มิติของหน้าผากที่โค้งพอดีกับโครงสร้างทั้งใบหน้าเป็นอีกตัวเสริมความมั่นใจต่อองค์รวมของใบหน้าทั้งหมด หลายคนที่มีหน้าผากแบน แคบ หรือโค้งไม่พอดีกับใบหน้าต้องไว้หน้าม้าหรือทรงผมที่ปกปิดหน้าผากเอาไว้ บางคนต้องหลีกเลี่ยงที่จะถ่ายรูปมุมเอียงหรือมุมข้าง เพื่อไม่ให้หน้าผากซึ่งเป็นจุดด้อยของตนเองดูเด่นเกินไป ปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ไขได้ผ่านการ “เสริมหน้าผาก (Forehead Augmentation)” ซึ่งเป็นวิธีเสริมความงามเพื่อแก้ปัญหามิติของหน้าผากโดยเฉพาะ
สารบัญ
การเสริมหน้าผากช่วยแก้ปัญหาอะไรบ้าง?
การเสริมหน้าผากเป็นวิธีรักษาความงามเพื่อแก้ปัญหาหน้าผากสำหรับผู้ที่ไม่มั่นใจ โดยรูปแบบหน้าผากที่เหมาะต่อการเสริมหน้าผาก ได้แก่
- หน้าผากแบน ไม่นูน ไม่เรียบ
- หน้าผากแคบ กินพื้นที่ใบหน้าค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับส่วนประกอบของใบหน้าส่วนอื่น
- มิติของหน้าผากไม่สมส่วนกับมิติของส่วนประกอบใบหน้าส่วนอื่น เช่น ดั้งจมูก โหนกแก้ม โหนดคิ้ว คาง
เสริมหน้าผากทำได้กี่วิธี?
การเสริมหน้าผากสามารถทำได้หลายวิธี โดยวิธีที่ได้รับความนิยมอยู่ในท้องตลาดปัจจุบันมีอยู่ 2 วิธี ได้แก่
- การฉีดฟิลเลอร์เสริมหน้าผาก
- การผ่าตัดเสริมซิลิโคนหน้าผาก
โดยในบทความนี้จะให้ข้อมูลเบื้องต้นสำหรับการเสริมหน้าผากทั้ง 2 วิธีดังกล่าว
การฉีดฟิลเลอร์เสริมหน้าผาก
การฉีดฟิลเลอร์ (Filler) เป็นการฉีดสารฟิลเลอร์หรือสารไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นสารเติมเต็มและตกแต่งมิติให้กับใบหน้า
ฟิลเลอร์จัดเป็นสารเติมเต็มที่สามารถรักษาความสวยงามของใบหน้าได้หลายส่วน เช่น ลดความชัดของโหนกแก้ม เสริมมิติของปากให้เป็นรูปกระจับและหนาเต่งตึงขึ้น ลดร่องลึกใต้ตา เสริมมิติและรูปทรงบริเวณคาง
ส่วนการฉีดฟิลเลอร์เสริมหน้าผากจะเป็นการฉีดสารเติมเต็มเพื่อปรับมิติของหน้าผากให้เป็นทรงนูนรับกับมิติใบหน้าส่วนอื่นๆ รวมถึงเพื่อลดร่องลึกระหว่างหน้าผากกับหัวคิ้วที่อาจมองเห็นได้แม้มองในมุมหน้าตรง
จุดเด่นของการฉีดฟิลเลอร์เสริมหน้าผาก
จุดเด่นที่การฉีดฟิลเลอร์ได้รับความนิยมในการเสริมผาก อาจมีดังนี้
- การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากสามารถช่วยแก้ปัญหาเกี่ยวกับมิติของหน้าผากได้แทบทั้งหมด
- เห็นผลลัพธ์ได้เร็วภายใน 1-2 สัปดาห์หลังรับบริการ ไม่ต้องพักฟื้น ช่วงเวลาที่แผลบวมค่อนข้างสั้น หรืออาจไม่บวมเลย
- สารฟิลเลอร์มีส่วนช่วยปรับสภาพผิวหลังฉีดให้ดูอิ่มน้ำและบรรเทาริ้วรอยได้ในระดับหนึ่งด้วย
- การฉีดฟิลเลอร์เพื่อแก้ไขมิติหน้าผากยังสามารถทำได้ทั้งเพิ่มและลด โดยหากฉีดฟิลเลอร์ไปแล้วผู้เข้ารับบริการอยากจะลดมิติของหน้าผากลง ก็สามารถฉีดสารเพื่อสลายสารฟิลเลอร์ภายหลังได้
จุดด้อยของการฉีดฟิลเลอร์เสริมหน้าผาก
