HDmall สรุปให้
ปิด
ปิด
- การวินิจฉัยโรคอ้วนที่เหมาะสมและครอบคลุมยิ่งขึ้น คือ การวัดเปอร์เซ็นต์ไขมันภายในร่างกายร่วมไปกับตรวจ BMI เพื่อดูค่ามวลไขมันที่สะสมในร่างกายของผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักในแต่ละรายว่ามีมากน้อยเพียงใด และต้องลดลงมากเท่าไหร่
- การลดน้ำหนักยังเกี่ยวข้องกับโรคประจำตัว ฮอร์โมนต่างๆ ภายในร่างกาย รวมถึงยาประจำตัวที่กินอยู่ สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักตัวทั้งสิ้น
- วิธีป้องกันปัญหาการเกิดโยโย่เอฟเฟกต์คือ การปรับวิธีการลดน้ำหนักให้เหมาะต่อสุขภาพและไลฟ์สไตล์ จนไม่ทำให้เกิดความรู้สึกฝืนตนเอง และสามารถใช้แนวทางนี้ในการดำเนินชีวิตประจำวันแบบระยะยาว
- อีกรูปแบบการลดน้ำหนักที่อาจเป็นตัวเลือกน่าสนใจสำหรับผู้ที่มีเงื่อนไขสุขภาพบางประการ คือ การลดน้ำหนักกับแพทย์เฉพาะทางต่อมไร้ท่อโดยตรง ซึ่งจะสามารถป้องกันปัจจัยด้านสุขภาพที่อาจมาเป็นอุปสรรคในการลดน้ำหนักได้
- ปัจจุบันมีการใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อควบคุมหนัก เป็นยาที่มีข้อบ่งใช้สำหรับการลดน้ำหนักในผู้มีภาวะน้ำหนักเกินหรืออ้วนร่วมกับปัญหาด้านสุขภาพ ซึ่งเป็นยาควบคุมพิเศษต้องสั่งจ่ายโดยแพทย์เท่านั้น ไม่สามารถวางจำหน่ายทางออนไลน์หรือตามร้านค้าทั่วไป
- บทความนี้ได้รับการสปอนเซอร์จากโรงพยาบาลวิมุต แพทย์ผู้ให้ข้อมูลไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโฆษณาหรือการซื้อขายแพ็กเกจ #HDinsight
- ดูรายละเอียด โปรแกรม Healthy Slim Life Plus+ ควบคุมน้ำหนักด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ ที่ โรงพยาบาลวิมุต
- ดูโปรแกรมทั้งหมดจาก โรงพยาบาลวิมุต บน HDmall.co.th
- สอบถามแอดมินเพิ่มเติมเกี่ยวกับแพ็กเกจได้ที่ไลน์ @HDcoth
เลือกหัวข้อที่สนใจได้ที่นี่
- 3 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการลดน้ำหนัก
- การลดน้ำหนัก ช่วยแก้ปัญหาแค่โรคอ้วนจริงหรือไม่?
- อยากลดน้ำหนักควรเริ่มต้นอย่างไร?
- อยากลดน้ำหนัก ต้องงดกินน้ำตาล จริงหรือไม่?
- ปัญหาสุขภาพที่เป็นอุปสรรคต่อการลดน้ำหนัก
- ลดน้ำหนักกับแพทย์ ที่โรงพยาบาลวิมุต
- อุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อควบคุมหนักคืออะไร?
