ยาอี (MDMA) มีฤทธิ์อันตรายแค่ไหน อย่างไร

ยาอี จัดเป็นยาเสพติดสังเคราะห์ที่สร้างขึ้นเพื่อให้ผู้เสพรู้สึกมีความสุขมากกว่าเดิม กระตุ้นให้เกิดความรู้สึกทางเพศ แต่ขณะเดียวกันมันก็จัดเป็นยาเสพติดชนิดรุนแรงที่ให้โทษถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้อย่างรวดเร็ว

หรือถึงแม้ผู้เสพจะไม่เสียชีวิต ยาอีก็ส่งผลกระทบทำให้ผู้เสพมีความผิดปกติทางสุขภาพได้มากมาย

ความหมายของยาอี

ยาอี (MDMA) มีชื่อเรียกเต็มว่า ยาเอ็กซ์ตาซี (Ecstasy)  เป็นยาเสพติดสังเคราะห์ที่แต่เดิมผลิตขึ้นมาเพื่อรักษาโรคอ้วน และโรคนอนหลับผิดปกติ แต่ปัจจุบันได้ยกเลิกการใช้เป็นยารักษาแล้ว และกลายเป็นยาเสพติดในรูปของยาแคปซูล ยาผง และยาเม็ดเม็ด

ยาอีได้รับฉายาอีกอย่างว่า “ยาแห่งความรัก” หรือ “ยาเลิฟ” เนื่องจากสามารถออกฤทธิ์ทำให้ผู้เสพรู้สึกได้รับความรักใคร่ หรือความอบอุ่นอย่างไม่มีที่มาที่ไป ผู้เสพยาอีมักเสพยาตัวนี้เพื่อให้เกิดความรู้สึกทางเพศมากขึ้น อีกทั้งเป็นยาที่กระตุ้นทำให้ผู้เสพอยากบอกความในใจออกมาทุกอย่าง รวมถึงทำให้รู้สึกมีกำลังวังชา ตื่นตัวขยันขันแข็งมากกว่าเดิม ผู้ที่กำลังเศร้า หรือเครียดยังมักเสพยาอีเพื่อให้ตนเองรู้สึกมีความสุข และสนุกสนานมากกว่าเดิมด้วย

ผลข้างเคียงจากการใช้ยาอี

ยาอีจะออกฤทธิ์ส่งผลต่อสารเคมีในสมองภายใน 30 นาทีหลังเสพยา ผู้เสพจะรู้สึกเมายาไปเป็นระยะเวลาประมาณ 3-6 ชั่วโมง ซึ่งถึงแม้ยาอีจะออกฤทธิ์สร้างความสุข และทำให้เกิดกำลังวังชา แต่ก็ทำให้เกิดโทษมากมายต่อร่างกาย

ผลข้างเคียงจากการใช้ยาอีจะแบ่งเป็น 2 ระยะ ได้แก่ ผลข้างเคียงระยะสั้น และผลข้างเคียงระยะยาว

1. ผลข้างเคียงระยะสั้นของยาอี

ยาอีจะส่งผลข้างเคียงต่อสารเคมี 2 ชนิดภายในสมอง ได้แก่ สารนอร์อิพิเนฟริน (Norepinephrine) และ สารเซโรโทนิน (Serotonin) ทำให้ผู้เสพรู้สึกเคลิบเคลิ้ม มีความสุข แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้ไวต่อความรู้สึกเจ็บปวด และก้าวร้าว

สำหรับผลข้างเคียงระยะสั้นของยาอีที่มีต่อร่างกาย ได้แก่

  • รู้สึกหวาดระแวง วิตกกังวลหนัก
  • ความดันโลหิตสูง
  • จังหวะหัวใจเต้นผิดปกติ
  • อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น หรือเรียกว่า “ภาวะตัวร้อนเกิน (Hyperthermia)”
  • ปัสสาวะม่วง
  • กัด หรือขบฟันบ่อยผิดปกติ
  • กล้ามเนื้อตึง และเกร็งกล้ามเนื้ออย่างควบคุมไม่ได้
  • คลื่นไส้
  • ตาลาย
  • การมองเห็นแย่ลง
  • วิงเวียนศีรษะ หรือเป็นลม

2. ผลข้างเคียงระยะยาวของยาอี

ผู้เสพยาอีจะต้องการยาในปริมาณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อติดยา ซึ่งฤทธิ์ของยาอีจะส่งผลกระทบมากต่อการทำงานของหัวใจ ทำให้ความดันโลหิตสูง จังหวะการเต้นของหัวใจผิดปกติ และทำให้เกิดภาวะหัวใจวายเฉียบพลันได้ อาจกล่าวได้ว่าผลข้างเคียงระยะยาวจากการเสพยาอีนั้นมีอันตรายร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้

นอกจากนี้การเสพยาอียังส่งผลการทำงานของระบบอื่นๆ ในร่างกายอีก เช่น

  • ปวดศีรษะ
  • ความจำเสื่อม
  • เกิดภาวะซึมเศร้า
  • คลุ้มคลั่ง ก้าวร้าวกว่าเดิม
  • เกิดอาการวิตกกังวล
  • นอนไม่หลับ พักผ่อนไม่เพียงพอ
  • ทารกในครรภ์อาจมีอวัยวะผิดปกติ