แม้จะมีจุดเด่นหลายข้อ แต่การเสริมหน้าผากด้วยการฉีดฟิลเลอร์ก็มีจุดด้อยที่ควรพิจารณาร่วมกันด้วย
โดยผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์เสริมหน้าผากจะไม่คงอยู่ถาวร ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของฟิลเลอร์และพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้เข้ารับบริการซึ่งอาจมีส่วนทำให้สารฟิลเลอร์สลายตัวเร็วขึ้นได้ โดยเฉลี่ยจะอยู่ได้ประมาณ 8 เดือนถึง 2 ปี
การฉีดฟิลเลอร์ยังควรอยู่ในการดูแลของแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการตกแต่งและปั้นมิติของใบหน้า มิเช่นนั้น ทั้งสัดส่วนและมิติของหน้าผากที่เปลี่ยนไปอาจไม่เข้ากับโครงหน้าของผู้เข้ารับบริการ และทำให้รูปหน้าผากดูไม่สวยงามหรือดูแปลกตาไปจากเดิมได้
การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์เสริมหน้าผาก
ผู้เข้ารับบริการควรเตรียมตัวตามคำแนะนำต่อไปในนี้ ก่อนรับบริการฉีดฟิลเลอร์เสริมหน้าผาก
- งดบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาหารหมักดอง เครื่องดื่มหรืออาหารที่มีส่วนผสมของแปะก๊วย และงดสูบบุหรี่ประมาณ 24 ชั่วโมงก่อนรับบริการ
- งดยาบางกลุ่มที่อาจส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น ยากลุ่มแอสไพริน (Aspirin) ยากลุ่มไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) ยาต้านอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ (Non-Steroidal Anti-Inflammatory Drugs: NSAIDs) อาหารเสริมกลุ่มวิตามินอี กระเทียม (Garlic) น้ำมันพริมโรส (Primrose oil) น้ำมันปลา (Fish oil)
หรือหากไม่แน่ใจเกี่ยวกับยาประจำตัว อาหารเสริมชนิดใด ให้ปรึกษาแพทย์ล่วงหน้าก่อนรับบริการ - งดยาทาผิวหรือสารกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว เช่น ยากลุ่ม Tretinoin (Retin-A) สารเรตินอล (Retinols) สารเรตินอยด์ (Retonoid) กรดไกลโคลิก (Glycolic Acid) ครีมหรือยาทาในกลุ่ม Anti-Aging ทุกชนิดประมาณ 3 วัน
- นอนพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงก่อนรับบริการ
- งดกิจกรรมกระตุ้นการสูบฉีดเลือด เช่น อบซาวน่า ทำสปา แช่น้ำร้อน การออกกำลังกายหนักๆ
- งดการทำทรีตเมนต์ สครับผิว ขัดผิว โกน ถอนขน หรือการบำรุงผิวใดๆ ประมาณ 3 วันก่อนรับบริการ
ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์เสริมหน้าผาก
กระบวนการฉีดฟิลเลอร์เสริมหน้าผากจะเริ่มจากแพทย์กำหนดปริมาณของสารฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีดเพื่อเสริมหน้าผาก หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะทำความสะอาดผิวให้กับผู้เข้ารับบริการ แล้วตามด้วยทาและฉีดยาชาให้กับผู้เข้ารับบริการ เพื่อป้องกันอาการเจ็บเมื่อเริ่มฉีดฟิลเลอร์
