นวดน้ำมัน มีข้อดีอย่างไร มีข้อควรระวังอะไรบ้าง

การนวด เป็นวิธีบรรเทาอาการปวดเมื่อยร่างกายที่มีมาแค่โบราณ และได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในหลายประเทศ ปัจจุบันจึงมีการดัดแปลงเทคนิคการนวดให้เหมาะสมกับความต้องการที่หลากหลายขึ้น หนึ่งในเทคนิคการนวดที่ได้รับความสนใจก็คือการ “นวดน้ำมัน” นวดน้ำมันคืออะไร มีข้อดีอย่างไร และมีข้อควรระวังอะไรบ้าง

นวดน้ำมันคืออะไร?

นวดน้ำมัน (Oil massage) เป็นการใช้มือนวดคลึงตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ร่วมกับการใช้น้ำมันทาตามตัวเพื่อให้นวดได้ลื่นมือขึ้น มีทั้งแบบน้ำมันไร้สีไร้กลิ่น และน้ำมันหอมระเหยซึ่งถือเป็นหนึ่งในรูปแบบของอโรมาเธอราปี (Aroma therapy)

การนวดน้ำมันมักไม่ใช้แรงกดเท่ากับการนวดแผนไทย หรือนวดแผนโบราณ ที่มักมีจุดประสงค์เพื่อการรักษา แต่การนวดน้ำมันมีจุดประสงค์หลักเพื่อความผ่อนคลาย และช่วยให้อารมณ์ดี

น้ำมันหอมระเหยที่ทาบนตัวนอกจากจะเพิ่มความลื่นมือ และให้สัมผัสนุ่มนวลแล้ว กลิ่นต่างๆ ยังมีสรรพคุณที่ส่งผลต่อร่างกายต่างกัน หรือบางชนิดสามารถซึมเข้าสู่ผิวได้ด้วย

นวดน้ำมันกลิ่นไหนดี?

น้ำมันหอมระเหยที่ใช้ในการนวดน้ำมัน มักผลิตจากพืชหรือดอกไม้ชนิดต่างๆ นำมาสกัดเป็นน้ำมัน ทำให้น้ำมันหอมระเหยมีสีและสรรพคุณต่างกัน

ผู้ให้บริการมักแนะนำให้เลือกกลิ่นที่ตรงกับความชอบ และได้สรรพคุณที่ต้องการ โดยน้ำมันหอมระเหยที่นิยมนำมาใช้ในการนวดน้ำมัน อาจมีดังนี้

  • คาโมไมล์ (Chamomile) ช่วยคลายกังวล ส่งผลให้หลับสบาย มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และไวรัส รวมถึงอาจมีส่วนช่วยลดการหดเกร็งของลำไส้ได้ด้วย
  • ลาเวนเดอร์ (Lavender) มีส่วนช่วยเรื่องการนอนหลับและพักผ่อน บรรเทาอาการปวดหัวจากไมเกรน
  • มะกรูด (Bergamot) อาจมีส่วนช่วยในระบบทางเดินปัสสาวะและทางเดินอาหาร หากใช้ร่วมกับยูคาลิปตัส ก็จะช่วยบรรเทาปัญหาผิวที่เกิดจากความเครียด และโรคอีสุกอีใสได้
  • ใบชา (Tea tree) อาจมีส่วนช่วยในการฆ่าเชื้อโรคบางชนิดได้ น้ำมันใบชานิยมนำไปผสมในแชมพูและผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เพื่อรักษารอยสิว และผิวไหม้
  • ไม้ซีดาร์ (Cedarwood)
  • เปเปอร์มิ้นท์ (Peppermint) มีส่วนช่วยกระตุ้นารหลั่งอะดรินาลีน ช่วยให้สดชื่น บรรเทาอาหารเหนื่อยล้า กระปรี้กระเป่า
  • ยูคาลิปตัส (Eucalyptus) มีส่วนช่วยบรรเทาอาการเกี่ยวกับทางเดินหายใจ เช่น หวัด มักนิยมนำมาผสมกับเปเปอร์มิ้นท์
  • เจอราเนียม (Geranium) อาจช่วยบรรเทาปัญหาผิวบางประเภท บรรเทาความเครียด และใช้เป็นสารกันยุงได้ด้วย
  • เลมอน (Lemon) มีส่วนช่วยให้อารมณ์ดี ผ่อนคลายจากความเครียดและซึมเศร้า
  • มะลิ (Jasmine) มีการวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าสามารถเพิ่มระดับคลื่นในสมอง (Beta waves) ช่วยให้ตื่นตัว และมีส่วนกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดที่อวัยวะเพศชาย แต่ยังคงต้องการการศึกษาเพิ่มเติมต่อไป