- ลดน้ำหนักอย่างยั่งยืน คำตอบสุดท้ายอยู่ที่ตัวเรา
- บทความที่ HDmall.co.th แนะนำ
การลดน้ำหนักไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับหลายคน ถึงแม้จะลองทำตามสูตรการลดน้ำหนักของผู้เชี่ยวชาญ เทรนเนอร์ หรือคนดังในอินเทอร์เน็ตหลายคน ก็มีกลุ่มคนไม่น้อยที่ยังพบกับความผิดหวังจากการลดน้ำหนักไม่สำเร็จอยู่
นอกจากนี้หลายคนยังมองการลดน้ำหนักเป็นช่วงเวลาที่บั่นทอนความสุขของชีวิต ทั้งต้องงดกินสิ่งที่ชอบ ต้องอดทนออกกำลังกาย ต้องเลือกกินอาหารทั้งที่ไลฟ์สไตล์ของชีวิตไม่ได้มีเวลาในการคัดเลือกตารางการกินได้มากขนาดนั้น
HDmall.co.th ร่วมกับ ศูนย์เบาหวานและต่อมไร้ท่อ โรงพยาบาลวิมุต โดยนายแพทย์ปริญญา สมัครการไถ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคเบาหวานและต่อมไร้ท่อ โรงพยาบาลวิมุต ที่จะมาไขปริศนาความเชื่อเกี่ยวกับการลดน้ำหนักที่ผิดๆ พร้อมแนะนำแนวทางในการลดน้ำหนักที่ดีต่อสุขภาพ
3 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการลดน้ำหนัก
นายแพทย์ปริญญาได้กล่าวถึง 3 ความเชื่อที่หลายๆ คนยังคงเข้าใจผิดอยู่เกี่ยวกับการลดน้ำหนัก และเป็นตัวการที่ทำให้การลดน้ำหนักเป็นไปอย่างยากลำบาก ดังต่อไปนี้
1. โรคอ้วนวินิจฉัยได้จาก BMI เกิน 25 เท่านั้น
เมื่อพูดถึงเกณฑ์การวัดความเสี่ยงเป็นโรคอ้วนหรือมีน้ำหนักเกินเกณฑ์ หลายคนก็มักจะใช้วิธีวัดค่าดัชนีมวลกาย หรือค่า BMI (Body Mass Index) เป็นตัวชี้วัดโรคนี้ โดยเกณฑ์มาตรฐานคือ BMI เกิน 25 เท่ากับเป็นโรคอ้วน แต่ความจริงแล้วในปัจจุบัน เราจะวินิจฉัยโรคอ้วนแค่จากค่า BMI เพียงอย่างเดียวไม่ได้อีกต่อไป
การวินิจฉัยโรคอ้วนที่เหมาะสมและครอบคลุมยิ่งขึ้น คือ การวัดเปอร์เซ็นต์ไขมันภายในร่างกายร่วมไปกับตรวจ BMI เพื่อดูค่ามวลไขมันที่สะสมในร่างกายของผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักในแต่ละรายว่ามีมากน้อยเพียงใด และต้องลดลงมากเท่าไรจึงจะเหมาะสมต่อสุขภาพที่สุด
โดยค่าไขมันที่อยู่ในเกณฑ์โรคอ้วนคือ ผู้หญิงเกิน 30 เปอร์เซนต์ และผู้ชายเกิน 25 เปอร์เซนต์ ส่วนค่า BMI ที่เข้าข่ายโรคอ้วนคือ เกิน 25
2.การกินน้อยออกกำลังกายหนัก ก็เพียงพอที่จะทำให้ลดน้ำหนักได้
ความเชื่อที่ว่า “กินน้อย ออกกำลังกายหนัก ช่วยให้ลดน้ำหนัก” แต่ปัจจัยที่ทำให้น้ำหนักตัวลดหรือเพิ่มขึ้น ไม่ได้มีแค่พฤติกรรมการกินหรือออกกำลังกายเพียงอย่างเดียว
การลดน้ำหนักยังเกี่ยวข้องกับโรคประจำตัว ฮอร์โมนต่างๆ ภายในร่างกาย การนอนที่เพียงพอและเหมาะสม ความเครียด รวมถึงยาประจำตัวที่กินอยู่ สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักตัวทั้งสิ้น