เมื่อยาชาออกฤทธิ์แล้ว เจ้าหน้าที่จะใช้น้ำแข็งวางบนผิวส่วนที่ฉีดเพื่อให้ผิวชาขึ้นอีกชั่วขณะ แล้วแพทย์จะเริ่มฉีดฟิลเลอร์เพื่อเสริมหน้าผากให้ทีละส่วน
การดูแลตนเองหลังฉีดฟิลเลอร์เสริมหน้าผาก
เพื่อให้สารฟิลเลอร์ได้ออกฤทธิ์เสริมมิติของหน้าผากได้มากที่สุด และเพื่อป้องกันผลข้างเคียงอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้น ผู้เข้ารับบริการควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้
- งดการสัมผัส เกา แกะ หรือกดนวดใดๆ บริเวณผิวที่ฉีดฟิลเลอร์
- อาการบวมผิวหรือผิวมีรอยเขียวช้ำอาจเกิดขึ้นประมาณ 3-7 วันหลังรับบริการ หลังจากนั้นจะค่อยๆ บรรเทาขึ้นเอง
- รับประทานยาฆ่าเชื้อ ยาแก้อักเสบ หรือยาที่แพทย์จ่ายให้อย่างเคร่งครัด
- งดอยู่ในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูง รวมถึงกิจกรรมที่ต้องสัมผัสกับความร้อน เช่น การตากแดด ซาวน่า ทำสปา ออกกำลังกาย ประมาณ 2-3 วัน
- งดการเลเซอร์ผิว หรือการทำหัตถการที่สร้างความร้อนให้กับผิวประมาณ 1 เดือน
- หลีกเลี่ยงการขยับผิวในส่วนที่เพิ่งฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งในกรณีการเสริมหากผาก อาจต้องหลีกเลี่ยงการย่นคิ้วยักคิ้ว หรือขมวดคิ้ว เพราะจะทำให้สารฟิลเลอร์ที่ฉีดบริเวณนั้นกระจายตัวออกได้
- งดการบริโภคของร้อนหรืออาหารที่ต้องอยู่หน้าเตา หม้อต้ม เช่น อาหารปิ้งย่าง ชาบู หมูกระทะ รวมถึงอาหารหมักดอง อาหารรสจัดหรือเผ็ดมาก อาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะยิ่งทำให้สารฟิลเลอร์สลายตัวเร็ว และปรับมิติของหน้าผากได้ช้าลงอีก
นอกเหนือจากการใช้สารฟิลเลอร์ฉีดเติมเต็มแล้ว บางสถานพยาบาลยังใช้วิธีการดูดไขมันจากร่างกายของผู้เข้ารับบริการมาเติมมิติที่หน้าผากอีกด้วย เช่น บริเวณต้นแขน ต้นขา หน้าท้อง เอว หรือสะโพก
อย่างไรก็ตาม การดูดไขมันเสริมหน้าผากจำเป็นอาศัยความชำนาญของแพทย์เป็นอย่างมาก เพราะมีกระบวนการที่ค่อนข้างซับซ้อน ต้องดูดไขมันหลายครั้งจึงจะเห็นผล และเสี่ยงเกิดผลข้างเคียงได้หลายส่วน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้การฉีดฟิลเลอร์เป็นวิธีที่มักได้รับความนิยมมากกว่าการดูดไขมัน
การผ่าตัดเสริมซิลิโคนหน้าผาก
การเสริมหน้าผากด้วยการผ่าตัดซิลิโคน คือ การผ่าตัดศัลยกรรมเพื่อนำแผ่นซิลิโคนที่มีรูปร่างโค้งงอเหมือนหน้าผากใส่เข้าไปยังพื้นที่หน้าผากเดิมของผู้เข้ารับบริการ เพื่อเสริมมิติของหน้าผากให้มีความสมส่วนกับใบหน้ามากขึ้น
รูปแบบของซิลิโคนที่ใช้เสริมหน้าผากก็จะผ่านการออกแบบและวิเคราะห์จากแพทย์มาก่อนผ่าตัด รวมถึงผ่านการพูดคุยปรึกษากับตัวผู้เข้ารับบริการเอง เพื่อให้ได้ทรงหน้าผากแบบที่ต้องการ และเหมาะกับโครงสร้างใบหน้ามากที่สุด
จุดเด่นของการผ่าตัดเสริมซิลิโคนหน้าผาก
จุดเด่นที่หลายคนเลือกใช้การผ่าตัดเสริมซิลิโคนหน้าผาก อาจมีดังนี้