อย่างไรก็ตาม การตอบสนองต่อกลิ่นในแต่ละคนอาจมีความแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของคนนั้นๆ เช่น หากมีประสบการณ์ไม่ดีเกี่ยวกับกลิ่นเลมอน ก็อาจทำให้ไม่ชอบกลิ่นนี้ได้

นวดน้ำมันนวดอะไรบ้าง?

ตำแหน่งมักให้บริการนวดน้ำมันโดยทั่วไป อาจมีดังนี้

  • ศีรษะ หน้าผาก แก้ม คาง ท้ายทอย
  • บ่า คอ
  • หน้าอก
  • แขน ข้อศอก
  • ท้อง
  • แผ่นหลัง
  • เอว
  • สะโพก และบั้นท้าย
  • ต้นขา ขา เข่า ฝ่าเท้า

ตำแหน่งที่นวดอาจมีความแตกต่างกันออกไปตามแพ็กเกจ และเทคนิคของแต่ละสถานที่ให้บริการ

นวดออยล์กับนวดอโรมาต่างกันอย่างไร?

บางสถานที่ให้บริการอาจมีน้ำมันแบบไร้สี ไร้กลิ่นไว้ให้บริการสำหรับผู้ที่แพ้น้ำหอมในน้ำมันหอมระเหย เราอาจเรียกการนวดนี้ว่า นวดออยล์ หรือนวดน้ำมัน ส่วนการนวดอโรมา (Aroma massage) เป็นการนวดโดยใช้น้ำมันหอมระเหย

แต่การนวดออยล์ที่ใช้น้ำมันไร้สีไร้กลิ่น กับการนวดอโรมาที่ใช้น้ำมันหอมระเหย ให้ผลลัพธ์ใกล้เคียงกัน เพราะน้ำมันหอมระเหยสามารถให้บริการในรูปแบบเครื่องทำความชื้นในอากาศแทนได้ และให้ความรู้สึกผ่อนคลายเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม หากมีความต้องการนวดนวดน้ำมันแบบไม่ผสมน้ำหอม ควรแจ้งกับผู้ให้บริการก่อนทุกครั้ง หรืออาจดูจากรายละเอียดและชื่อแพ็กเกจนวดของสถานที่ให้บริการนั้นๆ

เพราะหลายสถานบริการมักนำการนวดแผนไทยมาดัดแปลงใช้ร่วมกับน้ำมัน โดยใช้คำเรียกต่างกัน เช่น นวดออยล์ นวดน้ำมัน นวดอโรมา หากไม่แจ้งความต้องการกับผู้ให้บริการอย่างชัดเจน อาจเกิดความผิดพลาดได้

นอกจากนี้ ในบางกรณี การนวดน้ำมันหรือนวดอโรมาอาจเป็นเพียงหนึ่งในขั้นตอนของบริการอื่นๆ เช่น นวดหินร้อนก่อน จากนั้นจึงมีการนวดน้ำมันร่วมด้วยเพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ให้กับผู้ใช้บริการ

ประโยชน์ของการนวดน้ำมัน

ประโยชน์ของการนวดน้ำมันหลักๆ อาจมีดังนี้

  • บรรเทาอาการปวดตามจุดต่างๆ ของร่างกาย เช่น หลัง คอ หัวไหล่
  • ช่วยให้ผ่อนคลาย อารมณ์ดี
  • มีส่วนช่วยให้นอนหลับสบาย
  • ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น
  • ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบประสาท
  • ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กล้ามเนื้อ

ประโยชน์อื่นๆ ของการนวดน้ำมันอาจขึ้นอยู่กับชนิดน้ำมันหอมระเหยที่ใช้ รวมถึงเทคนิคในการนวดของแต่ละสถานที่ให้บริการ

ขั้นตอนการนวดน้ำมัน

การนวดน้ำมันมีทั้งแบบบริการนวดน้ำมันโดยเฉพาะ และแบบที่เป็นส่วนหนึ่งของบริการชนิดอื่นๆ ในบทความนี้จะพูดถึงขั้นตอนหลักๆ ของบริการนวดน้ำมันโดยเฉพาะ อาจมีดังนี้

