีโอกาสรักษาหายขาด


เช็กราคาตรวจมะเร็งต่อมลูกหมาก

Scroll to Top