สรุปการรีวิว
ปิด
ปิด
- STD ย่อมาจากโรค “Sexually Transmitted Diseases” หรือที่เรียกกันในชื่อ “โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์” เป็นโรคติดต่อจากคนสู่คน โดยมีสาเหตุหลักในการติดต่อมาจากการมีเพศสัมพันธ์
- โรค STD ที่พบได้บ่อยในคนไทยได้แก่ โรคเอดส์ โรคซิฟิลิส โรคหนองในแท้ โรคหนองในเทียม โรคหูดหงอนไก่
- โรค STD ที่เกิดจากการ “ติดเชื้อแบคทีเรีย” สามารถรักษาให้หายได้แต่ในส่วนของโรคที่ติดจากการติดเชื้อไวรัสนั้น เชื้อจะยังคงอยู่ในร่างกายไปตลอดชีวิต และทำได้เพียงประคองอาการของโรคให้อยู่ในระดับควบคุมได้เท่านั้น
- การตรวจคัดกรอง STD สามารถทำได้หลายแนวทาง ได้แก่ การตรวจเลือด การตรวจปัสสาวะ และการเก็บสารคัดหลั่งจากอวัยวะเพศ
- ความถี่ในการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จะขึ้นอยู่กับพฤติกรรมเสี่ยงของผู้เข้าตรวจ หากเป็นผู้ที่มีเพศสัมพันธ์บ่อยหรือเปลี่ยนคู่นอนบ่อย ก็ควรตรวจทุกเดือน
- บทความนี้ได้รับการสปอนเซอร์จาก MN Medical Clinic พยาบาลผู้ให้ข้อมูลไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโฆษณาหรือการซื้อขายแพ็กเกจ #HDinsight
- ดูรายละเอียด ราคาตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่ MN Medical Clinic
- ดูรายละเอียด โปรแกรมตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ใกล้บ้าน
- สอบถามแอดมินเพิ่มเติมเกี่ยวกับแพ็กเกจได้ที่ไลน์ @HDcoth
เลือกหัวข้อที่สนใจได้ที่นี่
การมีความสัมพันธ์ทางกายโดยไม่มีการป้องกัน อาจนำมาซึ่งการติดเชื้อที่ยากต่อการรักษา และยังเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตหากไม่รีบรักษาตั้งแต่ระยะแรกๆ หรือที่เราเรียกกลุ่มโรคเหล่านี้ว่า “โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์”
นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่เราทุกคนไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหน เพศอะไร ก็ต้องมีข้อมูลและความเข้าใจในการป้องกันกลุ่มโรคชนิดนี้อย่างเหมาะสม หรือหากพบว่าตนเองอยู่ในกลุ่มเสี่ยงก็ควรรู้ว่ามีกระบวนการตรวจและดูแลตนเองอย่างไรอย่างถูกวิธี
หรือหากคุณยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ควรรู้เลย HDmall.co.th ร่วมกับ MN Medical Clinic โดยนายมัธพงษ์ อ่องคำ พยาบาลวิชาชีพ ประจำ MN Medical Clinic จะมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เราทุกคนควรรู้ รวมถึงคำแนะนำในการตรวจคัดกรองกลุ่มโรคชนิดนี้
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์คืออะไร?
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือ STD (Sexually Transmitted Diseases) เป็นโรคติดต่อจากคนสู่คน โดยมีสาเหตุหลักในการติดต่อมาจากการมีเพศสัมพันธ์ จนทำให้เกิดการส่งต่อเชื้อถึงกันได้ โดยแบ่งออกได้ 3 ชนิด ได้แก่ เชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย และเชื้ออื่นๆ เช่น เชื้อพยาธิต่างๆ ซึ่งเชื้อแต่ละชนิดก็จะสามารถก่อโรคได้แตกต่างกันไป
โดยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้บ่อยและเป็นที่รู้จัก ได้แก่
- โรคเอดส์ (Acquired Immune Deficiency Syndrome: AIDS)
- โรคซิฟิลิส (Syphilis)
- โรคหนองในแท้ (Gonorrhea)
- โรคหนองในเทียม (Chlamydia)
- โรคเริม (Herpes Simplex)
- การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ (Hepatitis)
- โรคมะเร็งปากมดลูก (Cervical Cancer)
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้บ่อยในคนไทยมีโรคอะไรบ้าง?
