ระดับน้ำตาลในเลือด เป็นส่วนสำคัญในการดูแลรักษาโรคเบาหวาน เมื่อมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง หรือต่ำเกินไป ร่างกายอาจเกิดอาการ เช่น หน้ามืด มองเห็นไม่ชัด เหงื่อออก มือสั่น ฯลฯ การตรวจระดับน้ำตาลจึงช่วยป้องกันการเกิดอาการดังกล่าว หรือเฝ้าระวังการเกิดโรคเบาหวานได้
สารบัญ
- ทำไมต้องรู้ระดับน้ำตาลในเลือดของตนเอง?
- วิธีตรวจระดับน้ำตาลในเลือด
- จะตรวจระดับน้ำตาลในเลือดด้วยตนเองได้อย่างไร?
- เป้าหมายของระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยโรคเบาหวานคือเท่าไร?
- ต้องตรวจระดับน้ำตาลในเลือดด้วยตนเองบ่อยแค่ไหน?
- ถ้าระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินไป ควรทำอย่างไร?
- ถ้าระดับน้ำตาลในเลือดต่ำเกินไป ควรทำอย่างไร?
- ข้อควรรู้เกี่ยวกับการตรวจระดับน้ำตาลสะสม
- เป้าหมายในการควบคุมระดับน้ำตาลสะสมที่เหมาะสมคือเท่าใด?
- ต้องตรวจค่าระดับน้ำตาลสะสมบ่อยแค่ไหน?
- จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์เป้าหมาย
- ข้อควรจำ
ทำไมต้องรู้ระดับน้ำตาลในเลือดของตนเอง?
ระดับน้ำตาลในเลือดจะสะท้อนให้เห็นถึงการควบคุมโรคเบาหวานว่า อยู่ในเกณฑ์เหมาะสมหรือไม่ ช่วยจัดการดูแลโรคเบาหวาน เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงได้ เช่น โรคไต หรือปัญหาการมองเห็นลดลง
การตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดเป็นประจำจะทำให้คุณรู้ว่า อะไรที่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง และอะไรที่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ เช่น เมื่อคุณมีความเครียด หรือรับประทานอาหารบางอย่างจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นได้ และเมื่อคุณได้รับยารักษาโรคเบาหวาน ยาออกฤทธิ์ได้ดี ระดับน้ำตาลในเลือดจะลดต่ำลง
วิธีตรวจระดับน้ำตาลในเลือด
- ตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดด้วยตนเอง การตรวจนี้จะช่วยให้คุณรู้ระดับน้ำตาลกลูโคสของตัวเอง ณ เวลาที่ตรวจ
- การตรวจระดับน้ำตาลสะสม (HbA1C) ที่สถานพยาบาลโดยห้องปฏิบัติการ จะช่วยบอกระดับน้ำตาลเฉลี่ยในเลือดในช่วง 2–3 เดือนที่ผ่านมา
จะตรวจระดับน้ำตาลในเลือดด้วยตนเองได้อย่างไร?
การตรวจระดับน้ำตาลในเลือดด้วยตนเองจะใช้เครื่องวัดระดับน้ำตาลขนาดเล็ก ซึ่งจะใช้เลือดปริมาณเล็กน้อยจากการเจาะปลายนิ้วมือ สามารถหาซื้อเครื่องตรวจ และอุปกรณ์ต่างๆ ได้จากร้านขายยา
อ่านวิธีการใช้เครื่องที่แนบมาพร้อมกับเครื่องเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับวิธีใช้เครื่องในการวัดระดับน้ำตาลในเลือด ทีมบุคลากรทางแพทย์สามารถแนะนำวิธีใช้เครื่องให้กับคุณได้
คุณจะต้องจดบันทึกวัน เวลา และค่าระดับน้ำตาลในเลือดที่ตรวจวัดได้ไว้เสมอ และนำผลการตรวจที่จดบันทึกนี้ไปให้แพทย์ดูทุกครั้งที่ไปพบแพทย์
เป้าหมายของระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยโรคเบาหวานคือเท่าไร?
เป้าหมายในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วย คือค่าเป้าหมายที่คุณควรจะควบคุมให้ได้ ซึ่งโดยทั่วไปแพทย์จะแนะนำค่าเป้าหมาย ดังนี้
- ระดับน้ำตาลก่อนอาหาร 80–130 mg/dL
- ระดับน้ำตาลหลังอาหาร 2 ชั่วโมง ต่ำกว่า 180 mg/dL
หมายเหตุ โปรดปรึกษาแพทย์ของคุณเกี่ยวกับค่าเป้าหมายในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดที่เหมาะสมสำหรับคุณ เพราะบางครั้งค่าเป้าหมายสำหรับแต่ละคนอาจแตกต่างกันได้
ต้องตรวจระดับน้ำตาลในเลือดด้วยตนเองบ่อยแค่ไหน?
จำนวนครั้งในการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดด้วยตนเองจะขึ้นอยู่กับประเภทของโรคเบาหวาน และยาที่ใช้รักษาโรคเบาหวาน เช่น ผู้ป่วยที่ใช้ยาฉีดอินซูลินอาจจำเป็นต้องตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดบ่อยกว่าผู้ที่ไม่ได้ใช้ยาฉีดอินซูลิน
โดยทั่วไปเวลาที่แนะนำให้ตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดคือ ตื่นนอน ก่อนอาหาร หลังอาหาร 2 ชั่วโมง และก่อนนอน
แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับความถี่ และช่วงเวลาที่เหมาะสม ในการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดด้วยตนเอง
ถ้าระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินไป ควรทำอย่างไร?
ภาวะระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินไป (Hyperglycemia) หมายถึงระดับน้ำตาลในเลือดของคุณสูงกว่าค่าเป้าหมาย หรือสูงกว่า 180 mg/dL การมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินไปเป็นระยะเวลานาน จะส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพร้ายแรง
หากคุณรู้สึกอ่อนเพลียมาก กระหายน้ำ มองเห็นไม่ชัด หรือปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ อาจหมายถึงระดับน้ำตาลในเลือดของคุณสูงเกินไป
หากตรวจระดับน้ำตาลในเลือดด้วยตนเองแล้วพบว่า สูงกว่าเป้าหมายที่กำหนด วิธีเบื้องต้นในการลดระดับน้ำตาล คือการดื่มน้ำแก้วใหญ่ และออกกำลังกายโดยการเดินเร็ว
หากระดับน้ำตาลในเลือดสูงมากกว่า 2 ครั้งในช่วง 1 สัปดาห์ โดยไม่ทราบสาเหตุ ให้รีบปรึกษาแพทย์ประจำตัวโดยด่วน
ถ้าระดับน้ำตาลในเลือดต่ำเกินไป ควรทำอย่างไร?
ภาวะระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia) หมายถึง ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดต่ำกว่า 70 mg/dL ซึ่งจะก่อให้เกิดอันตรายได้ และต้องได้รับการรักษาทันที
ผู้ป่วยโรคเบาหวานสามารถเกิดภาวะระดับน้ำตาลในเลือดต่ำได้ ซึ่งจะพบมากหากใช้ยาฉีดอินซูลินหรือยารักษาเบาหวานบางชนิด
อย่าลืมที่จะพกลูกอมไว้ติดตัวเสมอสำหรับแก้ไขภาวะดังกล่าว ถ้ารู้สึกมือสั่น เหงื่อออก หิวมาก ให้เช็คระดับน้ำตาลในเลือด และถึงแม้จะไม่มีอาการข้างต้น แต่ถ้าคุณคิดว่ากำลังมีภาวะระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ ก็แนะนำให้เจาะวัดด้วยตนเองเสมอ