- การผ่าตัดเสริมซิลิโคนเป็นวิธีเสริมหน้าผากแบบถาวร และแผ่นซิลิโคนที่ใส่เข้าไปยังจะได้รับการออกแบบล่วงหน้าก่อนผ่าตัด จึงจัดเป็นการเสริมหน้าผากที่ทำให้ผู้เข้ารับบริการสามารถเห็นขนาด ความสูง ความกว้าง และความนูนของหน้าผากที่จะเปลี่ยนไปล่วงหน้าก่อนรับบริการ
- วัสดุที่ใช้ทำซิลิโคนสำหรับเสริมหน้าผากในปัจจุบันยังมีอยู่หลายแบบ เพื่อแก้ปัญหาการแนบตัวของซิลิโคนกับเนื้อผากเดิมที่อาจไม่สนิท ความเป็นธรรมชาติของทรงหน้าผากหลังการผ่าตัด รวมถึงเนื้อสัมผัสของหน้าผากหลังใส่ซิลิโคนที่จะคล้ายกับกระโหลกหน้าผากจริง
- การผ่าตัดเสริมซิลิโคนหน้าผากในปัจจุบันมีโอกาสโกนผมก่อนผ่าตัดค่อนข้างน้อย ผู้เข้ารับบริการจึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับภาพลักษณ์หลังผ่าตัดที่ไม่ต้องเสียผมส่วนไหนไป หรือต้องใส่หมวกหลังผ่าตัด
จุดด้อยของการผ่าตัดเสริมซิลิโคนหน้าผาก
ถึงแม้จะมีจุดเด่นหลายข้อ แต่การผ่าตัดเสริมซิลิโคนหน้าผากก็ยังมีจุดด้อยที่ต้องพิจารณาร่วมกับแพทย์ด้วย ดังนี้
- การผ่าตัดเสริมซิลิโคนหน้าผากยังมีความเสี่ยงเรื่องผลกระทบต่อเส้นประสาทและเนื้อเยื่อที่หน้าผากอยู่
- ต้องใช้เวลาพักฟื้นและอาจมีอาการแผลบวมไประยะหนึ่งจึงจะเริ่มเห็นผลของการรักษา อาจอยู่ที่ประมาณ 1-3 เดือน
นอกจากนี้หากผู้เข้ารับบริการผ่าตัดกับแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญในการปั้นแต่งทรงซิลิโคนเสริมหน้าผาก รูปทรงหน้าผากหลังผ่าตัดก็อาจดูไม่สมดุลกับโครงสร้างใบหน้า ซึ่งก็อาจยิ่งบั่นทอนความมั่นใจของมิติใบหน้าลงไปอีกได้
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดเสริมซิลิโคนหน้าผาก
เพื่อเตรียมสุขภาพให้พร้อมก่อนการผ่าตัด ผู้เข้ารีบบริการควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้
- งดรับประทานอาหารและงดดื่มน้ำ 6-8 ชั่วโมงก่อนผ่าตัด (กรณีเลือกการผ่าตัดแบบดมยาสลบ)
- งดยากลุ่มต้านการอักเสบ วิตามินที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด หรือทำให้เลือดออกมากระหว่างผ่าตัด ประมาณ 2 สัปดาห์ถึง 1 เดือน เช่น ยากลุ่มแอสไพริน วิตามินอี น้ำมันปลา กระเทียม ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง หรือหากไม่แน่ใจเกี่ยวกับตัวยาหรืออาหารเสริมใด ให้สอบถามแพทย์ก่อนล่วงหน้า
- หากเจ็บป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับระบบไหลเวียนเลือดหรือโรคหัวใจ ให้ปรึกษาแพทย์ก่อนรับบริการ
- งดบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด
- ลางานประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อให้มีระยะเวลาในการพักฟื้นหลังผ่าตัด
- หากก่อนวันรับบริการมีอาการเจ็บป่วย ให้แจ้งแพทย์ก่อน เพราะอาจต้องเลื่อนนัดผ่าตัดออกไปจนกว่าสุขภาพจะแข็งแรง