ดังนั้นต่อให้กินให้น้อยแค่ไหน หรือออกกำลังกายหนักเพียงใด 2 กิจวัตรนี้ก็ยังไม่ได้เป็นตัวชี้วัดที่จะทำให้น้ำหนักตัวคุณลดลงได้เสมอไป
เพราะในกลุ่มที่มีโรคประจำตัว มีความผิดปกติเกี่ยวกับฮอร์โมน มีการนอนที่ไม่เพียงพอ มีความเครียด หรือกำลังใช้ยาประจำตัวบางชนิด อาจลดน้ำหนักได้ยาก หรือมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นผิดปกติได้ง่าย โดยอาจมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นถึง 10 กิโลกรัมภายใน 1 เดือนโดยที่ไม่รู้ถึงสาเหตุที่แท้จริง
ปัญหานี้สามารถตรวจวินิจฉัยได้ผ่านการตรวจสุขภาพกับแพทย์อย่างละเอียดก่อนเริ่มลดน้ำหนัก
3. ยาที่ช่วยลดน้ำหนักอันตราย ไม่ควรใช้เด็ดขาด
เมื่อพูดถึงสิ่งที่เรียกว่า “ยาลดน้ำหนัก” หลายคนก็มักจะรีบโบกมือลาและมองว่า ยาประเภทนี้มีแต่สร้างอันตรายต่อสุขภาพ และทำให้เกิดปัญหาโยโย่ ซึ่งเป็นปัญหาที่มักจะทำให้ร่างกายกลับมาอ้วนมีน้ำหนักเกินเกณฑ์อีกครั้ง
แต่ความจริงแล้ว ในวงการแพทย์ก็ได้มียาลดน้ำหนักที่ได้รับมาตรฐานจากองค์การอาหารและยาออกมาด้วยเช่นกัน โดยยาชนิดนี้มีความปลอดภัยต่อการใช้งาน เพียงแต่ต้องควบคุมการใช้ยาโดยแพทย์เท่านั้น และห้ามซื้อมาใช้เองโดยเด็ดขาด
ในส่วนของปัญหาโยโย่เอฟเฟกต์ (Yo – Yo Effect) นายแพทย์ปริญญากล่าวว่า ปัญหานี้มักมีต้นตอมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้ที่ลดน้ำหนักมากกว่าผลกระทบมาจากยา
ซึ่งวิธีป้องกันปัญหาการเกิดโยโย่เอฟเฟกต์คือ ปรับวิธีการลดน้ำหนักให้เหมาะต่อสุขภาพและไลฟ์สไตล์ จนไม่ทำให้เกิดความรู้สึกฝืนตนเองจนเกินไปเพื่อลดน้ำหนักจนไม่มีความสุขในการใช้ชีวิต และสามารถใช้แนวทางนี้ในการดำเนินชีวิตประจำวันแบบระยะยาวได้ เมื่อนั้น โอกาสโยโย่ก็จะยากที่จะเกิดขึ้น
การลดน้ำหนัก ช่วยแก้ปัญหาแค่โรคอ้วนจริงหรือไม่?
หลายคนอาจมองว่า การลดน้ำหนักมักให้ผลลัพธ์ที่เด่นในด้านการรักษาโรคอ้วนและสรีระที่ดูใหญ่ขึ้นเท่านั้น แต่ความจริงแล้วการลดน้ำหนักมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรคร้ายหรือปัญหาด้านสุขภาพได้หลายอย่าง เช่น
- โรคความดันโลหิตสูง
- โรคหลอดเลือดหัวใจ
- โรคมะเร็งตับ
- โรคไขมันพอกตับ
- โรคเบาหวาน
- อาการนอนกรน
- อาการปวดเข่า
- ภาวะผิดปกติของถุงน้ำในรังไข่
- ปัญหาภาวะมีบุตรยาก
- ปัญหาสมรรถภาพทางเพศ
นอกจากน้ำหนักที่ลดลงแล้ว ปัญหาทางสุขภาพอื่นๆ ก็ลดลงด้วยหากดูแลสุขภาพได้อย่างถูกวิธี
อยากลดน้ำหนักควรเริ่มต้นอย่างไร?