  1. ผู้ให้บริการอาจทำการซักประวัติสุขภาพเบื้องต้น เช่น โรคประจำตัว วัตถุประสงค์ในการนวด
  2. หากผู้ให้บริการเห็นว่าสามารถรับการนวดน้ำมันได้ คุณจะได้เลือกน้ำมันอโรมาที่ต้องการ หรือผู้ให้บริการอาจให้คำแนะนำชนิดอโรมาที่เหมาะสม
  3. อาจมีการเปลี่ยนเสื้อผ้า ขึ้นอยู่กับสถานที่ให้บริการกำหนด
  4. อาจมีการนำน้ำมันอโรมามาทดสอบบริเวณใต้ท้องแขนดูว่าแพ้หรือไม่
  5. ผู้ให้บริการจะจัดเตรียมสถานที่สำหรับนวดน้ำมัน ทั้งตำแหน่งวางน้ำหอมระเหย ชุดนอนสำหรับนวด หรือเปิดเพลงเบาๆ เพื่อสร้างบรรยากาศ
  6. เริ่มให้บริการนวดน้ำมัน โดยเริ่มตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นไปตามลำตัวตามที่แต่แพ็กเกจที่เลือก
  7. ผู้ให้บริการบางคนอาจนวดโดยไม่ใช้น้ำมันก่อน เพื่อให้เกิดความคุ้นเคยกับรูปร่างสรีระของผู้ใช้บริการ จากนั้นจึงค่อยใช้น้ำมันนวดซ้ำอีกครั้ง
  8. ระหว่างนวดอาจมีการให้พลิกตัวไปมาเพื่อให้นวดตามจุดต่างๆ ได้
  9. เมื่อรับบริการเสร็จแล้ว หากมีโอกาสควรกลับไปอาบน้ำอุ่นเพื่อนำน้ำมันหอมระเหยที่อาจหลงเหลือบนร่างกายออกให้หมด

การนวดน้ำมันมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มความผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ ดังนั้นในระหว่างนวด หากรู้สึกเจ็บ หรือต้องการให้ลงน้ำมันหอมระเหยเพิ่ม สามารถแจ้งกับผู้ให้บริการได้ทันที

ข้อควรระวังในการนวดน้ำมัน

การนวดน้ำมันมีข้อควรระวังหลักๆ อยู่ 5 ข้อ ดังนี้

1. อาจเกิดอาการแพ้

หนึ่งในข้อควรระวังที่สำคัญคืออาการแพ้ เพราะผิวต้องสัมผัสกับน้ำมันหอมระเหยโดยตรง ผู้ให้บริการควรทดสอบอาการแพ้ด้วยการแต้มเพียงเล็กน้อยก่อน

อาการของผู้ที่แพ้นวดน้ำมัน อาจมีดังนี้

  • อาจเป็นผื่น
  • อาจเป็นลมพิษ
  • อาจเป็นรอยแดง
  • อาจมีอาการบวม
  • อาจเกิดการระคายเคือง

หากไม่แน่ใจแพ้ส่วนประกอบในน้ำมันหอยระเหยหรือไม่ อาจแจ้งผู้ให้บริการเปลี่ยนการน้ำมันหอมระเหยจากเครื่องทำความชื้นแทนการนวดน้ำมัน เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสร่างกายโดยตรง

2. อาจส่งผลกระทบต่อสตรีมีครรภ์

โดยปกติแล้ว การนวดช่วงก่อนคลอดเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ แต่หากต้องการนวดน้ำมันควรปรึกษาแพทย์ผู้ดูแลถึงน้ำมันหอมระเหยชนิดที่ปลอดภัย เนื่องจากมีโอกาสที่น้ำมันหอมระเหยอาจเข้าไปทำอันตรายทารกได้

สมาคมแห่งชาติเพื่อการบำบัดด้วยกลิ่นหอมแบบองค์รวม (National Association for Holistic Aromatherapy: NANA) แนะนำน้ำมันหอมระเหยที่สตรีมีครรภ์ควรหลีกเลี่ยง ดังนี้

  • เทียนสัตตบุษย์ (Aniseed)
  • เพนนีรอยัล (Pennyroyal) ซึ่งเป็นพืชตระกูลมิ้นชนิดหนึ่ง
  • โหระพา (Basil)
  • ต้นน้ำมันระกำ (Wintergreen)
  • พาร์สลีย์ (Parsly)
  • เสจ (Sage)
  • เบิร์ช (Birch)
  • ทารากอน (Tarragon)