- ควรพาญาติหรือคนสนิทมาในวันผ่าตัดด้วย เพื่อให้ช่วยดูแลอำนวยความสะดวก เนื่องจากหลังจากผ่าตัดผู้เข้ารับบริการอาจรู้สึกไม่สบายตัว จนไม่สามารถเดินทางกลับไปพักผ่อนที่บ้านได้ตามลำพัง
- ควรสระผมก่อนเดินทางมารับบริการ เนื่องจากหลังจากผ่าตัด ผู้เข้ารับบริการอาจไม่สามารถสระผมได้ในระยะหนึ่งเพื่อป้องกันการติดเชื้อและอักเสบของแผล
- สวมใส่เสื้อผ้าที่ถอดง่ายหรือเป็นเสื้อแบบติดกระดุมหน้า
- งดแต่งหน้า ใส่คอนแทคเลนส์ ทาเล็บ หรือใส่เล็บปลอมมาในวันผ่าตัด
อย่างไรก็ตาม โดยปกติแล้วแพทย์หรือผู้ให้บริการจะบอกวิธีการเตรียมตัวที่เหมาะสมสำหรับแต่ละคนก่อนถึงวันนัดอยู่แล้ว ควรยึดถือและปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด
ขั้นตอนการผ่าตัดเสริมซิลิโคนหน้าผาก
ขั้นตอนการผ่าตัดเสริมซิลิโคนหน้าผากจะแตกต่างกันไปตามสถานพยาบาล โดยมักใช้ระยะเวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง มีกระบวนหลักๆ ดังต่อไปนี้
- แพทย์ทาบซิลิโคนเสริมหน้าผากลงกับหน้าผากจริงเพื่อวาดตำแหน่งในการวางซิลิโคนก่อนผ่าตัด
- แพทย์ทำความสะอาดใบหน้าและหนังศีรษะด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ
- แพทย์เริ่มการฉีดยาให้กับผู้เข้ารับบริการ (บางสถานพยายาลอาจเป็นการวางยาสลบ)
- แพทย์เริ่มกรีดเปิดผิวหนังบริเวณไรผม 1-2 จุดจนถึงโหนกคิ้ว ความยาวจุดละประมาณ 2-4 เซนติเมตร
- แพทย์วางซิลิโคนให้พอดีกับหน้าผากตามที่กำหนดเอาไว้
- เย็บปิดแผล
การดูแลตนเองหลังผ่าตัดเสริมซิลิโคนหน้าผาก
ระยะเวลาพักฟื้นหลังผ่าตัดเสริมซิลิโคนหน้าผากจะอยู่ที่ประมาณ 1 สัปดาห์ ในระหว่างนี้ก็อาจมีอาการบวมที่แผลผ่าตัด หรือมีแผลผ่าตัดมีรอยเขียวช้ำเกิดขึ้นได้ แต่อาการเหล่านี้จะค่อยๆ บรรเทาลงไปเอง เมื่อผ่านไปประมาณ 2 สัปดาห์ถึง 1 เดือนหลังผ่าตัด
ซึ่งในระหว่างนี้ผู้เข้ารับบริการจะต้องดูแลสุขภาพและแผลผ่าตัดอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันอาการข้างเคียงอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้น เช่น
- กินยาที่แพทย์สั่งจ่ายให้อย่างเคร่งครัด
- งดสระผมหรือทำให้แผลสัมผัสน้ำ 3 วันหลังผ่าตัด หลังจากนั้นสามารถสระผมเบาๆ ได้
- ประคบเย็นเพื่อลดอาการปวดแผลใน 1-2 แรกหลังผ่าตัด หลังจากนั้นให้เปลี่ยนเป็นประคบอุ่น
- นอนหมอนสูงเพื่อให้แผลอยู่เหนือตำแหน่งของหัวใจ เพื่อลดอาการบวมและเขียวช้ำประมาณ 1-2 สัปดาห์แรก
- งดบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ 2-4 สัปดาห์
- งดทำกิจกรรมที่ออกแรงเยอะ รวมถึงการออกกำลังกาย 2-4 สัปดาห์เพื่อไม่ให้แผลกระทบกระเทือนหรือเกิดเลือดคั่งในแผล
- ใส่สายรัดหน้าผากไว้ตลอดเวลาประมาณ 3 วันแรกหลังผ่าตัด
- งดแต่งหน้าและทาครีมบำรุงบริเวณแผลจนกว่าแพทย์จะอนุญาต แต่ส่วนอื่นๆ ของใบหน้านั้นสามารถแต่งได้ตามปกติ
หลังผ่าตัดเสริมซิลิโคนหน้าผาก เมื่อไรซิลิโคนจะเข้าที่?