อย่างแรกที่ควรทำเมื่อเราตัดสินใจเริ่มน้ำหนัก คือ “การหาต้นตอที่ทำให้เกิดภาวะอ้วนของตนเอง” ซึ่งเป็นวิธีปรับแก้ปัญหาน้ำหนักตัวจากต้นเหตุ และทำให้สามารถเริ่มต้นแนวทางการดูแลสุขภาพใหม่แบบระยะยาวได้ รวมถึงช่วยป้องกันไม่ให้ภาวะอ้วน หรือปัญหาโยโย่กลับมาในอนาคตอีกด้วย
นายแพทย์ปริญญาได้ยกตัวอย่างถึงต้นตอที่ทำให้เกิดภาวะอ้วนซึ่งอาจเกิดมาจากพฤติกรรมของเราเองก็ได้ หรืออาจเกิดมาจากปัจจัยภายในร่างกายที่ต้องตรวจโดยแพทย์เสียก่อน เช่น
- เป็นคนชอบกินจุกจิกระหว่างวัน
- ชอบกินอาหารประเภทที่มีคาร์โบไฮเดรตหรือมีน้ำตาลในปริมาณต่อวันมาก
- เป็นคนกินอาหารปกติ แต่มักเป็นอาหารที่มีแคลอรีแฝงสูง และไม่ทันรู้ตัว
- เป็นคนติดดื่มสุรา
- ไม่ชอบออกกำลังกาย หรือมีกิจวัตรการทำงานที่ทำให้ไม่ค่อยได้เคลื่อนไหวร่างกายมากนัก
- เป็นคนกล้ามเนื้อน้อย แต่ไขมันสะสมเยอะ
- มีปัญหาการนอนหลับผิดปกติ
- ร่างกายมีฮอร์โมนผิดปกติ
- ใช้ยาบางตัวซึ่งกระตุ้นให้น้ำหนักตัวขึ้นง่าย
หลังจากนั้นเมื่อเราพบสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาอ้วนแล้ว จึงค่อยปรับพฤติกรรมสุขภาพใหม่ เพื่อทำให้สาเหตุที่ทำให้เราอ้วนนั้นลดลงหรือหายไป เช่น
- ปรับวิธีการกินอาหารในแต่ละวัน ลดการกินอาหารบางชนิดให้น้อยลง
- ทำตารางการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับตนเอง
- ลดความถี่ในการดื่มสุรา หรือเข้าสู่การบำบัดเพื่อเลิกสุรา
- ตรวจการนอนหลับและรักษาปัญหานอนไม่หลับกับแพทย์
- ตรวจฮอร์โมนและปรึกษาการปรับระดับฮอร์โมนในร่างกายกับแพทย์
- ปรับการใช้ยาบางตัว หรือเปลี่ยนยาตัวเดิมเป็นตัวใหม่ โดยให้แพทย์ประจำตัวหรือแพทย์เฉพาะทางสั่งจ่ายให้
อยากลดน้ำหนัก ต้องงดกินน้ำตาล จริงหรือไม่?
อยากลดน้ำหนัก ต้องงดกินน้ำตาล งดกินของหวานจริงหรือไม่? นายแพทย์ปริญญาตอบคำถามนี้ว่า การลดน้ำหนักไม่จำเป็นต้องงดกินอาหารที่มีน้ำตาล เพียงแต่ต้องกินในปริมาณที่พอเหมาะกับระบบเผาผลาญและสัดส่วนร่างกายของแต่ละบุคคล ซึ่งจะมีความแตกต่างกันไป
ปัญหาสุขภาพที่เป็นอุปสรรคต่อการลดน้ำหนัก
3 ปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพที่มักส่งผลต่อความสำเร็จในการลดน้ำหนัก ได้แก่
- ต่อมไทรอยด์ ซึ่งเป็นต่อมที่มีผลต่อระบบเผาผลาญไขมันของร่างกาย และส่งผลต่อน้ำหนักตัวที่อาจมากขึ้นหากต่อมไทรอยด์ทำงานน้อยกว่าปกติ
- ฮอร์โมนต่างๆ ซึ่งเป็นสารสำคัญที่สามารถส่งผลต่อน้ำหนักตัว ความรู้สึกหิว การดึงไขมันไปเผาผลาญเป็นพลังงาน หรือภาวะความเครียดซึ่งอาจทำให้เกิดพฤติกรรมกินจุกจิก ไม่ว่าจะเป็นโกรทฮอร์โมน ฮอร์โมนไทรอยด์ หรือฮอร์โมนคอร์ติซอล
- ยาประจำตัว เช่น ยาต้านโรคซึมเศร้าบางชนิด ซึ่งมีผลทำให้น้ำหนักเปลี่ยนแปลงไปได้แม้ผู้กินยาจะมีพฤติกรรมดูแลสุขภาพเป็นปกติก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้ตัวว่า ตนเองมีปัจจัย 3 ส่วนนี้ที่เป็นอุปสรรคทำให้ลดน้ำหนักไม่สำเร็จ
แนวทางการป้องกันสามารถเริ่มด้วยการตรวจสุขภาพทุกปี หรือตรวจสุขภาพในรายการที่เหมาะสมก่อนเริ่มลดน้ำหนัก เช่น ตรวจฮอร์โมน ตรวจต่อมไทรอยด์ หรือปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับผลกระทบจากยาประจำตัวที่กำลังใช้เพื่อให้การลดน้ำหนักเป็นผลลัพธ์ได้ง่ายที่สุด