ทั้งนี้ ไม่ได้รวมถึงแค่การนวดน้ำมันเพียงอย่างเดียว ควรปรึกษาแพทย์ถึงการใช้น้ำมันหอมระเหยในรูปแบบอื่นๆ ด้วย เช่น เครื่องทำความชื้น โลชั่น

3. ไม่ควรนวดน้ำมันหลังมื้ออาหาร

การนวดน้ำมันหลังจากกินอาหารจนอิ่ม อาจทำให้ไม่สบายท้องทั้งระหว่างนวดและหลังนวดด้วย หากต้องการกินจริงๆ ควรกินเป็นของว่างเล็กน้อยเท่านั้น แต่สามารถดื่มน้ำทั้งก่อนและหลังการนวดน้ำมันได้ตามปกติ

4. ผู้ป่วยโรคประจำตัวบางชนิดควรหลีกเลี่ยง

โดยปกติ ก่อนรับการนวดแบบต่างๆ ผู้ให้บริการจะต้องมีการซักประวัติเบื้องต้นก่อน เช่น อาการที่เป็น โรคประจำตัว เนื่องจากโรคบางโรคอาจเกิดอันตรายจากการนวดได้

โรคที่ควรหลีกเลี่ยงการนวด อาจมีดังนี้

  • มีไข้เกิน 38.5 องศาเซลเซียส เนื่องจากการนวดมีส่วนให้ร่างกายร้อนขึ้น นำไปสู่อาการอ่อนเพลียได้
  • ผู้ที่มีภาวะกระดูกพรุนรุนแรง กระดูกหัก แตก ร้าว หรือข้อเคลื่อน เพราะกระดูกยังไม่แข็งแรงพอจะรับแรงกดจากการนวด
  • โรคติดเชื้อฉับพลัน เพราะอาจมีอาการแทรกซ้อนได้
  • ผู้ป่วยโรคหัวใจ เนื่องจากมีโอกาสที่จะทำให้เส้นเลือดหัวใจตีบได้
  • โรคความดันโลหิตสูง เพราะการนวดทำให้เลือดไหลเวียนมากขึ้น อาจทำให้ความดันสูงขึ้นได้
  • ผู้ป่วยเบาหวาน โดยเฉพาะผู้ที่ยังควบคุมอาการให้เป็นปกติไม่ได้ แต่ผู้ที่สามารถควบคุมอาการได้แล้ว ควรปรึกษาแพทย์ผู้ดูแลก่อนรับบริการ
  • ผู้ป่วยโรคผิวหนังที่ยังมีแผลเปิดเรื้อรัง เพราะอาจเกิดการติดเชื้อเพิ่มได้
  • ผู้ป่วยโรคติดต่อที่อยู่ในระยะแพร่เชื้อ อาจทำให้เกิดการแพร่กระจายหรือรับเชื้อเพิ่มติมได้
  • โรคมะเร็ง ควรปรึกษาแพทย์ผู้ดูแลก่อนใช้บริการ
  • ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดดำอักเสบ

5. ควรเลือกสถานที่ให้บริการที่มีใบประกอบวิชาชีพ

กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก กำหนดไว้ว่าการนวดไทยในสถานพยาบาลภาครัฐ เอกชน และสถานบริการ สถานประกอบการ จะต้องมีป้ายผู้ขออนุญาตแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน

นอกจากนี้ก่อนให้บริการยังต้องมีการคัดกรอง และจัดทำทะเบียนประวัติผู้ใช้บริการ พร้อมมีผู้เชี่ยวชาญประกอบวิชาชีพคอยกำกับดูแลระหว่างให้บริการด้วย

ดังนั้น การเลือกสถานที่ให้บริการที่มีใบประกอบวิชาชีพ อาจช่วยลดโอกาสที่จะเกิดอันตรายได้มากขึ้น

โดยสรุปแล้ว การนวดน้ำมันมีส่วนช่วยอย่างมากในเรื่องความผ่อนคลาย ลดความวิตกกังวล ช่วยเรื่องการนอนหลับ รวมถึงบรรเทาอาการปวดสำหรับคนที่ไม่ต้องการนวดแบบใช้แรงกดมาก


เปรียบเทียบราคาแพ็กเกจนวดและสปา

Scroll to Top