ถ้าผลการตรวจด้วยตนเองพบว่า ระดับน้ำตาลต่ำกว่า 70 mg/dL ให้ปฏิบัติตามวิธีด้านล่างนี้อย่างใดอย่างหนึ่ง
- เคี้ยวเม็ดน้ำตาลกลูโคส 4 เม็ด
- ดื่มน้ำผลไม้ ประมาณ 120 มิลลิลิตร
- ดื่มน้ำหวานอัดลมที่มีน้ำตาล ประมาณ 120 มิลลิลิตร
- อมลูกอม โดยเคี้ยวให้เป็น 4 ส่วน
หลังจากปฏิบัติตามวิธีข้างต้น 1 วิธีแล้ว ให้รอ 15 นาที และตรวจระดับน้ำตาลในเลือดซ้ำอีกครั้ง และให้ทำซ้ำวิธีข้างต้นจนกว่าระดับน้ำตาลในเลือดจะสูงกว่า 70 และหากมื้ออาหารถัดไป ต้องรอนานตั้งแต่ 1 ชั่วโมงขึ้นไป ให้รับประทานอาหารว่างรองท้องก่อนด้วย
ถ้ามีภาวะระดับน้ำตาลต่ำบ่อยครั้ง แนะนำให้ตรวจระดับน้ำตาลในเลือดก่อนขับรถ หากพบว่าต่ำจะต้องรักษาให้เป็นปกติก่อนขับรถเสมอ
ข้อควรรู้เกี่ยวกับการตรวจระดับน้ำตาลสะสม
การตรวจระดับน้ำตาลสะสมจะช่วยบอกคุณและทีมแพทย์ที่ดูแลรักษาว่า ระดับน้ำตาลเฉลี่ยของคุณในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาเป็นเท่าใด ซึ่งจะช่วยให้ทีมแพทย์ตัดสินใจเลือกชนิดและปริมาณของยารักษาโรคเบาหวานได้
เป้าหมายในการควบคุมระดับน้ำตาลสะสมที่เหมาะสมคือเท่าใด?
ผู้ป่วยโรคเบาหวานส่วนใหญ่จะมีค่าระดับน้ำตาลสะสมเป้าหมายที่น้อยกว่า 7 ค่าระดับน้ำตาลสะสมจะต่างจากระดับน้ำตาลที่คุณตรวจทุกวัน ทีมแพทย์ที่ดูแลจะเป็นผู้ตัดสินใจว่า เป้าหมายในการควบคุมระดับน้ำตาลสะสมที่เหมาะสมสำหรับคุณคือเท่าใด
ต้องตรวจค่าระดับน้ำตาลสะสมบ่อยแค่ไหน?
คุณจำเป็นต้องตรวจระดับน้ำตาลสะสมอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง และต้องตรวจถี่ขึ้นถ้าหากมีอาการ ดังนี้
- ค่าที่ตรวจได้สูงกว่าเป้าหมายของคุณ
- การรักษาโรคเบาหวานของคุณมีการเปลี่ยนแปลง
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์เป้าหมาย
หากพบว่า ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์เป้าหมายที่กำหนดได้ อาจต้องปรับเปลี่ยนวิธีการรักษา แนะนำให้ไปพบแพทย์ทันทีหากระดับน้ำตาลในเลือดสูงหรือต่ำกว่าเป้าหมายบ่อยครั้ง การปฏิบัติตามคำแนะนำข้างต้น จะช่วยให้คุณมีสุขภาพแข็งแรงทั้งในวันนี้ และในอนาคต
ข้อควรจำ
- ตรวจระดับน้ำตาลในเลือดด้วยตนเองทุกวัน ตามจำนวนครั้งที่ทีมแพทย์แนะนำ
- ตรวจระดับน้ำตาลสะสมอย่างน้อย 2 ครั้งต่อปี
- จดบันทึกค่าระดับน้ำตาลในเลือด และระดับน้ำตาลสะสมไว้เสมอ
- นำผลการจดบันทึกค่าระดับน้ำตาลในเลือดที่ตรวจด้วยตนเองไปให้แพทย์ดูทุกครั้ง
- ไปพบแพทย์หากระดับน้ำตาลในเลือดสูง หรือต่ำกว่าเป้าหมายบ่อยครั้ง
ผู้ป่วยโรคเบาหวานจะต้องรู้ระดับน้ำตาลในเลือดที่เหมาะสมสำหรับตัวเอง รวมถึงวิธีการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดด้วยตัวเอง เพื่อที่จะได้ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างเหมาะสม เพราะถ้าหากผู้ป่วยไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดจะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพร้ายแรงได้ เช่น เป็นโรคไต หรือเบาหวานขึ้นตา