ผู้เสพยาบางรายอาจมีอาการเมาค้างหลังจากยาหมดฤทธิ์แล้ว โดยจะมีอาการซึมเศร้า หดหู่ นอนไม่หลับ เจ็บปวดตามกล้ามเนื้อ เบื่ออาหาร และสุดท้ายเมื่อเสพยาเกินขนาด ผู้เสพจะเกิดอาการประสาทหลอน ความดันโลหิตสูง เกิดภาวะไตวาย มีอาการชัก และเสียชีวิตในที่สุด

ยาอีจัดเป็นยาเสพติดราคาแพง ผู้ผลิตยาจึงอาจผสมสารเสพติดชนิดอื่นๆ ลงไปในเม็ดยาเพื่อให้ยาราคาถูกมากขึ้น เช่น ยาเค เฮโรอีน ซึ่งจะยิ่งทำให้ฤทธิ์ยารุนแรง และเป็นอันตรายต่อร่างกายเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว

การบำบัดผู้เสพยาอี

การบำบัดยาเสพติดสำหรับผู้เสพติดยาอีมีหลายวิธี เช่น

  1. การบำบัดโดยการรักษาโรคจิต เป็นการบำบัดสำหรับผู้เสพที่มีภาวะทางจิตเวชจนทำให้ติดยา เช่น ภาวะ หรือโรคซึมเศร้า
  2. การบำบัดโดยแก้ไขสิ่งแวดล้อม เป็นการบำบัดโดยต้องขอความร่วมมือคนใกล้ชิด และคนในครอบครัวผู้เสพ เพื่อให้สภาพแวดล้อมรอบตัวผู้เสพเกิดการเปลี่ยนแปลง รวมถึงฟื้นฟูสภาพจิตใจผู้เสพไม่ให้อยากกลับไปเสพยาอีก
  3. การบำบัดโดยการถอนพิษยา เป็นการบำบัดยาเสพติดในช่วงที่ผู้ป่วยเสพยาเกินขนาด หรือเมายาอย่างหนัก แพทย์จะมีการจ่ายยาเพื่อรักษาอาการที่เกิดจากการเสพยา เช่น อาการคลุ้มคลั่ง นอกจากนี้ยังอาจให้ผู้เสพอาบน้ำเย็นจัด ดื่มน้ำผลไม้ เพื่อให้รู้สึกสบายใจ และสบายตัวมากขึ้น
  4. การบำบัดโดยการรักษาอาการกระหายยา แพทย์จะจ่ายยากระตุ้นสารโดปามีน ซึ่งเป็นสารควบคุมอารมณ์ และความรู้สึก ทำให้ผู้เสพอยากยาน้อยลง
  5. การบำบัดโดยการป้องกันการติดยาซ้ำ เป็นการบำบัดทางพฤติกรรม และให้คำแนะนำกับผู้ที่เสพติดยาอีไม่ให้กลับไปเสพยาอีก รวมถึงฝึกการรับมือสถานการณ์ที่เสี่ยงนำไปสู่การเสพยาอีกครั้ง

โทษทางกฎหมายของยาอี

ยาอีกจัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ซึ่งเป็นยาเสพติดที่ไม่มีประโยชน์ทางการแพทย์แต่อย่างใด และมีโทษร้ายแรงต่อร่างกาย  ทำให้ยาอีเป็นสิ่งผิดกฎหมาย และอาจมีโทษดังต่อไปนี้

  • หากครอบครอง ยาเสพติดประเภทนี้มีโทษจำคุกสูงสุดถึง 10 ปี ปรับสูงสุด 200,000 หรือทั้งจำทั้งปรับ
  • หากมีการผลิต นำเข้า ส่งออกเพื่อจำหน่ายยาเสพติดประเภทที่ 1 จะต้องโทษถึงขั้นจำคุกตลอดชีวิต ปรับเป็นเงินสูงสุดถึง 5,000,000 บาท หรืออาจต้องโทษประหารชีวิต

ยาอี หรือ ยาเลิฟ เป็นยาเสพติดที่ถูกผลิตขึ้นในห้องแล็ป หรือสถานที่ผิดกฎหมาย อีกทั้งเป็นยาที่เรียกได้หลายชื่อ คุณจึงอาจถูกหลอกให้เสพยาโดยผู้ที่ชักชวนอาจเรียกชื่อยาอีเป็นยาชื่ออื่นที่ฟังดูน่าเชื่อถือก็ได้

ทางที่ดีหากมีใครชักชวนให้คุณเสพยาเสพติดไม่ว่าจะเป็นชื่อใดก็ตาม ให้คุณหลีกเลี่ยงปฏิเสธโดยเด็ดขาด เพราะการทดลองเสพยาเพียงครั้งเดียว อาจนำไปสู่การติดยาซึ่งยากจะถอนตัว และทำให้คุณต้องทุกข์ทรมานกับสุขภาพที่ทรุดโทรมลง รวมถึงอาจต้องใช้เวลาอีกนานจึงจะเลิกยาสำเร็จได้


เปรียบเทียบราคาแพ็กเกจตรวจหาสารเสพติด

Scroll to Top