อีกรูปแบบของการลดน้ำหนักที่เป็นตัวเลือกน่าสนใจสำหรับผู้ที่มีเงื่อนไขสุขภาพบางประการคือ การลดน้ำหนักกับแพทย์โดยตรง วิธีนี้จะช่วยป้องกันปัจจัยด้านสุขภาพและช่วยให้การลดน้ำหนักไม่ไปกระทบกับโรคประจำตัว หรือภาวะของร่างกายที่อยู่ในระหว่างการรักษาอีกด้วย
ลดน้ำหนักกับแพทย์ ที่โรงพยาบาลวิมุต
ศูนย์เบาหวานและต่อมไร้ท่อ โรงพยาบาลวิมุต มีโปรแกรม Healthy Slim Life Plus ตรวจและรักษาโรคอ้วน ควบคุมน้ำหนัก ลดน้ำหนักสำหรับผู้ที่สนใจอยากดูแลสุขภาพให้ดียิ่งขึ้น
ด้วยวิธีการวางแผนการปรับพฤติกรรมดูแลสุขภาพโดยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ เพื่อให้นำไปปรับใช้ได้อย่างยั่งยืน และทำให้ผู้เข้ารับบริการควบคุมน้ำหนัก ลดน้ำหนักควบคู่ไปกับสุขภาพที่ดีภายใต้การดูแลของแพทย์
ผู้เชี่ยวชาญที่ขับเคลื่อนบริการในโปรแกรม Healthy Slim Life Plus ของศูนย์เบาหวานและต่อมไร้ท่อ โรงพยาบาลวิมุต ประกอบไปด้วยบุคลากรจาก 3 ส่วนดังนี้
- แพทย์เฉพาะทางที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมน โรคอ้วน และโรคเบาหวาน ทำหน้าที่คอยดูแลสุขภาพองค์รวม โรคประจำตัวต่างๆ และตรวจเช็กโอกาสเกิดความผิดปกติที่อาจเป็นตัวต้นเหตุทำให้น้ำหนักตัวเพิ่ม นอกจากนี้ยังมีการเจาะเลือดเพิ่มเติมเพื่อประเมินความเสี่ยงของโรคอ้วนที่พบได้บ่อย
- นักกำหนดอาหาร ซึ่งจะทำการซักประวัติและรายละเอียดพฤติกรรมการกินของผู้เข้ารับบริการอย่างละเอียด ก่อนจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับกิจวัตรการกินที่เอื้ออำนวยต่อการควบคุมน้ำหนัก ลดน้ำหนัก และตรงกับไลฟ์สไตล์ผู้เข้ารับบริการแต่ละท่าน
- นักกายภาพหรือเวลเนส เทรนเนอร์ เป็นผู้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับแนวทางการออกกำลังกายที่เอื้ออำนวยต่อสรีระและความสมบูรณ์ของร่างกายในผู้เข้ารับบริการแต่ละท่าน
ศูนย์เบาหวานและต่อมไร้ท่อ โรงพยาบาลวิมุต ใช้หลักการลดน้ำหนักอย่างยั่งยืนและมั่นคงด้วยการหาสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคอ้วนในผู้เข้ารับบริการแต่ละท่านก่อนเริ่มกระบวนการลดน้ำหนัก
โดยเมื่อผู้เข้ารับบริการเดินทางเข้ามาที่ศูนย์เบาหวานและต่อมไร้ท่อ โรงพยาบาลวิมุต แพทย์จะมีการตรวจระดับเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกาย ซักประวัติสุขภาพ โรคประจำตัว ยาประจำตัว พฤติกรรมการดูแลสุขภาพก่อนหน้านี้อย่างละเอียด
แพทย์จะนำข้อมูลสุขภาพที่ได้รับไปปรึกษากับทีมบุคลากร ก่อนวางแผนดูแลสุขภาพรูปแบบใหม่ให้กับผู้เข้ารับบริการแบบเฉพาะบุคคล
ทางศูนย์เบาหวานและต่อมไร้ท่อ โรงพยาบาลวิมุต ยังมีแอปพลิเคชันติดตามผลการรักษาที่ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการสามารถติดต่อพูดคุยกับแพทย์ได้ทุกวันเมื่อมีข้อสงสัย และไม่สะดวกเดินทางมาโรงพยาบาล
นอกจากนี้ แพทย์จะนัดหมายให้ผู้เข้ารับบริการเข้ามาตรวจดูการเปลี่ยนแปลงของร่างกายในระหว่างลดน้ำหนักเป็นระยะ รวมถึงวัดเปอร์เซ็นต์ไขมันที่อาจเปลี่ยนแปลงในทุกประมาณ 2-4 สัปดาห์
อุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อควบคุมหนักคืออะไร?
อุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อควบคุมหนัก เป็นยาที่มีข้อบ่งใช้สำหรับการลดน้ำหนักในผู้มีภาวะน้ำหนักเกินหรืออ้วนร่วมกับปัญหาด้านสุขภาพ เช่น เบาหวาน ความดันเลือดสูง ไขมันในเลือดผิดปกติ หรือปัญหาภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับเนื่องจากการอุดกั้นทางเดินหายใจ
ภายในอุปกรณ์มีตัวยาสำคัญที่ออกฤทธิ์ในสมองที่ควบคุมความอยากอาหารส่งผลทำให้รู้สึกอิ่มและหิวน้อยลง ซึ่งเป็นยาควบคุมพิเศษต้องสั่งจ่ายโดยแพทย์เท่านั้น ไม่สามารถวางจำหน่ายทางออนไลน์หรือตามร้านค้าทั่วไป
เพราะยาดังกล่าวมีข้อควรระวังในการใช้ในผู้ที่มีโรคประจำตัว และแพทย์จะต้องปรับปริมาณยาให้เหมาะสมกับผู้ใช้งานในแต่ละราย รวมถึงดูแลด้านการควบคุมอาหารและการออกกำลังกายที่เหมาะสม
ในโปรแกรม Healthy Slim Life Plus หากแพทย์พิจารณาแล้วว่าผู้เข้ารับบริการจำเป็นต้องใช้ยาประกอบการลดน้ำหนักด้วย แพทย์ประจำศูนย์เบาหวานและต่อมไร้ท่อจะจ่ายยาเพิ่มเติมเพื่อให้ผู้รับบริการพร้อมต่อการลดน้ำหนักมากที่สุด โดยไม่ไปกระทบต่อเงื่อนไขด้านสุขภาพด้านอื่นๆ
โดยแพทย์อาจพิจารณาให้ผู้รับบริการใช้ “อุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก” ที่ได้มาตรฐานทางการแพทย์ และผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา
ลดน้ำหนักอย่างยั่งยืน คำตอบสุดท้ายอยู่ที่ตัวเรา
นายแพทย์ปริญญาได้กล่าวทิ้งท้ายว่า ในท้ายที่สุด ผลลัพธ์จากการลดน้ำหนักนั้นไม่ได้มาจากการใช้ยา อาหารเสริม หรืออุปกรณ์ทางการแพทย์เพียงอย่างเดียว
ตัวแปรสำคัญที่จะทำให้การลดน้ำหนักบรรลุถึงเป้าหมายได้ก็คือ ตัวผู้เข้ารับบริการเอง ที่จะต้องมีความตั้งใจและมั่นคงในการปรับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพทุกด้านตามที่แพทย์แนะนำ
เมื่อระบบต่างๆ ในร่างกายก็จะเปลี่ยนไป ร่างกายที่เคยมีแต่ไขมันสะสมก็มีโอกาสสัดส่วนลดลงได้อย่างยาวนาน ผู้เข้ารับบริการบางท่านอาจไม่จำเป็นต้องใช้ยาประจำตัวบางชนิด เช่น ยาลดความดัน หรือยาลดไขมัน อีกต่อไปด้วย เพราะสุขภาพที่แข็งแรงขึ้นเป็นผลพลอยได้ที่มาจากการดูแลตนเองที่ถูกทางกว่าในอดีต
ปรึกษาแพทย์ด้านการลดน้ำหนักที่โรงพยาบาลวิมุต เพื่อเปลี่ยนแปลงทั้งสุขภาพและสัดส่วนร่างกายของคุณเปลี่ยนไปเป็นคนใหม่ที่มีคุณภาพชีวิตดีกว่าเดิม ดูรายละเอียดโปรแกรมตรวจและรักษาโรคอ้วน Healthy Slim Life Plus โดยทีมแพทย์เฉพาะทาง บน HDmall.co.th สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ไลน์ @HDcoth