หลังจากผ่าตัดไปประมาณ 3 เดือน ซิลิโคนที่เสริมหน้าผากก็จะเริ่มปรับเข้ารูปกับขนาดหน้าผากเดิมของผู้เข้ารับบริการ ส่งผลให้ใบหน้าดูกลมกลืนเป็นธรรมชาติมากขึ้น
ในระยะแรกหลังผ่าตัดผู้เข้ารับบริการจำเป็นต้องอยู่กับความรู้สึกไม่ชินตา และโครงสร้างใบหน้าที่อาจยังไม่เข้าที่มากนัก หลังจากนั้นผลลัพธ์ของการรักษาก็จะค่อยๆ เปลี่ยนแปลงดีขึ้นเอง
ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยหลังเสริมหน้าผาก
การเสริมหน้าผากไม่ว่าจะวิธีฉีดฟิลเลอร์หรือผ่าตัดเสริมซิลิโคน หากรับบริการกับแพทย์ที่ไม่เชี่ยวชาญหรือในสถานพยาบาลที่ไม่ได้มาตรฐาน ก็จะเสี่ยงเกิดผลข้างเคียงหลังการรักษาได้หลายอย่าง ซึ่งกรณีที่พบได้บ่อย ได้แก่
- เนื้อหน้าผากใส เกิดจากการหล่อซิลิโคนที่มีขนาดตึงหรือคับแน่นกับหน้าผากเกินไป
- หน้าผากมีรอยย่น เป็นคลื่น ผิวไม่เรียบ หรือเสียทรง แบบเกิดได้จากการใช้สารฟิลเลอร์ปลอมหรือไม่ได้มาตรฐาน รวมถึงการออกแบบซิลิโคนเสริมหน้าผากที่ไม่พอดี
- หน้าผากมีขอบระหว่างซิลิโคนกับเนื้อหน้าผากจริงอย่างชัดเจน เกิดจากการหล่อซิลิโคนที่ขนาดไม่พอดีกับขนาดหน้าผากของผู้เข้ารับบริการ หรือการใช้วัสดุซิลิโคนที่ไม่ได้มาตรฐาน
- หน้าผากมีรอยเหี่ยวย่นไม่ตึงกระชับ แบบเกิดจากอายุผิวหนังที่มากขึ้นตามวัยจนเกิดความหย่อนคล้อย ซึ่งการใช้วิธีเสริมหน้าผากเข้ามาแก้ปัญหานี้จัดเป็นวิธีแก้ที่ไม่ตรงจุดนัก เพราะไม่ได้ช่วยลดเลือนส่วนของริ้วรอยแห่งวัยที่เกิดขึ้น ผู้เข้ารับบริการควรลองเปลี่ยนไปใช้วิธีฉีดโบท็อกซ์หรือทำไฮฟู่ (HIFU) หรือ ทำเทอร์มาจ (Thermage) แทน
หากเคยเสริมหน้าผากด้วยวิธีฉีดฟิลเลอร์มาแล้ว สามารถเสริมหน้าผากด้วยการผ่าตัดเสริมซิลิโคนด้วยได้หรือไม่?
สามารถทำได้ แต่ต้องรอให้สารฟิลเลอร์เดิมสลายตัวไปให้หมดเสียก่อนจะผ่าตัดได้ หรืออาจลองปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการฉีดสารเพื่อสลายฟิลเลอร์
หากคุณสนใจอยากรับบริการเสริมหน้าผากด้วยสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานและมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลตลอดทุกขั้นตอน เช็กราคาแพ็กเกจเสริมหน้าผากได้ผ่านทางเว็บไซต์ HDmall.co.th เพื่อให้คุณได้มีรูปทรงหน้าผากอย่างที่ตนเองต้องการ และอยู่ภายใต้การรักษาที่ปลอดภัย