5 โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้บ่อยในคนไทย ไม่ว่าจะเพศใดก็ตาม ได้แก่
- โรคเอดส์ เกิดจากการติดเชื้อไวรัส HIV (Human Immunodeficiency Virus) ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่ส่งผลทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายบกพร่อง ทำให้ร่างกายผู้รับเชื้ออ่อนแอลง ไม่สามรถป้องกันตนเองจากเชื้อโรคภายนอกร่างกายได้ และนำไปสู่การเกิดโรคแทรกซ้อนอื่นๆ รวมถึงอาการเจ็บป่วยต่างๆ ที่มักรุนแรง และมีโอกาสถึงแก่ชีวิตได้
- โรคซิฟิลิส เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Treponema Pallidum จนทำให้มีอาการผื่นขึ้นตามตัว อวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือช่องปาก ร่วมกับปวดไขข้อ และผมร่วง หากไม่รีบรักษา ระยะของโรคอาจรุนแรงถึงขั้นตาบอด หูหนวก กระดูกอักเสบ สมองพิการ และเสียชีวิตได้
- โรคหนองในแท้ เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Neisseria Gonorrhoeae ทำให้มีอาการปัสสาวะแสบขัด มีน้ำหนองไหลออกจากอวัยวะเพศ มีตกขาวมาก ระยะของโรคอาจรุนแรงได้ถึงขั้นต่อมลูกหมากอักเสบ ท่องรังไข่ตีบตัน หรือเป็นหมันได้
- โรคหนองในเทียม เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Chlamydia Trachomatis มีลักษณะอาการของโรคคล้ายกับโรคหนองในแท้
- โรคหูดหงอนไก่ เกิดจากการติดเชื้อไวรัส HPV (Human Papilloma Virus) จนทำให้ผู้ป่วยมีติ่งเนื้อหรือก้อนเนื้อขรุขระเหมือนหงอนไก่บริเวณรอบๆ อวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือขาหนีบ
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ติดต่อผ่านช่องทางไหนบ้าง?
การส่งต่อเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สู่ผู้อื่นแบ่งออกได้หลายช่องทาง เช่น
- ผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่งของอวัยวะเพศ
- ผ่านการสัมผัสอวัยวะเพศ ไม่ว่าจะเป็นองคชาต ช่องคลอด และทวารหนัก
- ผ่านทางปาก โดยอาจเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ทางปาก
- จากแม่สู่ลูก
ใครคือกลุ่มเสี่ยงติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บ้าง?
กลุ่มผู้ที่เสี่ยงติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้มากกว่าคนทั่วไป ได้แก่
- ผู้ที่ไม่สวมถุงยางอนามัยระหว่างมีเพศสัมพันธ์ หรือคู่นอนไม่สวมถุงยางอนามัย
- ผู้ที่มีคู่นอนหลายคน
- ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์บ่อยครั้ง
- ผู้ที่ติดเชื้อไวรัส HIV อยู่แล้ว
- กลุ่มคนรักร่วมเพศ
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์รักษาให้หายได้หรือไม่?
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากการ “ติดเชื้อแบคทีเรีย” สามารถรักษาให้หายได้ เช่น โรคหนองในแท้ โรคหนองในเทียม โรคซิฟิลิส
แต่ในส่วนของโรคที่ติดจากการติดเชื้อไวรัสนั้น เชื้อจะยังคงอยู่ในร่างกายไปตลอดชีวิต และทำได้เพียงประคองอาการของโรคให้อยู่ในระดับควบคุมได้เท่านั้น เช่น โรคเริม โรคมะเร็งปากมดลูก การติดเชื้อไวรัส HIV
วิธีสังเกตอาการจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วยตัวเอง
ผู้ที่ติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางรายจะไม่มีอาการแสดงใดๆ ออกมานอกเสียจากจะไปตรวจคัดกรองโรคกับแพทย์เท่านั้น แต่ในบางรายก็จะมีอาการแสดงทางร่างกายออกมาซึ่งสามารถสังเกตเห็นได้ เช่น
- มีตกขาวมากผิดปกติ
- มีเมือกหรือสารคัดหลั่งสีเขียว มีกลิ่นเหม็นมากออกมาจากอวัยวะเพศทั้งชายและหญิง
- มีติ่งเนื้อหรือก้อนเนื้อเกิดขึ้นที่อวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือขาหนีบ
- รู้สึกแสบขัดอวัยวะเพศระหว่างปัสสาวะ
วิธีตรวจหาเชื้อก่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ทำได้กี่วิธี?
การตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สามารถทำได้ 3 วิธีหลักๆ ได้แก่
- การตรวจเลือด เป็นวิธีตรวจที่ง่ายและทราบผลการตรวจได้ภายใน 1-2 วัน นอกจากนี้ยังสามารถตรวจคัดกรองโรคได้หลายอย่าง เช่น ซิฟิลิส การติดเชื้อไวรัส HIV และไวรัสตับอักเสบบี
- การตรวจปัสสาวะ เป็นอีกวิธีตรวจที่ได้รับความนิยมเช่นกัน และยังทราบผลตรวจค่อนข้างเร็ว โดยสามารถตรวจคัดกรองได้หลายโรค เช่น โรคหนองในแท้ โรคหนองในเทียม โรคเริม โรคซิฟิลิส
- การเก็บสารคัดหลั่งจากอวัยวะเพศ หรือที่เรียกว่าวิธี Swab สามารถคัดกรองโรคได้หลายอย่างเช่นกัน เช่น โรคเริม โรคซิฟิลิส โรคหนองในแท้ โรคหนองในเทียม การติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด
ตรวจหาเชื้อก่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ควรตรวจบ่อยแค่ไหน?
ความถี่ในการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมเสี่ยงของผู้เข้าตรวจ หากเป็นผู้ที่มีเพศสัมพันธ์บ่อยหรือเปลี่ยนคู่นอนบ่อย ก็ควรตรวจทุกเดือน
แต่หากมีพฤติกรรมเสี่ยงรองลงมา ก็อาจตรวจทุกๆ 3-6 เดือน ส่วนผู้ที่ไม่ได้มีพฤติกรรมเสี่ยง ก็ให้ตรวจตามแต่โอกาสหรือเมื่อเผชิญสถานการณ์ที่ทำให้เกิดความกังวล เช่น พบว่าคู่นอนไม่สวมถุงยางอนามัย มีการเปลี่ยนคู่นอน
อยากป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ทำได้อย่างไร?
การสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งระหว่างมีเพศสัมพันธ์ คือ วิธีป้องกันการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ถึง 90%
ส่วนวิธีการคุมกำเนิด เช่น การใส่ห่วงอนามัย การฝังยาคุมกำเนิด การกินยาคุมกำเนิด ไม่ได้ช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
หรือหากต้องการป้องกันโรคแบบฉุกเฉิน ก็สามารถใช้วิธีกินยา PrEP หรือยา PEP ซึ่งเป็นยาช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัส HIV ได้ แต่ในส่วนเชื้อไวรัสหรือเชื้อแบคทีเรียตัวอื่นๆ จะยังไม่สามารถป้องกันได้
รับบริการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ MN Medical Clinic
MN Medical Clinic เป็นศูนย์บริการตรวจทางการแพทย์ที่เปิดให้บริการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และฟังผลตรวจกับแพทย์ ทั้งในรูปแบบการตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ และการเก็บสารคัดหลั่ง
โดยตลอดทุกขั้นตอนของการตรวจ จะมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพคอยให้คำแนะนำและดูแลทุกขั้นตอน ในบรรยากาศห้องตรวจที่เป็นส่วนตัว และสะอาดถูกหลักสุขอนามัยทางการแพทย์
หากคุณมีความกังวลเรื่องความเสี่ยงในการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และต้องการทราบผลตรวจที่แม่นยำเพื่อนำไปสู่การดูแลตนเองในขั้นตอนถัดไปที่เหมาะสม แพทย์และเจ้าหน้าที่ของ MN Medical Clinic พร้อมเป็นผู้ช่วยให้คำแนะนำกับคุณทั้งในส่วนขั้นตอนการตรวจ และการดูแลสุขภาพหลังผลตรวจออกเรียบร้อยแล้ว
ขั้นตอนการรับบริการและฟังผลตรวจกับทาง MN Medical Clinic ใช้เวลาไม่นาน ในส่วนของการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จะใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น และทราบผลตรวจภายใน 1-3 วัน
หยุดทุกความกังวลเกี่ยวกับการติดเชื้อโรคติดต่อด้วยบริการตรวจทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐานและรวดเร็วทันใจ จาก MN Medical Clinic หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแพ็กเกจตรวจของทางคลินิกได้ผ่านทางไลน์ @HDcoth